บทที่ 654 ข้า เทพวารี ข้าไม่ร่วมมือกับตี้จั้งอย่างแน่นอน (3)
เวลาผ่านไปอีกครึ่งวัน
มีหมู่เมฆสีขาวลอยมาจากทางใต้ของสำนักตู้เซียน
บรรดาทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ได้คุ้มกันพวกเขาไปตลอดทาง ทำให้สำนักตู้เซียน ตั้งแต่ระดับเจ้าสำนักไปจนถึงเหล่าศิษย์ธรรมดาสามัญ ล้วนได้หน้ามากเป็นพิเศษ
ส่วนผลที่ตามมาในการยึดครองพื้นที่ของสำนักชั่วคราว การซุ่มโจมตีที่ศาลสวรรค์จัดตั้งขึ้น และความเสียหายที่ทางสำนักได้รับ มียอดเขาเพียงสิบสองยอดหรือมากกว่านั้นเท่านั้นที่ถูกทำลายราบ ซึ่งสำนักตู้เซียนจะไม่ติดตามเอาความในเรื่องนี้ต่อไป
อีกด้านหนึ่งนั้น ก็มีบรรดาศิษย์ของสำนักหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าอายจริงๆ ที่พวกเขาไม่อาจอยู่ให้ความช่วยเหลือเหล่าทหารสวรรค์แห่งศาลสวรรค์จนจากไปโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ เยี่ยงนี้
ทว่าโดยรวมแล้ว ด้วยการชี้แจงของเจ้าสำนักและมี “หลักฐานเชิงประจักษ์” ที่เผยแพร่ในโลกบรรพกาล เรื่องนี้จึงถูกปกปิดเอาไว้เช่นนั้น
ในท้ายที่สุดแล้ว เมื่อเทียบกับสำนักเซียนเซียวเหยา ถือได้ว่าสำนักตู้เซียนโชคดียิ่งนัก
สำนักเซียนเซียวเหยา มีผู้คนหลายร้อยคนล้มตาย และมีผู้คนอีกหลายพันคนได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ ผู้คนที่บาดเจ็บล้มตายทั้งหมด ล้วนเป็นเหล่าปรมาจารย์ในสำนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีผู้อาวุโสใหญ่กว่าสิบคนและผู้อาวุโสหลายสิบคนของสำนักเซียนเซียวเหยาได้พลีชีพไปพร้อมกับเหล่าปรมาจารย์เผ่าปีศาจ
แน่นอนว่า บัญชีเลือดนี้จะถูกใส่ลงบนหัวของสำนักบำเพ็ญประจิม และเผ่าปีศาจ…
หลี่ฉางโซ่วไม่มีทางทำอะไรได้มากกว่านี้อีก นอกจากทำได้เพียงแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อสำนักเซียนเซียวเหยาในฐานะเทพวารีแห่งศาลสวรรค์เท่านั้น
บรรดาสำนักเซียนอื่นๆ แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินต่างมีความคิดเห็นของพวกเขาเอง โดยเฉพาะสำนักจื้อไจ้ที่ใจดีและยังถามอย่างจริงจังว่า สำนักเซียนเซียวเหยาต้องการผู้อาวุโสคนใดหรือไม่ เพราะอย่างไรเสีย ทั้งสองสำนักต่างก็ฝึกบำเพ็ญเต๋าด้วยวิถีที่คล้ายกัน พวกเขาสามารถขอยืมผู้อาวุโสบางคนเพื่อช่วยปกป้องสำนักได้
หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ไม่จำเป็นต้องวางแผนมากนัก สำนักเซียนทั้งหมดในดินแดนเทวะมัชฌิมาได้ตกลงที่จะเข้าร่วมกองกำลัง จัดตั้งพันธมิตร และสามถึงห้าสำนักจะจัดคลื่นแห่งประสบการณ์สังหารปีศาจ…
ในขณะนี้ ชายแดนทางเหนือและทางใต้ของดินแดนเทวะมัชฌิมาเริ่มคึกคักไปด้วยกิจกรรมต่างๆ ในขณะที่กองกำลังชายแดนของเผ่าปีศาจได้ถูกปราบปรามอย่างต่อเนื่อง
