War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2122
ตอนที่ 2,122 : ยอดสมบัติสวรรค์ บรรทัดจักรวาล!
เพียงวาจาแรกที่กล่าวถาม เจียวจ้านก็คิดยืนยันตัวตนของต้วนหลิงเทียน
เพราะหลังจากเกิดเรื่องราวดังกล่าวขึ้น ก็มีผู้คนไม่น้อยใส่ชุดคลุมลมดำในนครแห่งบาป มันจึงไม่แน่ใจว่าชายในชุดคลุมลมดำเบื้องหน้าจะเป็นคนๆเดียวกับชายชุดดำที่เข่นฆ่าสังหารคนพันธมิตรอีกาทมิฬของมันหรือไม่
แน่นอนว่าต่อให้เบื้องหน้าจะไม่ใช่ชายชุดดำตัวจริง มันก็ไม่คิดแสดงความเมตตา!
“เจ้าเป็นพี่ชายเจียวถู?”
ตอนแรกต้วนหลิงเทียนในชุดคลุมลมดำก็รู้สึกว่าชื่อเจียวจ้านนี้มันคุ้นหูอย่างไรชอบกล หลังจากคิดไปพักหนึ่งจึงนึกออก ว่านี่ไม่ใช่นามของพี่ชายคนของอีกาทมิฬที่เขาเคยฆ่าไป ‘เจียวถู’ หรือ?
เขายังจดจำได้
ก่อนที่เขาจะฆ่าเจียวถู อีกฝ่ายก็ยกอ้างอัตลักษณ์ของพี่ชายที่เป็นรองผู้นำอีกาทมิฬออกมาหมายข่มเขา
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้แยแสแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าเจียวจ้านเองก็คงไม่คิดไม่ฝันจริงๆ
ว่าชายในชุดคลุมลมดำที่ลอยร่างอยู่กลางอากาสเบื้องหน้ามันคนนี้ ไม่เพียงแต่จะเข่นฆ่าคนพันธมิตรอีกาทมิฬมันไปมากมาย ยังเป็นมือสังหารคร่าชีวิตน้องชายมัน เจียวถู อีกด้วย!
แน่นอนว่าเจียวจ้านย่อมไม่มีวันคิดคาดจินตนาการออกได้ ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่คิดจะบอกมันสักนิด
“ก็แค่กลุ่มตัวไม่เอาไหนประพฤติตัวดั่งสุนัขลอบกัด ฆ่าพวกมันทิ้งไปแล้วจะทำไม?”
เผชิญหน้ากับเจียวจ้านที่กล่าวถามมาเสียงเข้ม ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบออกไปอย่างเฉยเมย ใบหน้าส่วนที่เผยให้เห็นนอกโม่งดำไร้อารมณ์ถึงที่สุด ทำราวกับไม่คิดว่าการฆ่าคนอีกาทมิฬเป็นเรื่องที่ต้องเก็บเอามาใส่ใจอะไร
อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ใส่ใจจริงๆ
ในนครแห่งบาป เขาเจอคนของอีกาทมิฬไม่น้อย
แต่คนของอีกาทมิฬที่เขาฆ่าไปทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ประพฤติตัวดั่งเฒ่าประมงรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากผู้อื่นทั้งสิ้น
เพราะสำหรับคนสารเลวเหล่านี้ ต้วนหลิงเทียนสามารถฆ่าทิ้งได้โดยไม่รู้สึกติดค้างอะไรในใจ
โอ! อา!
วาจาต้วนหลิงเทียนดังไม่ทันขาดคำดี เสียงอุทานด้วยความตกตะลึงก็กระหึ่มขึ้นมา ผู้ฝึกตนพเนจรทั้งหลายมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนด้วยความทึ่ง
พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะดุร้ายขนาดนี้!
เผชิญหน้ากับรองผู้นำกองกำลังอีกาทมิฬ เจียวจ้านที่อยู่ในอันดับที่ 566 ของรายนามยอดเซียน…
แต่ยังกล้าที่จะหยิ่งผยองถือดีแบบนี้…หรือคนไม่กลัวความตายแล้วจริงๆ?
“กล้าที่จะกล่าวออกมาด้วยท่าทีเช่นนั้นต่อหน้าเจียวจ้าน…หรือพลังฝีมือของมัน ที่แท้จะกล้าแข็งเหนือกว่าเจียวจ้าน!?”
