บทที่ 779 เปิดร้านฝูจิ่น

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 779 เปิดร้านฝูจิ่น

บทที่ 779 เปิดร้านฝูจิ่น

หลี่ฝานรู้ถึงความกังวลของกู้เสี่ยวหวาน และหวังว่านางจะเลิกยุ่งกับสิ่งที่ไม่ชัดเจนเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม ร้านอาหารนี้ก็เป็นของเขา ฉินเย่จือก็อยู่อย่างลับ ๆ

ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแบบนั้น

หลี่ฝานมาถึงและยืนอยู่ตรงกลางของประตู มองไปที่ฝูงชนที่ส่งเสียงจอแจและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

แม้ว่าร้านจิ่นฝูนั้นจะเต็มไปด้วยผู้คนทุกวัน แต่ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อน

ฝูงชนเต็มถนนหน้าร้านจิ่นฝู และรอบ ๆ ทางเข้าร้านก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คน

บ้างก็อยากเข้ามากิน บ้างก็ชะเง้อคอมองดู

เมื่อรู้ว่าเถ้าแก่หลี่ร้านจิ่นฝูกำลังจะเปิดร้านอาหารใหม่ ทุกคนก็สงสัยใคร่รู้ว่าหลี่ฝานจะเปิดร้านอาหารอันใกล้นี้ เขาจะขายอาหารอะไร

สองร้านอยู่ติดกัน เหมือนกันแข่งกับกิจการของตัวเอง!

ทุกคนแปลกใจ และงุนงงเป็นอย่างมาก

ครั้นถามหลี่ฝาน แต่หลี่ฝานก็บอกว่าไม่สามารถคาดเดาใด แต่รสชาติของมันอร่อยแบบนี้ที่ไม่เคยกินแน่นอน!

ทุกคนมีความสุขมาก

ชื่อเสียงของร้านจิ่นฝูแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมถนนและทุกตรอกซอกซอย ทุกคนล้วนรู้จึกชื่อเสียงของจิ่นฝูเป็นอย่างดี

ไม่เพียงแต่มีขนาดใหญ่และการตกแต่งที่หรูหราเท่านั้น แต่บางครั้งก็มีอาหารที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน และรูปแบบก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทำให้ดึงดูดลูกค้าเข้ามาจำนวนมาก

ไม่เหมือนร้านอาหารอื่น ๆ ไม่มีอาหารจานใหม่ตลอดทั้งปี และอาหารก็น่าเบื่อจำเจ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าร้านอาหารอื่น ๆ จะพยายามเลียนแบบร้านจิ่นฝู แต่รสชาติของมันก็เทียบไม่ติด

ดังนั้นผู้ที่มีอำนาจในเมืองรุ่ยเสียนก็มักจะมากินอาหารที่ร้านจิ่นฝู ไม่เพียงแต่สภาพแวดล้อมที่หรูหรา แต่อาหารยังมีรสชาติอร่อย และยังมีอาหารจานใหม่ออกมาเป็นระยะ ๆ

ร้านอาหารอื่นในเมืองรุ่ยเสียนเริ่มเดือดดาล และพวกเขาก็เกลียดชังหลี่ฝานแทบกระอักเลือด

อย่างไรก็ตาม หลี่ฝานได้ผูกมิตรกับใต้เท้าหลิวเจ้าเมืองรุ่ยเสียน คนอื่นจึงไม่สามารถทำอะไรเขาได้

ครั้งนี้หลี่ฝานเปิดร้านอาหารอีกแห่ง เขาแสร้งทำเป็นว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้เจ้าของร้านอาหารเหล่านั้นต่างก็อิจฉาตาร้อน และอยากเห็นว่าหลี่ฝานจะมีอาหารจานใหม่อะไรบ้าง

ครั้นเห็นพวกหลี่ฝานเดินออกมา คิดว่าคงถึงเวลาเปิดร้านแล้ว

“เถ้าแก่หลี่ ในที่สุดเจ้าก็เปิดประตู” มีเสียงคนตะโกนด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ

“ถึงฤกษ์แล้ว..” จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น

จากนั้นก็ได้ยินเสียงประทัดม้วนตัวเป็นคลื่น ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว และมาพร้อมกับฝุ่นควัน

หัวใจของกู้เสี่ยวหวานเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ท่ามกลางเสียงประทัดและฝุ่นควัน ในที่สุดนางก็เปิดร้านอาหารแล้ว

เมื่อประทัดเริ่มระเบิด ฉินเย่จือก็เคลื่อนไปด้านหน้าของกู้เสี่ยวหวานทันที โดยใช้ร่างกายของเขาป้องกันนางจากประทัดที่อาจจะกระเด็นมา

