บทที่ 624 หมอเทวดาออกตรวจ

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 624 หมอเทวดาออกตรวจ

ว่ากันตามตรง กู้เจียวรู้สึกว่ากระบวนการสืบสวนของพวกเขาช่างหละหลวมเหลือเกิน หลักฐานก็ไม่ครบ แต่คงเพราะเรื่องเกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาท พวกเขาจึงได้ยอมหาแพะรับบาปดีกว่าปล่อยไป

กู้เจียวถูกจับไปแล้วสุดท้ายก็ไม่อาจลงโทษได้อยู่ดี อย่างไรเสียนางก็เป็นสตรี เมื่อพบว่านางเป็นสตรีแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างคงได้พังทลายลง

ทว่าก็ยังคงเป็นคำเดิม นางไม่มีทางเปิดเผยตัวตน ดังนั้นนางจะมาถูกขุนนางพวกนี้จับตัวกลับไปไม่ได้เด็ดขาด

กู้เจียวเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้ไปลอบสังหารรัชทายาท ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นกับองค์รัชทายาท ข้าอยู่ด้วยกันกับคนในสำนักบัณฑิตเทียนฉงตลอด”

หัวหน้าขุนนางถามเสียงเย็น “เช่นนั้นเจ้าอยู่กับผู้ใด”

สายตากู้เจียวเบนไปตกลงบนตัวอาจารย์ผู้นั้น

อาจารย์แซ่หู ไม่ได้สอนหนังสือ รับผิดชอบแต่งานรับสมัครบัณฑิตและกิจการทั่วไปของสำนักบัณฑิต

อาจารย์หูสบตากับกู้เจียว ใจกระตุกวูบทันที!

ถูกต้อง กู้เจียวกะว่าจะให้อาจารย์หูเป็นพยานให้ตัวเอง ไม่อย่างนั้นนางก็จะบอกเรื่องที่อาจารย์หูไปเที่ยวหอนางโลมออกไป

อาจารย์หูไม่ใช่คนโง่ ไหนเลยจะเดาแผนการในใจของกู้เจียวไม่ออก เขาตกใจจนหน้าถอดสี

แม้จะกล่าวว่าการเที่ยวหอนางโลมจะไม่ผิดกฎหมายของแคว้นเยี่ยน แต่ผิดกฎสำนักบัณฑิตนี่นา ลือออกไปชื่อเสียงเขาได้ป่นปี้แน่!

อะอะอะ…ไอ้เด็กหน้าเหม็นนี่ทางที่ดีอย่าได้ทำเช่นนั้นเชียว! ไม่อย่างนั้นเขา ไม่อย่างนั้นเขา…

“เขาอยู่ด้วยกันกับข้า”

เสียงดุจขุนเขาสูงชันธาราเอื่อยไหลดังขึ้นจากทางเดินด้านหลังกู้เจียว ทุ้มต่ำทว่าเรียบนิ่ง ซ้ำยังแฝงไปด้วยความเยาว์วัยและเสน่ห์เหลือล้นอันเป็นเอกลักษณ์ของช่วงวัยเอาไว้ด้วย

เป็นมู่ชิงเฉิน

เขาเปรียบดั่งลมอ่อนเย็นสบาย จันทรากระจ่างใส ย่างก้าวเข้ามาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนหยุดฝีเท้าลงข้างกายกู้เจียว

บรรดาขุนนางเห็นเขา สีหน้าก็อดเผยแววเกรงใจออกมาไม่ได้

หัวหน้าเจ้าหน้าที่เอ่ยทักทาย “ที่แท้ก็ท่านชายชิงเฉินนี่เอง”

แม่เล้ากับอาจารย์หูมองมู่ชิงเฉินอย่างกับเห็นผี ไม่เข้าใจว่าประโยคนั้นของเขามันมีกี่ความหมายกันแน่

กู้เจียวก็ตกตะลึงเช่นกัน

ว่ากันตามหลักแล้ว จากความสัมพันธ์ยามนี้ของนางกับเขา ต่างฝ่ายต่างนิ่งดูดายหรือเอามีดแทงกันต่างหากที่เป็นการกระทำปกติของทั้งคู่