ทันใดนั้นเหล่าผู้ฝึกตนพเนจรคนหนึ่งก็กล่าวคาดเดาออกมา
และสิ่งที่มันพูด ก็สร้างความโกลาหลในหมู่ผู้ชมทันที
“ฟังที่เจ้าว่าแล้ว…อาจเป็นเช่นนั้นจริงๆ!”
“ข้าเองก็ต้องคิดใหม่อีกรอบ…นั่นสิไฉนต้องมองว่าเจียวจ้านเหนือกว่าด้วย? มิใช่ว่าบางทีชายชุดดำอาจจะร้ายกาจกว่าเจียวจ้านหรอกหรือ? พอนึกขึ้นมาข้าก็จดจำได้ว่าก่อนหน้านี้มิว่าใคร ชายชุดดำก็อาศัยเพียงหนึ่งกระบวนเพื่อสังหารเท่านั้น!”
“ใช่แล้วถึงแม้กล่าวได้ว่าผู้ที่ตกตายด้วยน้ำมือชายชุดดำจะเป็นเพียงเซียนนภาขั้นสูงสุด…แต่ยังมีใครกล้าพูดว่าชายชุดดำก็ไม่ใช่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์เช่นกัน?”
…
เมื่อผู้ฝึกตนทั้งหลายเริ่มสนทนากันอีกครั้ง หัวข้อของพวกมันก็แปรเปลี่ยนไป
และวาจาที่เปลี่ยนของผู้คนก็ดังเข้าหูเจียวจ้านเช่นกัน ยังทำให้หน้ามันเปลี่ยนสีไปไม่น้อย
เพราะหลังได้ยินวาจาที่ดั่งจะกระตุ้นเตือนของผู้ฝึกตนพเนจรโดยรอบ มันก็รำลึกได้ถึงความจริงข้อหนึ่ง
มันยังไม่ล่วงรู้ถึงพลังฝีมือที่แท้จริงของชายชุดดำ ว่าแข็งแกร่งเพียงใด…
แต่เนื่องจากอีกฝ่ายกล้าปรากฏตัวออกมาในเวลาแบบนี้ จึงมีความเป็นไปได้เพียงแค่ 2 ประการเท่านั้น…
ประการแรกคือเสแสร้งแสดงลึกลับ หมายวางมาดยอดฝีมือเพื่อรักษาหน้าตา ก่อนที่จะหาโอกาสล่าถอยไปเมื่อสบโอกาสเหมาะ
ความเป็นไปได้ประการที่สองคือ อีกฝ่ายแข็งแกร่งเหนือมัน และไม่ได้กลัวมันแม้แต่น้อย…
“ก็แค่กลุ่มตัวไม่เอาไหนประพฤติตัวดั่งสุนัขลอบกัด ฆ่าพวกมันทิ้งไปแล้วจะทำไม?”
วาจาหยิ่งผยองของต้วนหลิงเทียนพลันดังก้องขึ้นในหูเจียวจ้านอีกครั้ง ทำให้ความคิดเจียวจ้านโน้มเอียงไปยังประการที่สองมากขึ้นเรื่อยๆ…
ชายชุดดำผู้นี้แข็งแกร่งเหนือมัน!
“เจ้าฆ่าคนของอีกาทมิฬเราไปมากมาย…ท่านผู้นำของเราไม่มีวันละเว้นเจ้าแน่! เจ้าล้างคอรอไว้เถอะ!!”
สูดลมหายใจเข้าลึกๆคำหนึ่ง เจียวจ้านก็กล่าววาจาทิ้งท้ายอย่างอาฆาตและคิดจากไปหน้าด้านๆ…
มันหันหลังและเตรียมเหินร่างจากไปทันที
มันตัดสินใจแล้ว
วันนี้ต่อให้มันจะเสียหน้าก็ช่าง แต่มันขอถอยก่อน!
เกิดพลังฝีมือคู่ต่อสู้สูงส่งกว่ามัน มันไม่ดับดิ้นเอารึ!?
ในกองกำลังพันธมิตรอีกาทมิฬนั้น ยังมีอีกคนที่พลังฝีมือกล้าแข็งเหนือกว่ามัน! เช่นนั้นในสายตาของมันก็ยังไม่ถือว่าสายเกินไปที่จะจัดการชายชุดดำคนนี้ หลังจากรอให้ผู้นำพันธมิตรอีกาทมิฬของมันกลับมาก่อน!!
