ฉินอ๋องเป็นคนแรกที่ถูกตัดออก
ฉินอ๋องเป็นบุตรบุญธรรม ภายใต้สถานการณ์ที่มีลูกแท้ๆ อยู่ ไม่ว่าเขาจะใจกว้างเพียงใดก็ไม่อยากยกตำแหน่งฮ่องเต้ให้บุตรบุญธรรม
เจ้าสี่…พอนึกถึงฉีอ๋อง จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
ลงมือกับภรรยาหลวงก่อน จากนั้นวางแผนทำร้ายไทเฮา คนเช่นนี้หากได้นั่งตำแหน่งนั้นจะสามารถปฏิบัติต่อพี่น้องอย่างรักใคร่ฉันมิตรได้หรือ เขาไม่เชื่อหรอก
เจ้าห้านั้นไม่รู้เรื่องรู้ราว หากได้เป็นฮ่องเต้…ไม่แน่ถูกหลอกเอาตำแหน่งฮ่องเต้ไปแล้วเขาอาจจะยังนั่งนับเงินแทนให้คนขายตัวเองอยู่ เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจะมีหน้าไปเจอบรรพบุรุษได้อย่างไร
เจ้าหกก็ไม่เลว จวงเฟยก็ไม่น่ากังวล ทว่าเจ้าหกแต่งงานมาสองปีแล้วภรรยาเจ้าหกยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลย นี่ก็เป็นความกังวลอย่างหนึ่งในใจ
ส่วนเจ้าเจ็ด…จิ่งหมิงฮ่องเต้รู้สึกอยากจะผ่านอวี้จิ่นไป ทว่าพอมานึกดูอีกที นึกขึ้นมาได้ว่าเวลานี้เจ้าเจ็ดไม่ใช่เด็กน่าสงสารที่ถูกส่งออกไปนอกวังตั้นแต่เด็กคนนั้นแล้ว แต่เป็นลูกของฮองเฮา
พอคิดดูอย่าละเอียด นอกจากเรื่องที่เจ้าเจ็ดเรียนมาน้อย เรื่องอื่นๆ ก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่อง ปัจจุบันแม้แต่ระยะห่างฐานะก็ตามมาพอๆ กันแล้ว ไม่สิ สูงกว่าอีก
เจ้าหกกับเจ้าเจ็ด…
จิ่งหมิงฮ่องเต้ลังเลขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง
เวลาผ่านไปนานแล้ว พานไห่ไม่วางใจจึงเดินเข้ามา “ฝ่าบาท ดื่มชาสักหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
จิ่งหมิ่งฮ่องเต้รับถ้วยชามาจิบ เหลือบมองพานไห่อย่างไม่สบอารมณ์
พานไห่นับวันยิ่งไม่รู้จักเอาใจใส่ เอาแต่ส่งน้ำชาให้เขา ทำอย่างสาวรับใช้ของฮองเฮาที่แกะลูกองุ่นเย็นสดชื่นมาให้เขาเช่นนั้นไม่ได้หรือ
พานไห่ถูกจ้องจนรู้สึกประหลาดใจบวกกับน้อยใจ
เขาเพียงแค่ส่งน้ำชาให้ ไม่ได้ทำอะไรเลย เหตุใดถึงทำฝ่าบาทไม่พอใจได้ล่ะ
จิ่งหมิงฮ่องเต้วางถ้วยน้ำชาลง ตรัสเสียงเรียบ “สั่งให้หันหรานไปสืบถามข่าวคราวมาหน่อยว่าช่วงนี้สู่อ๋องกับเยี่ยนอ๋องทำอะไรอยู่”
“พ่ะย่ะค่ะ” พานไห่ทูลลา
ไม่ให้จิ่งหมิงฮ่องเต้ได้รอนาน หันหรานกลับมารายงานอย่างรวดเร็ว “ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ช่วงนี้สู่อ๋องมักจะแข่งจิ้งหรีดกับคังจวิ้นอ๋อง เยี่ยนหวังออกไปข้างนอกน้อยมาก เวลาส่วนมากล้วนเอาแต่อ่านตำราอยู่ในห้องทรงอักษร”
จิ่งหมิงฮ่องเต้นึกว่าฟังผิดไป จ้องเขม็งตรัสถาม “เจ้าว่าอีกทีซิ ช่วงนี้สู่อ๋องกำลังทำอะไรนะ”
หันหรานก้มหน้าก้มตาหน้านิ่วคิ้วขมวด เอ่ยตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ “กำลังแข่งจิ้งหรีดกับคังจวิ้นอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้กำหมัด ลมหายใจแทบหยุด