หัวหน้าขุนนางถามอย่างประหลาดใจ “ท่านชายชิงเฉิน ท่านบอกว่าเมื่อคืนเขาอยู่กับท่านตลอดรึ”

มู่ชิงเฉินเอ่ย “ถูกต้อง”

หัวหน้าเจ้าหน้าที่เอ่ยต่อ “มีหลักฐานหรือไม่”

มู่ชิงเฉินเอ่ยอย่างสบายๆ “พวกเจ้ากำลังหาพยานบุคคลอยู่มิใช่รึ ข้านี่ไงล่ะพยาน หากไม่เชื่อละก็ ไปถามคนขับรถของข้าก็ได้ แน่นอนว่า หากพวกเจ้าคิดว่าข้าจงใจโกหก ก็ไม่ต้องเชื่อคำพูดของข้าก็ได้”

หัวหน้าเจ้าหน้าที่ขมวดคิ้ว ก่อนเอ่ยเสียงเนิบ “พวกเราไม่ได้หมายความอย่างนั้นขอรับ ขอท่านชายชิงเฉินอย่าได้ถือสา”

อ๋อ ท่านชายชิงเฉินท่านนี้เหมือนจะมีฐานะและชื่อเสียงในเมืองเซิ่งตูไม่ธรรมดา แม้แต่เจ้าหน้าที่รับผิดชอบคดีขององค์รัชทายาทยังเกรงอกเกรงใจเขาเพียงนี้

หัวหน้าเจ้าหน้าที่เอ่ยอีก “เพียงแต่ข้าน้อยมีเรื่องหนึ่งที่ยังข้องใจขอรับ”

มู่ชิงเฉินเอ่ย “โปรดกล่าว”

หัวหน้าเจ้าหน้าที่มองกู้เจียว “เขาเป็นชาวแคว้นเบื้องล่าง เหตุใดท่านชายชิงเฉินจึงได้พาเขาเข้ามาในเมืองชั้นในโดยพลการ ท่านชายชิงเฉินรู้กฎหมายแคว้นเยี่ยนเป็นอย่างดี น่าจะกระจ่างแจ้งว่าต่อให้เป็นท่านชายชิงเฉินก็ไม่มีอำนาจพาคนเข้าเมืองชั้นในตามอำเภอใจเช่นนี้”

แม้แต่มู่ชิงเฉินก็ยังไม่อาจพาใครเข้าเมืองได้ตามใจชอบ เช่นนั้นอาจารย์หูยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่เลย

เมื่อครู่นี้นางกำลังจะบอกเจ้าหน้าที่ว่าอาจารย์หูเป็นคนพานางเข้าเมือง โชคดีที่มู่ชิงเฉินมาขัดตาทัพเสียก่อน ไม่อย่างนั้นนางได้โดนเปิดโปงตรงนี้แน่

มู่ชิงเฉินเอ่ย “เรื่องมันด่วนมาก รอทำตราอาญาสิทธิ์เมืองชั้นในให้เขาไม่ทัน”

หัวหน้าเจ้าหน้าที่แววตามีประกายสอดรู้ “อ๋อ เรื่องอันใดจึงทำให้ท่านชายชิงเฉินทำผิดกฎหมายเมืองเซิ่งตูพาชาวแคว้นเบื้องล่างเข้ามาในเมืองชั้นในกันเล่า”

สถานที่สำคัญอย่างเมืองชั้นในอย่าว่าแต่ชาวแคว้นเบื้องล่างต่ำต้อยคนหนึ่งเลย ต่อให้เป็นชาวแคว้นเยี่ยนตัวจริงขนานแท้ก็ยังต้องปฏิบัติตามกฎข้อบังคับในการเข้าเมือง

“รักษาอาการป่วยให้ท่านกั๋วกง”

ประโยคนี้ของมู่ชิงเฉินกล่าวออกไป สีหน้าทุกคนพลันเปลี่ยน

หัวหน้าเจ้าหน้าที่ถึงขนาดปากอ้าตาค้างไปแล้ว เนิ่นนานผ่านไปก็ยังคงพูดอะไรไม่ออกสักคำ