ดังนั้นเจียวจ้านจึงตัดสินใจที่จะไม่เสี่ยง!
ทว่าตอนนี้มันคิดไป…แต่มันจะไปได้หรือ!?
วูบ!!
ต้วนหลิงเทียนในชุดคลุมลมดำวูบร่างไปดั่งผีสาง จังหวะที่เจียวจ้านหันกลับไปเตรียมหนีอย่างมีมาด ต้วนหลิงเทียนก็ไปผุดโผล่เบื้องหน้ามันอย่างที่ไม่ทันรู้ตัวเสียแล้ว
เห็นต้วนหลิงเทียนมาหยุดขวางเบื้องหน้าแบบนี้ สีหน้าท่าทีเจียวจ้านเปลี่ยนไปทันใด
ขณะเดียวกันเหล่าผู้ฝึกตนทั้งหลายก็พยายามดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว
ในหูของพวกมันยังมีวาจาของเจียวจ้านดังก้อง “เจ้าฆ่าคนของอีกาทมิฬเราไปมากมาย…ท่านผู้นำของเราไม่มีวันละเว้นเจ้าแน่! เจ้าล้างคอรอไว้เถอะ!!”
ฟังจากคำของเจียวจ้านแล้ว…ไม่ใช่ว่ามันกลัวชายชุดดำแล้วคิดจะหนีรึไง!?
ทันใดนั้นเหล่าผู้ฝึกตนพเนจรทั้งหลายก็รู้สึกตัว พวกมันหันไปมองเจียวจ้านด้วยสายตาดูแคลนไม่น้อย บางคนยังถึงกับกล่าวถากถางออกมาอย่างห้ามไม่ไหว
“เจียวจ้านผู้นี้ช่างหน้าทนจริงๆ…หากมันจะปอดแหกเช่นนี้แล้วจะปรากฏตัวอย่างดุร้ายแต่แรกทำอะไร…”
“ข้าเดาว่ามันคงไม่เคยคิดมาก่อนว่าชายชุดดำจะมีพลังฝีมือเหนือกว่ามัน…ตอนนี้พอชายชุดดำปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆทั้งยังมีทีท่าว่าไม่ได้กลัวอะไรมันแม้แต่น้อย มันเลยเกิดกลัวขึ้นมา และอันที่จริงข้าก็เริ่มรู้สึกว่าพลังฝีมือของชายชุดดำสมควรเหนือกว่ามันจริงๆ!!”
“ข้าเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน…แต่ว่านี่จะไม่ไร้ยางอายไปหน่อยหรือ มันกระทำเช่นนี้มิใช่แค่ทำตัวเองเสียชื่อ ยังพาลให้พันธมิตรอีกาทมิฬเสียชื่อเช่นกันหมด!”
“ไร้ยางอาย? เทียบกับชีวิตสุนัขของมันแล้ว…เจ้าว่ามันยังจะต้องอายอันใดอีก?”
…
ตอนแรกก็มีผู้ฝึกตนพเนจรไม่กี่คนที่ปริปากกล่าววาจาแดกดันประชดประชัน ทว่าต่อมาก็เริ่มมีผู้ฝึกตนเพนจรกล่าวออกทับถมเจียวจ้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เพราะอย่างไรก็แล้วแต่ เดิมทีคนของกองกำลังพันธมิตรอีกาทมิฬก็ประพฤติตัวไม่ค่อยจะดีกันอยู่แล้ว ยังชมชอบฉวยโอกาสอย่างน่าเกลียด ทำให้ชื่อเสียงในนครแห่งบาปย่ำแย่เป็นทุน
อย่างไรก็ตามด้วยกำลังรบโดยรวมของอีกาทมิฬไม่ใช่ต่ำทราม ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ย่อมไม่กล้าพูด
แต่ในที่สุดพวกมันก็มีโอกาสได้เสียดสีเจียวจ้านรองผู้นำอีกาทมิฬทั้งที จึงจัดหนักจัดเต็มไม่มีพลาด!
ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ผ่านหมู่บ้านนี้ไป ไร้ร้านค้าใดอีก’ พวกมันย่อมไม่อยากพลาดโอกาสดีๆเช่นนี้แน่นอน จึงเร่งกล่าวถล่มเจียวจ้านออกมาด้วยความขบขันไม่หยุดปานแม่น้ำหวงเหอในชีวิตที่แล้วของต้วนหลิงเทียน
(ผ่านหมู่บ้านนี้ไป ไร้ร้านค้าใดอีก = น้ำขึ้นให้รีบตัก,รีบฉวยโอกาสให้มากเพราะอาจไม่มีอีกแล้ว / หวงเหอ,ฮวงโห = แม่น้ำเหลือง มันไหลเชี่ยวเกรี้ยวกราดมาก! )
เรียกว่าวาจาที่ประดังเข้ามาดั่งแม่น้ำหวงเหอของผู้ฝึกตนพเนจรทั้งหลายโดยรอบ ทำให้สีหน้าเจียวจ้านถึงกับเปลี่ยนเป็นเขียวสลับขาวทันที
“เจ้าจะสู้กับข้าให้ได้?”
เจียวจ้านพลันตอนนี้อาการปานจะ ‘ไล่ให้เป็ดขึ้นคอน’ มองต้วนหลิงเทียนที่หยุดขวางเบื้องหน้ากล่าวถามออกมาเสียงเข้ม
(ไล่ให้เป็ดขึ้นคอน = พยายามจะทำในสิ่งที่ทำไม่ได้ / ไก่มันโดดขึ้นไปเกาะบนคอนได้ แต่เป็ดทำไม่ได้ ความสามารถไม่ถึง)
ขณะเดียวกันกับที่มันกล่าว ทั่วร่างพลันปรากฏพลังกดดันแฝงเร้นไว้ด้วยจิตสังหารอำมหิตแผ่พุ่งไปยังร่างต้วนหลิงเทียน
ที่มันกระทำเช่นนี้เพื่อทดสอบต้วนหลิงเทียน
หากตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกำลังเสแสร้งวางมาดยอดฝีมือล่ะก็ เมื่อโดนแรงกดดันพลังพร้อมจิตสัหารมันกดทับ หน้าต้วนหลิงเทียนสมควรเปลี่ยนสี และมันก็จะลงมือฆ่าคนทันที
ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่จะกู้หน้าที่เสียไปคืนมาได้ แต่ยังกู้คืนชื่อเสียงของพันธมิตรอีกาทมิฬในนครแห่งบาปได้ด้วย
อย่างไรก็ตามกลับเป็นสีหน้าของเจียวจ้านที่เปลี่ยนไปเสียเอง…
เพราะมันพบว่าชายชุดดำเบื้องหน้าไม่สะทกสะท้านใดๆกับแรงกดดันพลังแฝงจิตสังหารของมันแม้แต่น้อย อีกฝ่ายนิ่งไม่ไหวติงปานขุนเขา อีกทั้งใบหน้ายังถูกปกปิดไปด้วยโม่งดำ ยากจะแลเห็นความเป็นไปใดๆ…
“รองผู้นำพันธมิตรอีกาทมิฬ…คำถามโง่ๆแบบนี้เจ้ายังกล้าถามออกมาอีกหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงระอา
และทันทีที่วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนดังขึ้น เหล่าผู้ฝึกตนพเนจรโดยรอบถึกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่อาจห้าม
‘หนี!!’
เจียวจ้านเองก็ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียนเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าต้วนหลิงเทียนท่าทางจะมั่นใจมากว่าสามารถฆ่ามันได้ หน้ามันเปลี่ยนสีไปไม่เป็นท่า เร่งหันหลังอีกรอบและเตรียมวิ่งหนีออกไปให้ไวดั่งแสง
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนดั่งจะแลเห็นอนาคตก็ไม่ปาน ร่างกลับวูบมาหยุดเบื้องหน้าของเจียวจ้านอีกครั้ง
เจียวจ้านไม่มีเวลาให้หลบหนีไปไหน
วูบ!
ดังอัสนีวาบลั่น ต้วนหลิงเทียนพลันสะบัดมือคราหนึ่งปรากฏ ไม้บรรทัด ผุดโผล่จากความว่างเข้ามือปานสายฟ้า ไม้บรรทัดนี้ช่างเรียบง่ายแลดูธรรมดาถึงที่สุด
“เคลื่อนย้ายจักรวาล!”