ไม่น่าเป็นเช่นนี้นะ เจ้าหกในความทรงจำของเขาเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์และเฉลียวฉลาด ขยันรักการเรียน เปลี่ยนไปเอาดีด้านการแข่งจิ้งหรีดตั้งแต่เมื่อไรกัน
อดทนอีกสักหน่อย จิ่งหมิงฮ่องเต้ตรัสถามออกไปอีกครั้ง “ช่วงนี้เยี่ยนอ๋องกำลังอ่านตำรางั้นรึ”
“พ่ะย่ะค่ะ” จิ่งหมิงฮ่องเต้ถามอะไรออกไปหันหรานก็ตอบออกมาตามนั้น ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพิ่ม
เป็นเรื่องพิเศษอย่างมากที่เวลานี้ฝ่าบาททรงถามสถานการณ์ของเหล่าองค์ชาย แน่นอนว่าหากพูดออกไปมากอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อตนเองหรือคนรอบข้าง เช่นนั้นอยู่เฉยๆ ไม่พูดอะไรให้มากความจะดีกว่า
จิ่งหมิงฮ่องเต้เงียบไปนาน แล้วโบกมือปัด “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ากลับไปเถอะ”
หลังจากที่หันหรานถอยออกไป จิ่งหมิงฮ่องเต้จิบชาสองสามอึก คิดในใจว่าตำแหน่งองค์รัชทายาทจะต้องรีบเลือกโดยเร็วแล้ว ไม่เช่นนั้นหากเจ้าไม่ได้เรื่องพวกนี้เสแสร้งต่อไปเขาคงไม่ถูกใจใครสักคน ทำได้เพียงต้องพิจารณาบุตรบุญธรรมแล้วล่ะ
“เป็นเพราะตอนเด็กเจ้าเจ็ดมีเงื่อนไขที่จำกัดจึงทำให้เสียการเรียน แต่ก็รู้จักเอาความขยันมาเติมสิ่งที่ขาดไป” จิ่งหมิงฮ่องเต้พึมพำออกมา
พานไห่เอ่ยเสริมต่อ “ฝ่าบาทลืมแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ เยี่ยนอ๋องความจำเป็นเลิศ มีความสามารถมองปราดเดียวแล้วไม่ลืม”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ตะลึงพร้อมกับนึกขึ้นมาได้
ใช่แล้ว เจ้าเจ็ดมีความสามารถแค่ผ่านตาก็จำได้ไม่ลืม ตอนนั้นเขายังเคยคิดว่าหากเจ้าเจ็ดได้รับการอบรมสั่งสอนที่ดีตั้งแต่เด็ก ไม่แน่ลูกของตาแก่ตระกูลเจินคงเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ
เมื่อเป็นเช่นนี้ เพียงแค่เจ้าเจ็ดขยันเรียน ช่องว่างที่ขาดหายจากการเรียนในหลายปีนั้นก็คงจะกลับมาปกติได้โดยเร็วสินะ
เจ้าคนโตเป็นบุตรบุญธรรม เจ้าสี่จิตใจไม่ปกติ เจ้าห้าเป็นคนโง่ เจ้าหกหลงไหลในการแข่งจิ้งหรีด เลือกๆ ดูแล้วก็มีเพียงเจ้าเจ็ดที่ผ่าน
ขยันหมั่นเพียรศึกษา วิทยายุทธ์โดดเด่น เชี่ยวชาญการไขคดี เป็นบุตรบุญธรรมของฮองเฮา…จิ่งหมิงฮ่องเต้มีความรู้สึกว่าหากไม่เลือกลูกชายคนนี้ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว
จิ่งหมิงฮ่องเต้มีนิสัยอ่อนโยน เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกว่าจะทำอะไรก็ไม่กล้าตัดสินใจ ทว่าในบางเรื่องหากตัดสินใจแล้วก็จะเฉียบขาดรวดเร็ว
เขาตบฉาดลงบนโต๊ะ สีหน้าเด็ดเดี่ยว เอาอย่างนี้แหละ!