กู้เจียวพอจะเดาบางอย่างได้แล้ว ท่านกั๋วกงผู้นั้นคงจะเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งสูงอำนาจมหาศาลคนหนึ่ง หากรักษาอาการป่วยให้เขา ก็สามารถได้รับข้อยกเว้นผ่านเข้าเมืองได้

แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าหมอทุกคนต่างมีสิทธิ์รักษาให้กั๋วกงได้ ต้องมีคนสำคัญเสนอหรือแนะนำมา อย่างเช่น มู่ชิงเฉิน

หัวหน้าเจ้าหน้าที่มองกู้เจียว แล้วมองมู่ชิงเฉิน “เขาน่ะรึ”

มู่ชิงเฉินเอ่ยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ถูกต้อง เขาเป็นหมอที่ข้าเชิญมาให้ท่านกั๋วกง”

หัวหน้าเจ้าหน้าที่เมื่อครู่ตรวจสอบข้อมูลของเซียวลิ่วหลังเรียบร้อยแล้ว เขาเอ่ยอย่างสงสัย “เขาเพิ่งจะเข้าเรียนได้วันเดียว ท่านก็รู้ว่าเขาเป็นหมอแล้วหรือ”

มู่ชิงเฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังเอ่ยเสียงเรียบ “ข้ามู่ชิงเฉินจะสืบเรื่องคนผู้หนึ่ง เป็นเรื่องยากอย่างนั้นรึ”

หัวหน้าเจ้าหน้าที่สะอึกไปอีกหน

แน่นอนว่า…ไม่ยากเลย

มู่ชิงเฉินเป็นถึงหนึ่งในสามท่านชายแห่งเซิ่งตู ฐานันดรสูงส่ง หน้าตาและความสามารถครบครัน จะตรวจสอบเบื้องหลังบัณฑิตใหม่สักคนไม่ใช่เรื่องยากเลย

“ข้าต้องการข้อมูลทั้งหมดของคนผู้นี้ ภายในวันนี้!”

มู่ชิงเฉินเพียงเอ่ยปากแค่ประโยคเดียว ย่อมมีคนรับใช้และหน่วยกล้าตายนับไม่ถ้วนหัวร้างข้างแตกเพื่อเขา

หัวหน้าเจ้าหน้าที่รับคดีของจวนรัชทายาทมา ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา เขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งพลางถาม “แต่เหตุใดเขาจึงไปที่หอนางโลมเล่า”

มู่ชิงเฉินเอ่ยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าอีกหน “เจรจาตกลงเรื่องราคาไม่ได้ เขาจึงหนีไปดื้อๆ ”

กู้เจียว “…” เจ้าโกหกตาไม่กะพริบ ซ้ำยังสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ไม่ไปเป็นนักเขียนบทกับผู้กำกับคงจะน่าเสียดายแย่

หัวหน้าเจ้าหน้าที่หรี่ตาถาม “เช่นนั้นตรามัจฉาของท่านมันอย่างไรกันแน่”

มู่ชิงเฉินเอ่ย “ข้าเป็นคนมอบตรามัจฉาให้เขาเอง ให้เขาออกจากเมือง ใครจะไปคิดว่าเขาเกิดจิตสกปรกลามกขึ้นมา ไปเที่ยวหอนางโลมเสียได้”

กู้เจียวมุมปากกระตุก ข้าขอบใจยิ่งนัก!

เนื่องจากการเข้ามาพัวพันของมู่ชิงเฉิน กู้เจียวจึงได้มีพยานอย่างสมบูรณ์แบบ เหล่าเจ้าหน้าที่ขุนนางจึงจากไปในที่สุด

อาจารย์หูเดินมาหา สีหน้าซับซ้อนพินิจกู้เจียว ก่อนเอ่ยกับมู่ชิงเฉิน “มิน่าท่านชายมู่จึง…”

สายตาเย็นเยียบของมู่ชิงเฉินปรายไป อาจารย์หูปิดปากฉับ “ข้ายังมีธุระ ขอตัวก่อน”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

