บทที่ 770 ซุนซื่อผู้น่าสงสาร

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 770 ซุนซื่อผู้น่าสงสาร

บทที่ 770 ซุนซื่อผู้น่าสงสาร

ท้องของนางเริ่มประท้วงด้วยความหิว ตั้งแต่เช้าตอนที่อยู่ในคุกนางยังไม่ได้กินอะไรเลย!

แต่เมื่อไปถึงที่ห้องโถงกลับพบว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น และเมื่อไปถึงห้องอาหาร นอกจากหม้อน้ำใบใหญ่ก็ไม่มีอะไรแล้ว

คิดถึงตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้กินอะไรในห้องขัง แต่ไม่มีใครในครอบครัวสนใจนาง คิดแล้วหัวใจของซุนซื่อก็ปวดร้าว

นางกลายเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

ในครัวไม่มีสิ่งใดเลย ตั้งแต่ตัวเองติดคุก ที่บ้านก็ไม่เคยจุดไฟอีกเลย ไม่รู้คนพวกนี้กินข้าวกันอย่างไร

คิดดูแล้ว ซุนซื่อก็หัวเราะเยาะตัวเองอีกครั้ง นางเป็นคนทำงานหนัก ดูแลตัวเองไม่พอ ต้องดูแลสามีและลูกที่บ้านอีก

พวกเขาทั้งหมดมีแขนมีขา และกู้ฉวนลู่ทำงานเป็นคนทำบัญชีในร้านอาหาร พอออกไปก็มีร้านอาหาร ร้านขนม ร้านบะหมี่ มีทุกอย่างที่อยากกิน เขาจะหิวได้อย่างไร

ซุนซื่อหัวเราะอย่างสมเพชตัวเอง

ในครัวไม่เหลืออะไรแล้ว

ตอนนี้กู้ฉวนลู่ควรไปที่ร้านอาหารได้แล้ว เหวินเอ๋อร์ก็ต้องไปสำนักศึกษา

ไม่รู้ว่าที่กู้ซินเถามีอะไรกินหรือไม่!

ซุนซื่อเดินไปที่หน้าห้องของกู้ซินเถาอย่างอ่อนแรง นางเคาะประตูไม่นาน กู้ซินเถาก็ตอบอย่างเกียจคร้านว่าให้เข้ามา

ซุนซื่อผลักประตูเข้าไป ครั้นเห็นกู้ซินเถานอนพาดตัวอยู่บนเก้าอี้นวม ถือขนมสองจานในมือที่เหลืออยู่เพียงสองชิ้น

มีเศษขนมอยู่บนเสื้อผ้าของกู้ซินเถา และมีเศษติดอยู่ที่มุมปากของนางด้วย

เมื่อซุนซื่อเห็นขนม ท้องของนางก็เริ่มส่งเสียงร้องประท้วง พร้อมด้วยเสียงกลืนน้ำลายลงคอ

ในเวลานี้ กู้ซินเถาหยิบขนมขึ้นมาหนึ่งชิ้นและกำลังจะยัดเข้าปาก กู้ซินเถาเห็นน้ำลายของซุนซื่อก็ทนไม่ได้และวางมันลง

กู้ซินเถาดูเหมือนจะไม่พอใจเล็กน้อย นางมองขนมทั้งสองชิ้นในจานอีกครั้ง นี่คืออาหารเช้าที่นางกะเกณฑ์ปริมาณมาแล้ว

กู้ซินเถาไม่ค่อยเต็มใจนักที่จะแบ่งขนมในจานให้ซุนซื่อ แต่หลังจากคิดดูแล้ว นางก็ผลักมันออกไปแล้วพูดด้วยความรู้สึกที่ไม่เต็มใจเล็กน้อย “ท่านแม่ เหลืออีกสองชิ้น ข้าให้ท่านแล้วกัน!”

ซุนซื่อหิวมาก เมื่อได้ยินคำพูดของกู้ซินเถา นางก้าวไปด้านหน้าทันทีแล้วคว้าขนมหนึ่งชิ้นแล้วยัดเข้าปากอย่างเร่งรีบ

นางอยู่ในคุกและไม่ได้กินอาหารหรูหราแบบนี้มานานแล้ว

แม้ว่ากู้ซินเถาจะไปเยี่ยมที่ห้องขัง แต่ก็นำพวกแป้งทอดซาลาเปามา แต่นางไม่เคยกินของหวานที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน!

ขนมสองชิ้นถูกยัดเขาปากของนางจนหมด จนไม่สามารถเคี้ยวได้ ซุนซื่อสำลักเล็กน้อยจนพูดไม่ได้เป็นเวลานาน ขนมนั้นค่อนข้างแห้ง นางกลืนไม่ลง มันจึงติดอยู่ในคอ

กู้ซินเถาไม่เคยเห็นท่าทางที่น่าสมเพชของซุนซื่อมาก่อน

นางกำลังถือถ้วยชาและดื่มอย่างเงียบ ๆ

ซุนซื่อสำลัก เมื่อเห็นว่าในมือของกู้ซินเถามีน้ำชา นางก็รีบคว้ามาดื่มและกลืนมันลงด้วยความยากลำบาก