……
ณ จวนเยียนอ๋อง อวี้เหอย่วน
อวี้จิ่นถือตำราไว้ข้างหนึ่ง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เอ่ยถามเจียงซื่อ “อาซื่อ เจ้าเดาดูสิว่าช่วงนี้เสด็จพ่อกำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรอยู่”
เจียงซื่อตาเป็นประกายเล็กน้อย “เดาไม่ยากเลย แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องสถาปนาองค์รัชทายาท”
อวี้จิ่นวางตำราลง ดึงเจียงซื่อมานั่งลงข้างๆ “เช่นนั้นเจ้าดูให้ละเอียดซิ ยังมีอะไรที่เสด็จพ่อไม่พอใจในตัวข้าอีก”
เจียงซื่อใช้ดวงตาอันยอดเยี่ยมมองสำรวจอวี้จิ่นขึ้นลง มืออันเรียวเล็กชี้ไปที่เขาถึงได้เก็บตำรา “เดาว่าคงจะไม่ชอบเจ้าเพราะเจ้าไม่มีความรู้”
อวี้จิ่นหัวเราะร่า
เจียงซื่อดันเขา “ทำไม ไม่ยอมรับหรือ”
อวี้จิ่นชายตามองนาง เอ่ยพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ยอมรับสิ ไม่เช่นนั้นหลายวันมานี้จะเอาแต่อ่านตำราทำไม เรื่องไปถึงหูเสด็จพ่อจะได้นับว่าเอาความขยันมาชดเชยความโง่ไงล่ะ”
ความขยันชดเชยความโง่บ้าบออะไรกัน เขายังต้องชดเชยความโง่อีกหรือ ประพฤติตัวดีเพื่อให้เสด็จพ่อเห็น ให้เสด็จพ่อตัดสินใจสถาปนาตำแหน่งไท่จื่อให้เร็วๆ ทุกคนก็จะได้เงียบสงบลงสักที
เขาไม่เชื่อหรอก ฉินอ๋องกับหลู่อ๋องคงถูกมองข้ามไป เหลือเพียงเจ้าหกที่มีกำลังในการแข่งขัน ทว่าเจ้าหกหลงมัวเมากับการแข่งจิ้งหรีดจะมาเทียบกับเขาได้งั้นหรือ
“ถ้าหากว่าเสด็จพ่อถูกใจสู่อ๋องล่ะ” เจียงซื่อยิ้มถามออกไป
อวี้จิ่นขมวดคิ้วมองนาง “หืม?”