หลังจากอาจารย์หูไปแล้ว กู้เจียวก็ถามมู่ชิงเฉินอย่างฉงน “เขาจะพูดอะไรรึ”

“ไม่มีอะไร” มู่ชิงเฉินเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

กู้เจียวมองเขาอย่างลุ่มลึก “เหตุใดเจ้าต้องช่วยข้าด้วย”

มู่ชิงเฉินสายตาเย็นชา “หากข้าไม่ช่วยเจ้า เจ้าจะไม่สารภาพเรื่องข้าออกมาด้วยรึ ชื่อเสียงที่ถูกเจ้าปล้นชิงของมันน่าฟัง หรือว่าชื่อเสียงที่ข้าเป็นฝ่ายมอบตรามัจฉาให้เจ้าเองมันน่าฟังกว่ากันล่ะ”

กู้เจียวเลิกคิ้วพึมพำ “ก็จริง ผู้ชายอย่างพวกเจ้ารักศักดิ์ศรีนัก” ท่านชายชิงเฉินผู้สูงส่งหากถูกบัณฑิตใหม่แคว้นเบื้องล่างปล้นของไป ลือออกไปก็ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก

มู่ชิงเฉินเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าพึมพำอะไร”

กู้เจียวอารมณ์ดีขึ้นมา “ไม่มีอะไร ไว้เจอกันนะ!”

นางไปหากู้เสี่ยวซุ่น มู่ชิงเฉินก็กำลังจะกลับเช่นกัน แต่ทั้งคู่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว นึกไม่ถึงว่าขุนนางกลุ่มนั้นจะย้อนกลับมาอีก ซ้ำในบรรดาพวกเขายังมีบุรุษที่ค่อนข้างมีตำแหน่งคนหนึ่งเพิ่มมาด้วย

นึกไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะขี่ม้ามา

เขาอายุราวสามสิบต้นๆ ไม่ได้สวมชุดเกราะ แต่ตลอดร่างแผ่กลิ่นอายน่าเกรงขามและไอสังหารออกมา

เขาขี่ม้าศึกมาขวางทางกู้เจียวกับมู่ชิงเฉินไว้

“ท่านชายชิงเฉิน” เขายิ้มเย็นทักทาย

ท่าทีของเขาเย่อหยิ่งเสียยิ่งกว่าขุนนางเหล่านั้นอยู่ไม่น้อย

สีหน้ามู่ชิงเฉินไม่ได้เปลี่ยนแปรเท่าใดนัก ยังคงประดุจท่านชายเย็นชาย รูปงามสง่าไร้ผู้ใดเทียม “ใต้เท้าเซ่า”

กู้เจียวสัมผัสได้ถึงคลื่นใต้น้ำประหลาด ราวกับว่าใต้เท้าเซ่าผู้นี้จะไม่ค่อยถูกกันกับมู่ชิงเฉินเท่าใดนัก

บุรุษที่ถูกเรียกว่าใต้เท้าเซ่าหัวเราะเย็นชา เอ่ย “ท่านชายชิงเฉินบอกว่าชาวแคว้นเจาผู้นี้เป็นหมอที่ท่านชายชิงเฉินเชิญมาให้กั๋วกง ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อท่านชายชิงเฉิน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ท่านชายชิงเฉินยังหนุ่มยังแน่น ข้าก็เป็นห่วงว่าท่านชายชิงเฉินจะถูกคนมีเจตนาร้ายหลอกใช้เอา”

มู่ชิงเฉินแววตาเย็นเยียบ “ใต้เท้าเซ่าต้องการอย่างไร”

ชายผู้ยิ้มเอ่ย “เขาต้องไปรักษาให้กั๋วกงมิใช่หรือ เช่นนั้นก็ให้เขาไปเสียสิ”

มู่ชิงเฉินเอ่ยเสียงนิ่ง “หากรักษาไม่หาย ใต้เท้าเซ่าก็จะใช้โทษหมิ่นเบื้องสูงลงโทษข้ากับเขารึ”