ไม้บรรทัดดังกล่าว ก็คือ ‘บรรทัดจักรวาล’ อันเป็นยอดสมบัติสวรรค์ที่วางตั้งอยู่บนแท่นศาสตราประจำชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7สมบัติ!
สำหรับ ‘เคลื่อนย้ายจักรวาล’ นั้น เป็นความสามารถพิเศษของบรรทัดจักรววาล
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนเรียกบรรทัดจักรวาลออกมา พลังเซียนสุริยันอันเทียบได้กับพลังของขอบเขตเซียนสวรรค์ของเขาก็โคจรเชี่ยวปานน้ำหลาก ถ่ายทอดลงสู่บรรทัดไม่กี่ฉื่อในมือ ใช้ออกด้วยคววามสามารถวิเศษ ‘เคลื่อนย้ายจักรวาล’ ทันที
ในห้วงเวลาเพียงเสี้ยวพริบตาหลังพลังอำนาจลี้ลับสำแดงอานุภาพ ไม่ทันที่เจียวจ้านและผู้ฝึกตนโดยรอบจะทันได้รู้ตัว พลันมีแสงสว่างวาบขึ้นเบื้องหน้า กลิ่นอายพลังลี้ลับขุมหนึ่งสาดกำจายออกมา ยังทำให้เจียวจ้านรู้สึกเสมือนโลกหมุนวนไปไร้ทิศทางร่างถูกฉุดดึงไปไม่อาจควบคุม
เผชิญหน้ากับพลังลี้ลับสุดหยั่งถึงอย่างไม่ทันตั้งตัว เจียวจ้านและคนอื่นๆก็ไม่อาจตอบสนองสิ่งใดได้ทัน
และในห้วงเวลาชั่วพริบตาดุจฟ้าแลบนั้น
“ปฐมเวทย์กลืนกิน”
โดยยึดต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลางบังเกิดวังวนพลังขุมหนึ่งผุดขึ้น แม้วังวนนี้จะปรากฏในช่วงเวลาพริบตาพร้อมๆกับแสงสว่างที่ส่องสาด แต่มันก็ดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าร่างฮวบใหญ่ปานสัตว์ร้ายหิวโหย
เจียวจ้านและผู้ฝึกตนคนอื่นๆตอนนี้ที่ถูกรบกวนด้วยแสงสว่างทั้งพลังอำนาจลี้ลับของบรรทัดจักรวาลย่อมไม่อาจแลเห็นวังวนพลังจากปฐมเวทย์กลืนกินของต้วนหลิงเทียน กระทั่งไม่อาจจับสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงในพลังวิญญาณฟ้าดินได้
และในชั่วพริบตานั้นพลังเซียนสุริยันในร่างต้วนหลิงเทียนก็เพิ่มพูนขึ้นสูงจนบรรลุขอบเขตอันเหนือกว่า…
มากพอจะเทียบได้กับตัวตนขอบเขตเซียนสววรรค์ 3 เปลี่ยนที่พึ่งทะลวงผ่าน!
ครู่ต่อมา เจียวจ้านที่ผงะไป พลันดึงสติกลับมารู้สึกตัวได้อีกครั้ง
ฟุ่บ!
หากแต่ร่างต้วนหลิงเทียนพลันวูบมาถึงเบื้องหน้าเจียวจ้านปานสายลมกรรโชก ทำให้เจียวจ้านที่พึ่งรู้สึกตัวหน้าเปลี่ยนสีทันที
ฉัวะ!
พร้อมกันนั้นเองเสียงดั่งวัตถุมีคมบาดเฉือนเลือดเนื้อพลันดังขึ้น
เป็นต้วนหลิงเทียนที่จ่ายพลังเซียนสุริยันฉาบเคลือบยอดสมบัติสวรรค์ในมือ บรรทัดจักรวาล เอาไว้จนมันแหลมคมปานมีดดาบ ฟันฟาดไปทางเจียวจ้าน
ไม่ได้ใช้วรยุทธ์เซียนใดๆ ไร้เวทย์พลัง
เพียงใช้พลังลึกล้ำจากเคล็ดยอดใจกระบี่ผสานกับบรรทัดจักรวาลที่ฉาบไว้ด้วยพลังเซียนสุริยันอันกล้าแกร่งฟันเข้าใส่เจียวจ้านตรงๆเท่านั้น