เวลานี้ เผ่าปีศาจที่ประสบความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงสองครั้ง ไม่กล้าทำสงครามกับเผ่าพันธุ์มนุษย์อีก ดังนั้น พวกมันจึงทำได้เพียงลดอาณาเขตอิทธิพลของพวกมันลงเท่านั้น
ศาลสวรรค์ฉวยโอกาสเติมเชื้อไฟ ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่แผนการของหลี่ฉางโซ่วจริงๆ
ศาลสวรรค์ได้ออกบัญชาทำลายล้างปีศาจเพื่อกำจัดปีศาจแห่งกรรมจากเผ่าปีศาจ
นอกเหนือจากบุญที่เต๋าสวรรค์ได้มอบให้แล้ว ก็ยังสามารถไปรับศิลาวิญญาณและโอสถทิพย์ชุดหนึ่งที่ศาลสวรรค์ได้ ซึ่งนับเป็นบุญในการกำจัดเหล่าปีศาจด้วยเช่นกัน
แม้จะมีผู้เป็นเซียนน้อยคนนักที่จะไปศาลสวรรค์เพื่อรับรางวัลจริงๆ แต่ผลการประกาศต่อสาธารณะชนนั้นก็ดียิ่ง
หลังจากการต่อสู้ของเผ่ามังกรในการกลับมาสู่สวรรค์ไปจนถึงการต่อสู้ของดวงตาแห่งท้องทะเลบูรพาที่ถูกทำลาย จากนั้นก็ไปสู่การต่อสู้ที่ภูเขาเหยาเซิง และการต่อสู้เมื่อเร็วๆ นี้ของสำนักเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน บัดนี้ อำนาจบารมีของศาลสวรรค์ก็พุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผู้ใดจะคิดว่าศาลสวรรค์ซึ่งไม่มีใครสนใจเมื่อหลายสิบปีก่อน ในวันนี้จะมีท่าทางผงาดรุ่งโรจน์ขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ได้?
นอกจากนี้ ศาลสวรรค์กำลังรับคัดเลือกทหารสวรรค์และกำลังมองหาผู้มีพรสวรรค์ บัดนี้ เหล่าผู้ฝึกบำเพ็ญ ซึ่งแต่เดิมเคยดูถูกศาลสวรรค์ในโลกบรรพกาล ก็เริ่มมีความคิดบางอย่างเช่นกัน
ในคำพูดของหลี่ฉางโซ่วนั้น แม้ในตอนนี้ เขาจะไม่ได้รับส่วนแบ่งเดิมในศาลสวรรค์ แต่เขาก็สามารถผสานรวมเป็นแกนหลักได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
พอคาดการณ์ได้ว่า ต่อจากนี้ จะมีบรรดาเซียนพเนจรที่มีระดับฐานพลังที่โดดเด่นมากขึ้นเรื่อยๆ ในชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งพวกเขาจะไปหางานทำในสวรรค์เพื่อรับบุญบ้าง…
พวกเขาจะไปที่ศาลสวรรค์เพื่อหางานเพื่อตอบแทนบุญคุณ…
แน่นอนว่า ทั้งหมดเหล่านี้เป็นเรื่องในอนาคต
เพียงสองวันหลังจากการต่อสู้ สำนักตู้เซียนก็เงียบสงบลงอีกครั้ง
ผู้คนที่เคยถูกวางยาและหมดสติไปก่อนหน้านี้ก็ตื่นขึ้นเช่นกัน
อาจารย์ของเขา ฉีหยวน ได้สั่งสอนหลี่ฉางโซ่วอยู่พักหนึ่ง ครั้นเมื่อพิจารณาว่าศิษย์ของเขาได้ทุ่มเทพยายามอย่างมาก เขาจึงไม่ได้ใช้แส้หางม้าตีบั้นท้ายของเทพผู้ทรงอำนาจธรรมดาแห่งศาลสวรรค์
จิ๋วอวี่ซือถามคำถามอีกสองสามข้อแต่ถูกหลิงเอ๋อร์ขัดขวางได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยใช้ข้ออ้างว่า มีสถานการณ์เร่งด่วนในเวลานั้น และก่อนที่จะทันได้มีเวลาอธิบาย จิ๋วอวี่ซือก็หมดสติและหลิงเอ๋อร์ก็พานางไปซ่อนตัวในดินแดนเทวะทักษิณด้วยกัน นางสามารถหลีกเลี่ยงคำถามได้อย่างสมบูรณ์แบบ
จิ่วจิ่ว… คิดว่า นางเมา
ส่วนสงหลิงลี่กล่าวว่า “ญาติผู้พี่ของข้าพูดถูก!”