ชายผู้นั้นรอยยิ้มอ่อนโยนเอ่ย “ท่านชายชิงเฉินกล่าวเกินไปแล้ว ข้าจะกล้าบังอาจกับท่านชายชิงเฉินได้อย่างไร เป็นชาวแคว้นเบื้องล่างผู้นี้ที่เจตนาหลอกลวงท่านชายชิงเฉิน ทุกอย่างล้วนเป็นความคิดของเขาเอง ไม่เกี่ยวกับท่านชายชิงเฉิน”

กู้เจียวคิด เยี่ยมไปเลย เทพเซียนทะเลาะกัน ผีต๊อกต๋อยจากแคว้นเจาอย่างนางดันโดนลูกหลงเสียได้

หนึ่งเค่อต่อมา กู้เจียวก็ขึ้นรถม้าของมู่ชิงเฉิน

อันที่จริงกู้เจียวจะปฏิเสธก็ได้ เห็นได้ชัดว่าคนแซ่เซ่ากับมู่ชิงเฉินมีแค้นเก่าต่อกัน คิดจะใช้เรื่องนี้เล่นงาน

หากนางไม่ไป มู่ชิงเฉินก็จะได้รับโทษอยู่ผู้เดียว

แต่คนอย่างนางบุญคุณความแค้นแยกแยะชัดเจนอยู่แล้ว

มู่ชิงเฉินโยนเทียบยาใบหนึ่งให้นาง ก่อนเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่องให้คล่อง อีกเดี๋ยวเจ้าไปจวนกั๋วกง ทำท่าทำทีให้เหมือนๆ หน่อย จับชีพจรเป็นหรือไม่ ไม่เป็นก็ไม่เป็นไร จำไว้ว่าวางนิ้วบนข้อมือฝั่งด้านนอก บริเวณใกล้ๆ ข้อต่อ นิ้วสามนิ้วนะ”

เขาเอ่ยพลางเห็นกู้เจียวไม่ได้เอ่ยคำใด เขาก็ขมวดคิ้ว “กระดูกข้อต่อเจ้าคงจะรู้อยู่กระมัง”

“อืม รู้” กู้เจียวพยักหน้า นางอ่านเทียบยาในมือต่อ หนิวหวง เซ่อเซียง เจินจู จูซา ฉงหวง หวงเหลียน…

มู่ชิงเฉินกระซิบต่ออีก “รักษาไม่หายก็ไม่เป็นไร ไม่มีทางเอาชีวิตเจ้าหรอก เขาทำเช่นนี้ก็แค่อยากแน่ใจว่าเจ้าเป็นหมอจริงหรือไม่ และ…เหยียดหยามข้าเท่านั้น เจ้าแสร้งทำทีให้เหมือนหน่อย ไม่เผยพิรุธก็พอ”

กู้เจียวส่งเสียงอืมไปอย่างอู้อี้

มู่ชิงเฉินนึกว่ากู้เจียวกำลังตั้งใจท่องเทียบยา จึงไม่ไปกวนนางอีก

รถม้ามาถึงจวนกั๋วกง ภายใต้การ ‘คุ้มกัน’ ของเหล่าขุนนางและชายผู้นั้น

“ท่านชายชิงเฉิน ถึงแล้ว” ชายผู้นั้นชักม้ามาหา

มู่ชิงเฉินมองไปยังกู้เจียว “ท่องคล่องหรือยัง”

“อืม” กู้เจียวคืนเทียบให้เขา

มู่ชิงเฉินกับกู้เจียวลงมาจากรถม้า

ชายผู้นั้นเข้าสำนักบัณฑิตมาไม่ลงจากหลังม้าเลย มาจวนกั๋วกงกลับพลิกตัวลงจากหลังม้า ก่อนส่งม้าให้ขุนนางที่อยู่ข้างๆ

เขาบอกจุดประสงค์ในการมาให้กับบ่าวรับใช้เฝ้าประตู บ่าวรับใช้เข้าจวนไปรายงานหนึ่งคำรบ ก่อนบอกกับพวกเขา “ท่านชายชิงเฉิน ใต้เท้าเซ่า เชิญขอรับ”

กู้เจียวเข้าจวนกั๋วกงมา

ยิ่งนางเดินก็ยิ่งฉงน

เหตุใดทุกอย่างที่นี่จึงให้ความรู้สึกคุ้นๆ ชอบกล

เพียงไม่นาน พวกเขาก็มาถึงเรือนห่างไกลแห่งหนึ่งโดยการนำทางของบ่าวรับใช้

กู้เจียวกะพริบตาปริบๆ

ช้าก่อน นี่มันไม่ใช่เรือนที่นางมาเมื่อวานหรือไร

“ท่านชายชิงเฉิน! ใต้เท้าเซ่า!”

