บทที่ 659 ชุนหยางไม้ที่เหี่ยวเฉาในฤดูใบไม้ผลิแรก (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 659 ชุนหยางไม้ที่เหี่ยวเฉาในฤดูใบไม้ผลิแรก (2)

ไม่ต้องพูดถึงว่า ท่านอาจารย์ของเขาจะทนรับมันได้หรือไม่?

ทว่าหากยอดเขาหยกน้อยจะมีจิ้งจอกสาวเพิ่มเข้ามาในฐานะเป็นภรรยาของท่านอาจารย์ แล้วจะส่งผลกระทบให้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาเองและหลิงเอ๋อร์?

คำตอบคือ ไม่มีผลกระทบอะไร

หากนางอยากเกี่ยวดอง แต่งเข้ายอดเขาหยกน้อย หลี่ฉางโซ่วก็จะฝังบางอย่างเอาไว้ในจิตวิญญาณของนางอย่างแน่นอน เพราะเพียงคำสาบานแห่งเต๋าสวรรค์นั้น ก็ยังไม่ปลอดภัย

“ฉีหยวน…

ฉีหยวนอ่า…”

จิ้งจอกสาวรีบกล่าวว่า “นักพรตเต๋าพูดอะไรสักอย่างสิ”

“โอ้”

หลี่ฉางโซ่วแสร้งทำเป็นงุนงงและมองไปที่เจ้าสำนักที่เรียกหาเขาทันที

เขาลุกขึ้นยืน พลางก้มศีรษะลง และเดินออกไปจากโต๊ะเตี้ยนั้น

ในยามนั้น เขาทำตัวเหมือนเซียนจั๋วที่ดื้อรั้น ซึ่งใส่ใจเรื่องมารยาท!

“เมื่อครู่นี้ ข้ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ขอท่านเจ้าสำนัก ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วยขอรับ”

“ฉีหยวน เจ้าพาสหายเต๋าหลานผู้นี้ไปเดินเล่นรอบๆ ภูเขาก่อน จากนั้น ก็กลับมาที่โถงในอีกครึ่งวันแล้วค่อยให้คำตอบแก่เรา”

จี้อู๋โหย่วยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องใดหรือคิดเรื่องอื่นใด เจ้าตัดสินใจได้ด้วยตัวเจ้าเอง ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับเจ้า หากตัดสินใจไม่ได้ ก็ไปปรึกษากับศิษย์ของเจ้าเถิด”

ครึ่งวัน…

นี่ถือได้ว่า สำนักตู้เซียนทำให้เผ่าชิงชิวต้องเสียหน้าเล็กน้อยโดยปล่อยให้ฉีหยวน และชิงชิวหลานได้ใช้เวลาครึ่งวันตามลำพังเพื่อดูว่า ชิงชิวหลานจะสามารถสร้างความประทับใจให้กับฉีหยวนได้หรือไม่

สามชั่วยามนั้นไม่ยาวหรือสั้นเกินไป

มันเป็นเวลาที่ไม่นานเกินไปที่จะทำให้ผู้คนเข้ากันได้และพัฒนาความรู้สึกซึ่งกันและกันเพื่อสร้างความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน

นอกจากนี้ มันก็ยังเป็นเวลาเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนมีความเข้าใจซึ่งกันและกันง่ายๆ อีกด้วย

หลี่ฉางโซ่วหันกลับมาและผายมือทำท่าทางเชื้อเชิญ

จิ้งจอกสาวที่อยู่ข้างๆ เริ่มรู้สึกตื่นเต้นกระวนกระวายใจ นางลุกขึ้นยืนอย่างนุ่มนวลและโค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่ว จากนั้นนางก็ก้มศีรษะลงและเดินตามหลังนักพรตเต๋าชราฉีหยวนออกไปจากโถงตู้เซียน

ในขณะนั้น หลิงเอ๋อร์และจิ่วจิ่วกำลังจะตามไปด้วย ทว่าหญิงชราจากสำนักตู้เซียนก็หยุดพวกนางเอาไว้พร้อมด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ต้องห่วง มันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะทำร้ายอาจารย์ของพวกเจ้าบนภูเขาของเราแน่ๆ”

หลิงเอ๋อร์และจิ่วจิ่วทำได้เพียงรออยู่ในโถงได้ชั่วคราวเท่านั้น พวกนางทั้งสองคนไม่ได้กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของหลี่ฉางโซ่วเลย

แต่ตรงกันข้าม พวกนางกลับเริ่มรู้สึกสงสารและเห็นอกเห็นใจจิ้งจอกสาวชิงชิวผู้นี้ที่พบคนผิดมาตั้งแต่เริ่มต้น

เวลาผ่านไปสักพักหลังจากนั้น

“หลงทางหรือไม่?”

เอี๊ยดอ๊าด เอี๊ยดอ๊าด…

ในขณะนั้น ป้ายไม้ที่แขวนอยู่บนกิ่งไม้แกว่งไกวไปมา และจิ้งจอกสาวอดจะตบหน้าผากของนางเบาๆ ด้วยความกลุ้มใจไม่ได้

ทันทีที่นางออกมาจากโถงตู้เซียน นางก็ติดตาม “ฉีหยวน” ไปที่ยอดเขาหยกน้อย

นางกำลังเดินเล่นในป่ากับชายในฝันของนางในป่าภูเขาและจู่ๆ นางก็บังเอิญตกลงไปในค่ายกลเวทเพียงคนเดียวลำพังอย่างไม่อาจอธิบายได้…

นางถอนหายใจเบาๆ และกล่าวว่า “นักพรตเต๋า นี่เจ้าไม่อยากจะให้เวลาข้าครึ่งวันเลยหรือ?”