เจียงซื่อหัวเราะคิกคัก “ไม่อาจละทิ้งความเป็นไปได้นี้นี่นา”
อวี้จิ่นยิ้มเยาะ “เดิมเจ้าหกรู้จักประพฤติตัวดีแล้ว ข้าจึงไม่อยากไล่กำจัดเขาให้สิ้นซาก หากเสด็จพ่อเลือกมั่วซั่ว เช่นนั้นข้าก็ทำได้เพียงพยายามมากขึ้นแล้วล่ะ”
เจียงซื่อส่ายหน้า “ที่จริงสู่อ๋องเป็นคนฉลาด ไม่แน่อาจจับจุดบกพร่องเขาไม่ได้”
“ความฉลาดก็มีข้อดีของมัน คนที่ฉลาดก็มักจะคิดเยอะ หากคิดมากความกล้าก็จะน้อยลง” อวี้จิ่นเอ่ยอย่างไม่สนใจ
หากไม่มีจุดบกพร่องเขาก็จะสร้างมันขึ้นมา ในเมื่อเดินเส้นทางนี้แล้ว เขาไม่อาจแพ้ได้
เมื่อมองไปยังภรรยาที่ใบหน้ายิ้มแย้มราวกับดอกไม้ อวี้จิ่นได้แต่คิดอยู่ในใจ เขาแพ้ไม่ได้
“เอาล่ะ เรื่องเหล่านี้ให้ข้ากังวลใจคนเดียวเถอะ เดาว่าอีกไม่นานน่าจะรู้ผลแล้ว” อวี้จิ่นโอบเจียงซื่อไว้ มองออกไปนอกหน้าต่าง
ภายนอกหน้าต่างทิวทัศน์สวยงาม ส่วนอาฮวนมีสาวรับใช้คอยประคองวิ่งเล่นไล่กับสุนัขตัวหนึ่ง
เสี่ยวอาฮวนวิ่งไล่ไปไม่ถึงสองก้าวก็ล้มลงบนตัวสุนัข หัวเราะร่าออกมา
เอ้อร์หนิวทำหน้าหมดปัญญา สะบัดหางปัดไล่แมลงวันแทนอาฮวน
อวี้จิ่นเผยรอยยิ้มออกมาอย่างสบายใจ พลางคิดในใจในเมื่อเอ้อร์หนิวเลี้ยงเด็กได้อย่างเชี่ยวชาญ ดูเหมือนว่าจะถึงเวลามีน้องชายหรือน้องสาวให้อาฮวนแล้ว
อืม เป็นลูกชายน่าจะดีกว่า ถ้าหากว่าเป็นเด็กผู้หญิง ตำแหน่งของเขาก็จะถดถอยลงไปอีก มีลูกผู้ชายคอยค้ำจุนน่าจะดีกว่า
เอ้อร์หนิวมองมาที่หน้าต่างด้วยสายตาระแวดระวัง
เจ้านายมีความคิดไม่ดีผุดขึ้นมาอีกแล้วใช่หรือไม่
หึ หากเป็นเช่นนี้อีกเขาจะไม่ทำแล้ว!
อาฮวนลุกขึ้น เดินโซเซไปข้างหน้า
เอ้อร์หนิวเห็นก็เลิกคิดทุกอย่าง รีบตามไปคุ้มกัน แถมยังทำหน้ารังเกียจเอาตัวเบียดสาวรับใช้ไปอยู่ข้างๆ ด้วย
……
ผลลัพธ์ออกมาเร็วกว่าที่อวี้จิ่นคาดเดาไว้
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ตอนว่าราชการ จิ่งหมิงฮ่องเต้ได้ประกาศข่าวอันน่าตกตะลึงพรึงเพริด เพื่อความมั่นคงของต้าโจวเจียงซาน ขอสถาปนาองค์ชายเจ็ดอวี้จิ่นเป็นองค์รัชทายาท
เมื่อประกาศพระราชโองการออกไป ข้าราชการพลเรือนราวกับต้องมนต์สะกด แต่ละคนลืมโต้ตอบไปชั่วขณะ
พระราชโองการอะไรนะ พวกเขาต้องได้ยินผิดไปแล้วแน่ๆ
เพิ่งจะเร่งฝ่าบาทให้รีบกำหนดองค์รัชทายาท นึกว่าอย่างน้อยจะได้สู้รบปรบมือกันสักสองสามเดือน หรืออาจเป็นปี เหตุใดถึงมีพระราชโองการแต่งตั้งไท่จื่อแล้วล่ะ