พร้อมกับเสียงสตรีที่คุ้นหูนี้ ฮูหยินในอาภรณ์หรูหราสีม่วงก็เดินมาหาโดยมีสาวใช้คอยประคอง

กู้เจียวจำเสียงนางได้

นี่มันฮูหยินคนเมื่อวานนี่นา

นี่นาง…มายังที่เดิมอย่างนั้นหรือนี่

“ฮูหยินรอง” ใต้เท้าเซ่าประสานมือคำนับให้

มู่ชิงเฉินก็ผงกหัวให้เล็กน้อยเช่นกัน

ฮูหยินรองค่อนข้างตกใจ “ท่านสองท่านมาด้วยกันได้อย่างไรเล่า”

ชายผู้นั้นแย้มยิ้ม เอ่ยอย่างสง่าผ่าเผย “ท่านชายชิงเฉินหาหมอจากแคว้นเจามาให้ท่านกั๋วกง ข้าจึงคุ้มกันพวกเขามารักษาถึงจวนกั๋วกง”

ฮูหยินรองอ้าปากหวอ “อ่า…ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”

เห็นได้ชัดว่า ฮูหยินรองนางนี้ไม่เชื่อว่าเขาจะมีเจตนาดีคุ้มกันมู่ชิงเฉินมาส่ง

เพียงแต่ไม่มีใครไปเปิดโปงก็เท่านั้น

“เฮ้อ” ฮูหยินรองทอดถอนใจ “บอกตรงๆ เลยแล้วกัน เมื่อครู่ศิษย์ของหมอเทวดาลั่วมารักษาให้ท่านกั๋วกงแล้ว เพิ่งจะฝังเข็มไป ยังไม่ทันได้กลับ ไปต้มยาให้ท่านกั๋วกงอยู่”

ชายผู้นั้นถาม “ใช่ศิษย์ของหมอเทวดาลั่วเฟยหยางหมออันดับหนึ่งแห่งแคว้นเฉินหรือไม่”

“ใช่เจ้าค่ะ!” ฮูหยินรองเอ่ย

ชายผู้นั้นมองมู่ชิงเฉินอย่างแฝงความนัย “แคว้นเฉินโด่งดังในเรื่องฝีมือการแพทย์ หมอเทวดาลั่วคือยอดฝีมือของบรรดาแพทย์ทั้งหลายเลย”

มู่ชิงเฉินไม่สนใจการท้าทายของเขา ถามฮูหยินรอง “ท่านกั๋วกงตื่นอยู่หรือไม่”

ฮูหยินรองส่ายหน้า

มู่ชิงเฉินเอ่ยกับกู้เจียว “เจ้าไปลองดูเถิด ไม่ต้องกดดันมากล่ะ”

ชายผู้นั้นเหน็บเข้าให้ “ใช่แล้ว อย่างไรเสียแม้แต่ศิษย์ของหมอเทวดาลั่วยังทำอะไรไม่ได้ หมอไร้ชื่อจากแคว้นเจาคนหนึ่งจะสามารถรักษาท่านกั๋วกงให้หายได้อย่างไร ท่านชายชิงเฉินคงจะเพ้อฝันไปตั้งแต่แรกกระมัง”

กู้เจียวมองเขาอย่างรำคาญ “มากความเพียงนี้ เจ้าเป็นนกหรือไร”

ชายผู้นั้นสะอึก “เจ้า!”

กู้เจียวเข้าไปในห้อง

มู่ชิงเฉินมองแผ่นหลังนาง คล้ายค่อนข้างตกใจกับปฏิกิริยานาง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร เดินตามนางเข้าห้องไป