จิ้งจอกสาวมีสีหน้าท่าทางเศร้าเสียใจ นางยืนเงียบงันอยู่ที่นั่นสักพักหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ดูเหมือนว่านางจะนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้

“นักพรตเต๋า เจ้ากำลังทดสอบความเข้าใจเรื่องค่ายกลเวทของข้าใช่หรือไม่?”

ขณะนั้นเอง จิ้งจอกสาวก็เดินหน้าค้นหาไปทั่วทุกที่อย่างต่อเนื่อง

มันเป็นเรื่องยากที่นางจะหลุดพ้นไปจากค่ายกลเวทได้

ในกระท่อมมุงจากริมทะเลสาบ หลี่ฉางโซ่วได้เขย่าอาจารย์ของเขาเพื่อปลุกเขาให้ตื่นแล้ว และเขาก็ช่วยให้อาจารย์ของเขาสร่างเมาทันทีโดยร้องตะโกนว่า “ท่านอาจารย์! เผ่าปีศาจกำลังโจมตี!”

“อะไรนะ?!”

ฉีหยวนกระโดดขึ้น แล้วหยิบแส้หางม้าก่อนจะรีบวิ่งไปที่ประตูทันที

เขาตะโกนว่า “ในที่สุด ก็ถึงเวลาที่ข้าต้องพลีชีพแล้ว!”

หลี่ฉางโซ่วเอียงศีรษะ เหตุใดนั่นปฏิกิริยาแรกของท่านอาจารย์ถึงเป็นเช่นนี้?

ฉีหยวนรีบออกจากบ้าน แล้วจู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่า มีบางอย่างไม่ถูกต้อง

จากนั้นเขาจึงหันศีรษะกลับมาและจ้องมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว

“เผ่าปีศาจจากที่ใดกัน!?!”

“ท่านอาจารย์ ดูนั่นสิ” หลี่ฉางโซ่วชี้ไปที่กระจกเมฆอย่างสบายๆ และมองดูสถานการณ์ในค่ายกลกับดัก

ในขณะนั้น จิ้งจอกสาวเจ้าเสน่ห์กำลังค้นหาบางสิ่งบางอย่างอยู่ตลอดเวลา

แน่นอนว่า ฉีหยวนจำจิ้งจอกสาวได้ทันที

เขาขมวดคิ้วมุ่นจนเป็นรอยย่นดั่งตัวอักษรชวน[1] และกระซิบว่า “ศิษย์ข้า ไฉนนางถึงมาที่นี่อีก”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มพลางกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “ท่านอาจารย์ ไม่ต้องกังวล ข้ากำลังส่งคนไปที่ตำหนักครองคู่ของเทพเฒ่าจันทราเพื่อสอบถามถึงเรื่องนี้ และตรวจสอบเรื่องการแต่งงานของท่านอาจารย์

ดูเหมือนว่าจิ้งจอกสาวตัวนี้จะมีใจมั่นต่อท่านอาจารย์นัก”

“เฮ้อ” ฉีหยวนถอนหายใจและกล่าวว่า “ในฐานอาจารย์ ข้าจะไปหานางอีกครั้ง แล้วชี้แจงให้นางฟังเอง”

“สตรีผู้นี้ตกอยู่ในความลุ่มหลงมัวเมาอย่างหนัก และไม่อาจรักษานางให้หายขาดได้ด้วยคำพูดขอรับ”

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและกล่าวต่อว่า “และยิ่งไปกว่านั้น ท่านอาจารย์ หากท่านเข้าไปในค่ายกลเวทโดยตรง ข้ากังวลว่านางจะปฏิบัติต่อท่านอาจารย์…”

“อย่างไรกัน?”

“นางอาจใช้กำลังบังคับท่าน”

ฉีหยวนอดจะยกมือขึ้นจับปกเสื้อคลุมเต๋าของเขาไม่ได้ในขณะที่ใบหน้าชราของเขาซีดลง

“อาจารย์ของเจ้าครองความบริสุทธิ์มาตลอดชีวิต! ทำไม่ได้เด็ดขาด!”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ไม่ต้องห่วง มีศิษย์อยู่ที่นี่แล้ว… ท่านอาจารย์โปรดรอสักครู่ก่อน ศิษย์จะดูการแต่งงานของท่าน อาจารย์ ท่าน”

หลี่ฉางโซ่วหยุดไปชั่วขณะและแสดงทีท่าให้อาจารย์ของเขาสงบลง จากนั้นเขาก็หลับตาลงและตั้งสมาธิทันที

ในเวลาเดียวกันนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เทพวารีในศาลสวรรค์ก็มาถึงตำหนักครองคู่ของเทพจันทราแล้ว และเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเทพจันทรา…

หลี่ฉางโซ่วตัดสินใจใช้ข้ออ้างง่ายๆ ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เผ่าปีศาจกลายเป็นศัตรูกับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินและศาลสวรรค์

ข้าอยากดูว่า ศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินมีการแต่งงานกับเผ่าปีศาจหรือไม่ หากทำได้ ข้าก็จะวางแผนล่วงหน้าได้ดีและง่ายขึ้น

แล้วเทพจันทราจะกล้าไม่ตอบรับได้อย่างไร?

………………………………………………………………..

[1] เป็นรูปตัวอักษร川 หมายถึงคิดมาก เครียดมากจนขมวดคิ้วและเกิดรอยย่นลึกตรงหว่างคิ้วในรูปนี้