จากนั้นซุนซื่อก็รู้สึกดีขึ้น

นางรู้สึกว่าลำคอใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่า ซุนซื่อตบหน้าอกตัวเอง กินขนมเข้าไปรู้สึกเหมือนจะตาย

กู้ซินเถารู้สึกขยะแขยงเล็กน้อยเมื่อเห็นซุนซื่อกลืนกินขนมอย่างมูมมาม

นางรู้สึกว่าแม่ของตนหยาบคายมาก

กู้ซินเถาไม่เคยรู้ว่า เมื่อคนหิวสามารถกินอะไรก็ได้ และไม่สามารถควบคุมมารยาทใด ๆ ได้

นางกินขนมหวานไปแล้ว แล้วก็ดื่มชาอีกถ้วย หลังจากเติมเต็มกระเพาะอาหาร ซุนซื่อก็รู้สึกว่าอาการแสบร้อนข้างในดีขึ้นเล็กน้อย

ซุนซื่อลูบท้องที่เพิ่งจะกินอะไรรองท้องไป นางไม่มีทางเลือก ทำได้แค่รอเวลาเท่านั้นว่าจะสามารถหาอะไรกินได้บ้าง!

ซุนซื่อนั่งลงข้าง ๆ กู้ซินเถา

แล้วจึงเริ่มถามเกี่ยวกับสิ่งแปลก ๆ “ซินเถา หัวหน้าผู้คุมขังบอกว่าเจ้าได้พบกับขุนนาง คนผู้นั้นเป็นใครหรือ?”

เมื่อกู้ซินเถาได้ยินเช่นนั้น นางก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ท่านแม่ ท่านไม่รู้หรือว่าใครพาท่านออกมา!”

“ใคร?” ซุนซื่อถาม

นางไม่รู้จริง ๆ

ในช่วงเวลานี้ กู้ซินเถายังกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเจียงหย่วน ตั้งแต่เจียงหย่วนกลับมา กู้ซินเถาก็ไม่เคยไปที่ห้องขังอีกเลย ซุนซื่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ท่านแม่ เจียงหย่วนกลับมาแล้ว!” กู้ซินเถาตอบ

เมื่อซุนซื่อได้ยิน นางก็คิดว่าเจียงหย่วนเป็นคนที่พาตนอกมา เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ตื่นเต้นของกู้ซินเถา นางก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นเจียงหย่วนที่พานางออกมา

“เจียงหย่วนเป็นคนพาข้าออกมาหรือ?” ซุนซื่อถามด้วยน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งความตื่นเต้น

นางไม่ตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย

เจียงหย่วนคนนี้เป็นคนที่จับนางเข้าคุกในครั้งนั้น เห็น ๆ อยู่ว่าเขาเป็นคนส่งของล้ำค่าพวกนั้นมาให้กู้ซินเถาเอง แต่แล้วมาใส่ร้ายพวกนาง

ความอัปยศอดสูนี้ ทำให้คนรังเกียจเสียจริง!

ครั้นนางได้ยินว่าเจียงหย่วนพานางออกมาก นางก็ไม่มีสีหน้าอื่นนอกจากไม่พอใจ

“ท่านแม่ ไม่ใช่เขา!” กู้ซินเถาพูด “ครั้งนี้คุณหูหลิวกลับมาพร้อมกับเจียงหย่วน!”

“คุณหูหลิว? นางเป็นใครหรือ?”

“นางเป็นลูกสาวของขุนนางระดับสามในเมืองหลวง!” กู้ซินเถากล่าวอย่างตื่นเต้น ดูเหมือนว่าการเป็นคนโปรดของหลิวเทียนฉือควรค่าแก่การโอ้อวด

“ระดับสาม? ใหญ่โตแค่ไหนหรือ?” ซุนซื่อถามอย่างระมัดระวัง นางเดาไม่ออกว่าเจ้าหน้าที่ระดับสามนั้นใหญ่โตแค่ไหน!

“ท่านแม่ คงไม่รู้สินะว่าท่านเจ้าเมืองรุ่ยเสียนนั้นเป็นเพียงข้าราชการระดับเจ็ด!” เมื่อเห็นท่าทางงุนงงของซุนซื่อ กู้ซินเถาก็พูดอย่างรวดเร็ว เปรียบเปรยเช่นนี้ซุนซื่อถึงจะเข้าใจ

ท่านเจ้าเมืองซึ่งเดิมทีคิดว่าเป็นคนใหญ่คนโต กลับอยู่ในระดับที่เจ็ด!

พ่อของคุณหนูหลิวเป็นขุนนางระดับที่สาม ใหญ่กว่าท่านเจ้าเมืองมาก!

เมื่อเห็นว่าซุนซื่อตกตะลึง กู้ซินเถาก็พูดอย่างมีชัย “ท่านแม่ ข้าเคยพบกับคุณหนูหลิว นางไหว้วานให้ข้าช่วยเหลือนาง ข้าเลยขอร้องให้นางช่วยท่าน ท่านแม่ ลูกสาวคนนี้ก็ไม่เลวใช่ไหม!”

เมื่อซุนซื่อได้ยินว่าลูกสาวขอร้องให้คุณหนูหลิวช่วยนางออกมา ในใจก็รู้สึกซาบซึ้งและภูมิใจในตัวลูกสาว

ครั้นมองดูลูกสาว นางยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง นั่นก็คือการชนะใจผู้คน