ในทางกลับกัน โหย่วฉินเสวียนหย่ารู้สึกประทับใจกับการต่อสู้เป็นอย่างมาก
หลังจากเริ่มถามคำถามสองสามข้อเกี่ยวกับการฝึกบำเพ็ญของหลี่ฉางโซ่ว นางก็กลับไปที่ภูเขาและเข้าปิดด่านโดยบอกว่า นางอยากจะทะลวงด่านขึ้นไปสู่ขอบเขตเซียนเทียนภายในหนึ่งร้อยปี
นางได้คิดแล้วว่า การเตรียมการต่างๆ ของหลี่ฉางโซ่วในครั้งนี้ น่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ศิษย์ของสำนักตู้เซียนซึ่งมีระดับฐานพลังที่ดีได้เข้าสู่ศาลสวรรค์ในฐานะแม่ทัพสวรรค์
ในฐานะหัวหน้าศิษย์รุ่นก่อนหน้านี้ นางเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด
ด้วยเหตุนี้ โหย่วฉินเสวียนหย่าจึงตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้มัน
หลังจากส่งปู่เจดีย์ไปอย่างไม่เต็มใจ หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกไม่สบายใจที่สูญเสียความรู้สึกปลอดภัยไปอีกครั้ง
การสูญเสียปู่เจดีย์ไป ย่อมหมายความว่า บัดนี้ชีวิตของเขานั้นเปราะบางดั่งกระดาษ
ด้วยมีปู่เจดีย์ เขาก็สามารถต่อสู้แบบหนึ่งต้านหมื่นได้
เวลานี้ หลี่ฉางโซ่วไม่รู้ว่าสถานการณ์ของตี้จั้งเป็นอย่างไรบ้างกับ เขาไม่สามารถติดต่อกับผู้บำเพ็ญเหวินจิงได้ในขณะนี้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่ให้ทุกคนคอยระวังตัวต่อไป
ตอนนี้เขาได้หว่านความบาดหมางระหว่างเผ่าปีศาจและสำนักบำเพ็ญประจิมแล้ว ตี้จั้งเองก็ไม่น่าจะมีอาวุธที่ใช้งานได้มากนัก
เขาต้องมั่นคง และหากตี้จั้งลงมือโจมตีอีกครั้งในภายหน้า เขาก็จะใช้หนี้เลือดจากการบาดเจ็บล้มตายของสำนักเซียนเซียวเหยาเพื่อขอให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไปทำการกดดันที่ภูเขาวิญญาณ เขาจะร้องเรียกชื่อของเขาและทำร้ายตี้จั้งผู้นี้โดยตรง
แน่นอนว่า การสังหารตี้จั้งบนภูเขาวิญญาณนั้นเป็นเรื่องยาก ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับใบหน้า[1]ของจอมปราชญ์
อีกครึ่งเดือนต่อมา ความวุ่นวายก็ค่อยๆ ลดน้อยลงไป และหลี่ฉางโซ่วก็กำลังจะกลับไปเริ่มกิจวัตรการฝึกบำเพ็ญประจำวันแบบสบายๆ และน่าเบื่อของเขาอีกครั้ง
ในขณะนั้น มีกลุ่ม “แขกที่ไม่ได้รับเชิญ” รีบพุ่งมาที่สำนักตู้เซียน
ร่างงดงามยืนอยู่ที่หัวเรือเกาะอมตะที่ลอยอยู่บนเมฆ กำลังมองไปยังทิศทางของสำนักตู้เซียน ที่ใต้กระโปรงของนาง มีหางจิ้งจอกสีขาวราวหิมะกำลังกวัดแกว่งไปมา
ข้าจะบอกเจ้าให้รู้อย่างแน่นอนว่า ที่ใจข้าเป็นของเจ้านั้น หาใช่เพราะความโดดเดี่ยวอ้างว้างในคุกใต้ดินไม่…
นักพรตเต๋าฉีหยวน
………………………………………………………………..
[1] ศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจ