บทที่ 781 เทพมารอนธการปรากฏ!

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 781 เทพมารอนธการปรากฏ!

ณ โลกอันกว้างใหญ่ เมฆาครึ้มซัดตลบ ราวกับคลื่นยักษ์ถาโถม

ท่ามกลางขุนเขา มีหุบเขากว้างแห่งหนึ่ง ยอดเขารอบสารทิศดูคล้ายกับนิ้วมือ กางมือหันสู่ท้องฟ้า

ภายในหุบเขา

เต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวนและเจียงอี้ยืนเรียงกัน มองกระถางสัมฤทธิ์ใบใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป ควันสีเขียวลอยม้วนขึ้นมา ชายชราเสื้อฟางยืนอยู่บนหลังควาย ก้มมองภายในกระถางสัมฤทธิ์

มือซ้ายของชายชราเสื้อฟางขัดอยู่ตรงบั้นเอว มือขวาลูบเครา ขมวดคิ้วอยู่ตลอด

จ้าวเซวียนหยวนพึมพำ “ดูเหมือนสถานการณ์จะไม่สู้ดีเลย”

เจียงอี้เอ่ยด้วยสีหน้ากังวล “หากว่าล้มเหลว เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี หากรู้แต่แรกเมื่อได้ยอดสมบัติก็ควรไปได้แล้ว ไม่น่าเชื่อคำพูดนักพรตเฒ่าคนนี้เลย ตอนนี้ดีนัก ถูกดวงจิตมหามรรคขังไว้โลกนี้ หากกลั่นเอาโอสถอนธการออกมาไม่ได้ พวกเราต้องตายหมดแน่”

เต้าจื้อจุนขมวดคิ้วแน่น มองชายชราเสื้อฟางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

ชายชราเสื้อฟางได้ยินบทสนทนาของพวกเขา พลันเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไอ้เด็กแสบทั้งสาม! อย่าได้นินทากันลับหลัง! ผู้เฒ่าไปหลอกลวงพวกเจ้าเมื่อใดกัน เพียงแต่โอสถอนธการได้รับความเสียหายเท่านั้น ถึงอย่างไรก็ผ่านมาเนิ่นนานหลายยุค นี่เป็นเรื่องปกติ”

จ้าวเซวียนหยวนกลอกตา อยากเถียงเขายิ่งนัก แต่ถูกเจ้าจื้อจุนห้ามไว้

“อย่าไปกวนเขา ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ”

เต้าจื้อจุนลากจ้าวเซวียนหยวนและเจียงอี้ไปนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญในป่า

หลังจากทั้งสามไปแล้ว ชายชราเสื้อฟางขมวดคิ้วแน่นอีกครั้ง

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่…ไม่สมเหตุสมผลเลย! เหตุใดโอสถอนธการถึงไม่ปรากฏขึ้นมา

“หรือว่า…”

ชายชราเสื้อฟางนึกความเป็นไปได้บางอย่าง ตัวสั่นขึ้นมา

เป็นไปไม่ได้!

เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!

หากว่าเทพมารอนธการถือกำเนิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่ถูกค้นพบ เช่นนั้นจะน่ากลัวขนาดไหนกัน

ตันตนที่มีคุณสมบัติล้ำเลิศไม่อาจประเมินกำลังได้กำลังเติบโตขึ้นอย่างเงียบเชียบ รอจนเขาเผยตัวสู่โลกา ทั่วฟ้าบุพกาลจะไม่ถูกล้างสังหารหรอกหรือ

ชายชราเสื้อฟางมองเข้าไปในกระถางสัมฤทธิ์อีกครั้ง ยาลูกกลอนสีม่วงเม็ดหนึ่งลอยอยู่เหนือเปลวไฟลุกโหม หมุนวนด้วยตัวเอง พื้นผิวเต็มไปด้วยรอยร้าว

“ไม่ได้การแล้ว หากเป็นแบบนี้ต่อไป สกัดโอสถออกมาไม่ได้ คนผู้นั้นต้องฆ่าพวกเราแน่นอน”

ดวงตาชายชราเสื้อฟางฉายแววโหดเหี้ยม พลันหันมองไปทางพวกเต้าจื้อจุนทั้งสาม

“พวกเจ้าทั้งสาม ใครก็ได้เข้ามากินโอสถนี้ซะ ต่อให้ไม่สามารถกลายเป็นเทพมารอนธการได้ ก็จะได้รับพลังของเทพมารอนธการชั่วคราว ช่วยพวกเราสังหารฝ่าออกไป! วาสนานี้ถึงร้องขอก็ยังไม่ได้มา ผู้เฒ่าจะยอมตัดใจยกให้พวกเจ้า!”

ชายชราเสื้อฟางใช้วิธีถ่ายทอดเสียง ด้วยเกรงว่าดวงจิตมหามรรคที่อยู่นอกโลกจะได้ยินเข้า

เมื่อพวกเต้าจื้อจุนทั้งสามได้ยินสีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยน

พวกเขาก็ไม่ได้เปิดปากด่า แต่ถ่ายทอดเสียงกลับไปหาชายชราเสื้อฟาง ถ้อยคำหยาบคายหลั่งไหลเข้าสู่หูของชายชราเสื้อฟาง เขาโมโหจนเพลิงโทสะโหมอยู่ในใจ ทว่าไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า

“เหตุผลที่ผู้เฒ่าไม่ใช้เอง เป็นเพราะต้องคงสติไว้สำแดงพลังวิเศษห้วงกาลเวลาหลบเลี่ยงจากการตามล่าของดวงจิตมหามรรค พวกเจ้ายังอยากมีชีวิตรอดหรือไม่”

“ถูกต้อง! ผู้เฒ่าจนปัญญาแล้ว! โอสถเม็ดนี้ซ่อมแซมไม่ได้ ทันทีที่ถูกพบเข้า จะต้องตายกันหมด!”

เผชิญหน้ากับคนหน้าไม่อายเช่นนี้ จ้าวเซวียนหยวนโมโหจนแทบจะลงมือแล้ว

เต้าจื้อจุนสูดหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่กำลังจะก้าวออกไปนั้นเอง ผลคือเจียงอี้ออกนำไปก่อนแล้ว เอ่ยทิ้งท้ายไว้เพียงสองประโยชน์ “ให้ข้าไปเถอะ ข้าอยากย้อนรำลึกถึงตัวข้าในอดีตที่เคยเกรียงไกรไร้พ่ายอยู่พอดี แต่น่าเสียดายที่เจ้าสำนักไม่ได้เห็นถึงความอหังการของข้า

“อยากให้เขาเล่านิทานให้ข้าฟังอีกจริงๆ”

เต้าจื้อจุนขมวดคิ้ว ได้แต่ทอดถอนใจ

จ้าวเซวียนหยวนกัดฟัน อยากขัดขวางยิ่งนัก แต่ตอนนี้ไร้หนทางอื่นแล้ว

เจียงอี้มาที่กระถางสัมฤทธิ์ ย่อตัวกระโจนขึ้นไป ยืนบนกระถางสัมฤทธิ์

ชายชราเสื้อฟางก็ไม่พูดไร้สาระเช่นกัน สะบัดแขนเสื้อส่งลูกกลอนอนธการไปจ่อตรงปากเจียงอี้ เจียงอี้อ้าปาก กลืนเข้าไปตรงๆ

พรึบ…

เพลิงแท้สุริยะพลันลุกไหม้บนร่างของเจียงอี้ ปีกเพลิงคู่หนึ่งงอกกางออกมาจากแผ่นหลัง กางโอบชายชราเสื้อฟางและกระถางสัมฤทธิ์

จากนั้น ชายชราเสื้อฟางก็กระโดดออกมาทันที สองมือตบไล่เพลิงแท้สุริยะตามร่างกายอย่างบ้าคลั่ง

‘เจ้าเดรัจฉานน้อย!’

ชายชราเสื้อฟางด่าในใจ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยออกไป ด้วยเกรงว่าจะถูกดวงจิตมหามรรคพบเห็นเข้า

ทว่า ดวงจิตมหามรรคไหนเลยจะหลอกได้ง่ายๆ ปานนั้น

“พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่!”

เสียงดังลั่นปานฟ้าผ่าแว่วขึ้นมา สั่นสะเทือนโลกทั้งใบ

เจียงอี้พลันกลายร่างเป็นอีกาทองสามขาใหญ่มหึมาตัวหนึ่ง เชิดหน้ากรีดร้อง ราวกับกู่เรียกสวรรค์

ท้าทายดวงจิตมหามรรค!

“เอ๋ นี่มันกลิ่นอายอันใดกัน”

“บังอาจ! กล้ากินลูกกลอนอนธการโดยไม่รับอนุญาตอย่างนั้นหรือ!”

เริ่มแรกดวงจิตมหามรรคตื่นตะลึง จากนั้นก็ระเบิดโทสะออกมา

เมฆาสายฟ้าที่ซัดตลบอยู่พลันระเบิดแยกตัว มือใหญ่น่าหวาดผวาข้างหนึ่งยื่นลงมา คว้าไปทางเจียงอี้

ดวงจิตมหามรรคโกรธเกรี้ยว ฟ้าดินแปรปรวน

….

ภายในอารามเต๋า

หานเจวี๋ยเพิ่งปิดด่านได้หนึ่งหมื่นปีก็ลืมตาขึ้นมา

เขาอายุหนึ่งล้านสองแสนปีแล้ว!

ระยะนี้เขากระสับกระส่ายอย่างไม่มีสาเหตุอีกแล้ว ทำให้ไม่อาจสงบใจฝึกบำเพ็ญได้ ดังนั้นจึงสิ้นสุดการปิดด่านที่หนึ่งหมื่นปี

เขาสอดส่องเขตเซียนร้อยคีรี ไม่มีผู้ใดหายไปเหมือนคราวต้นฝูซัง

ทันใดนั้นหานเจวี๋ยพลันมองเห็นสิงหงเสวียนขมวดคิ้วแน่นคล้ายทรมานอย่างยิ่ง

เขามาที่อารามเต๋าของสิงหงเสวียนทันที เอ่ยถาม “เจ้าเป็นอะไรไป”

เขาสำรวจดูร่างกายของสิงหงเสวียน ไม่พบความผิดปกติ

ครรภ์ก็ไม่ได้ขยายใหญ่ขึ้น เพียงแต่สั่นไหวนิดๆ

สิงหงเสวียนลืมตาขึ้น เอ่ยอย่างหวาดหวั่นอยู่ในใจ “ท่านพี่ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรข้าถึงเริ่มฝัน ฝันเห็นลูกของพวกเราร้องไห้อยู่ตลอดเวลา รอบกายคล้ายมีบางสิ่งกำลังต้องการจะทำร้ายเขา”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขาเริ่มทำนายดู

ไม่นานนัก เขาพบว่าสาเหตุมาจากเจียงอี้

เขาสัมผัสได้ว่าบนร่างเจียงอี้มีกลิ่นอายบางอย่างที่อันตรายยิ่ง เสมือนเขาพานพบศัตรูตามธรรมชาติ

เขาตรวจดูกล่องจดหมายทันที พบสถานการณ์ของเจียงอี้แล้ว

[เจียงอี้สหายของท่านได้รับพลังของเทพมารอนธการ สูญเสียสติสัมปชัญญะ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

พลังของเทพมารอนธการอย่างนั้นหรือ

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม เจียงอี้ กลายเป็นเทพมารอนธการไปได้อย่างไร

เขาเรียกจอค่าความสัมพันธ์ออกมา ตรวจดูรูปประจำตัวของเจียงอี้ ไม่ได้เปลี่ยนเป็นเทพมารอนธการ

เขาจำเป็นต้องใช้ความสามารถวิวัฒนาการ ถูกหักอายุขัยไปห้าแสนล้านปี จากนั้นก็เข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ

ผ่านไปไม่นานนัก หานเจวี๋ยก็ลืมตาขึ้น

‘โอสถอนธการ…มีของเช่นนี้อยู่บนโลกด้วยหรือ’

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว สอบถามในใจต่อไป ‘โอสถอนธการเม็ดนี้ถือกำเนิดขึ้นได้อย่างไร’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ค่าตัวระดับผู้สร้างมรรคา!

ดำเนินการต่อ!

[โอสถอนธการ: เกิดขึ้นยุคก่อนฟ้าบุพกาล แปรผันมาจากมรรคผลแห่งเทพมารอนธการ เนื่องจากฟ้าบุพกาลเข้าแทนที่อนธการ เทพมารอนธการดับสูญ มรรคผลที่แฝงจิตวิญญาณเสี้ยวหนึ่งไว้ได้กลายเป็นโอสถอนธการ แต่เนื่องจากตอนนี้ฟ้าบุพกาลมีเทพมารอนธการอยู่แล้ว โอสถอนธการจึงเสื่อมประสิทธิภาพ เหลืออยู่เพียงพลังอำนาจเชิงกายภาพเท่านั้น]

เทพมารอนธการยุคก่อนฟ้าบุพกาล…

สีหน้าหานเจวี๋ยมืดครึ้มลง

บัดซบ!

การกระทำนี้ของเจียงอี้ ต้องดึงดูดความสนใจของตัวตนน่าหวาดหวั่นเหล่านั้นแน่!

หากว่าถูกหมายหัวว่าเป็นเทพมารอนธการ เช่นนั้นย่อมไม่มีโอกาสฟื้นตัวอีก!

หานเจวี๋ยลังเลว่าจะไปช่วยเจียงอี้ดีหรือไม่

ทันใดนั้น เขาพลันนึกถึงปัญหาอย่างหนึ่งขึ้นมาได้

เจียงอี้สูญเสียสติสัมปชัญญะไป…

‘ตอนนี้ข้าสู้เจียงอี้ได้หรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[ตอนนี้ไม่ได้ เจียงอี้ถูกเทพมารอนธการครอบงำร่าง หลังจากการครอบงำชั่วคราวสิ้นสุดลง จะดับสูญไปโดยตรง]

ดับสูญหรือ…

เจ้าตัวอับโชคสามคนนี้ไปทำอะไรมากันแน่!

แล้วนักพรตเต๋าชราขี่ควายคนนั้นเป็นใคร

หานเจวี๋ยใช้ความสามารถวิวัฒนาการต่อ

………………………………………………………………