กู้เสี่ยวหวานเห็นการกระทำของฉินเย่จือ นางจึงรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก

ในที่สุดก็จุดประทัดเสร็จ

หลี่ฝานยื่นมือออกไปดึงผ้าไหมสีแดงบนป้าย จากนั้นลูกจ้างคนอื่น ๆ ก็ดึงผ้าไหมสีแดงที่แขวนอยู่บนป้ายที่แปะไว้ที่ประตูออกอย่างเชื่องช้า

เมื่อทุกคนมองไป เห็นแผ่นโลหะเคลือบทองที่เหมือนกับร้านจิ่นฝูทั้งหมด แต่ชื่อกลับหัวกลับหางเป็น… ร้านฝูจิ่น!

ชื่อร้านฝูจิ่น กู้เสี่ยวหวานเป็นคนเลือกมันกับมือ

ชื่อร้านจิ่นฝูฝังลึกอยู่ในใจของผู้คนแล้ว หากมีชื่อที่คล้ายกัน ทุกคนจะได้จำง่ายขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งหมดล้วนมีเจ้าของคนเดียวกัน ถึงเวลาทุกคนก็จะแยกแยะได้ ร้านจิ่นฝูเป็นร้านสำหรับกินข้าว ส่วนร้านฝูจิ่นเป็นร้านหม้อไฟ

สะดวกสบายมากแค่ไหนน่ะ!

เมื่อมองดูเสาขนาดใหญ่ภายนอกอาคาร หลังจากนำผ้าไหมสีแดงออกแล้วจะเห็นว่าบนประตูมีอักษรเขียนอยู่ด้านซ้ายและขวา ทางด้านซ้ายเขียนว่า ทันสมัย อุดมสมบูรณ์ หม้อไฟจะโด่งดังไปทั่วทุกสารทิศ ด้านขวาเขียนว่า ปรองดอง กิจการรุ่งเรือง ราคาเป็นธรรม

ผู้ชมอ่านข้อความบนประตูอย่างระมัดระวัง แต่พวกเขาก็คาดเดาไม่ได้เล็กน้อย “หม้อไฟหรือ? มันคือสิ่งใดกัน?”

อาหารนี้คืออะไร?

ขณะที่ทุกคนกำลังกระซิบกระซาบกัน หลี่ฝานก็กระแอมในลำคอและพูดเสียงดัง “ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน วันนี้เป็นวันเปิดร้านฝูจิ่นของข้า ขอบคุณสำหรับการสนับสนุน ขอทำให้ทุกท่านประหลาดใจสักหน่อย อาหารในร้านฝูจิ่นที่ทุกท่านไม่เคยได้ยินและไม่เคยเห็นมาก่อน วันนี้ขายราคาพิเศษ ลดราคาสองส่วน เฉพาะวันนี้เท่านั้น ห้ามพลาด!”

เมื่อทุกคนได้ยินว่ามีส่วนลดสองส่วน บางคนก็ยืดคอและคลายเข็มขัด กระตือรือร้นอยากจะลองและรีบเดินเข้าไป

หลังจากที่ลูกค้ากลุ่มแรกเข้าร้าน พวกเขาก็ถูกดึงดูดด้วยการตกแต่งของร้านฝูจิ่น ซึ่งแตกต่างจากร้านอาหารอื่น ๆ ทั่วไป กว่าพวกเขาจะรู้ตัวก็ถูกคนด้านหลังชิงเข้าไปเสียก่อน

ไม่ว่าร้านฝูจิ่นจะใหญ่แค่ไหนก็ไม่สามารถรองรับผู้คนจำนวนมากที่อยู่ข้างนอกได้ ผู้คนที่เข้ามาไม่สนใจที่จะชื่นชมการจัดวางของร้าน ดังนั้นพวกเขาจึงหาที่นั่งใกล้ที่ใกล้ที่สุด และนั่งลงทันที

ด้านหน้าของทุก ๆ สองโต๊ะมีพนักงานยืนอยู่พร้อมรายการอาหารในมือ โชคดีที่สมัยนี้มีกระดาษแล้ว ไม่เช่นนั้นกู้เสี่ยวหวานก็ไม่รู้จะนำอะไรมาจดรายการอาหาร

รายการอาหารยังคงแตกต่างจากร้านอื่นอีกด้วย หน้าหลังของรายการเขียนชื่ออาหารไว้อย่างเรียบร้อย ล้วนเป็นคำง่าย ๆ เช่น เนื้อแกะ เนื้อหมู ลูกชิ้นเนื้อ ลูกชิ้นปลา และรายชื่อผักสดต่าง ๆ

ทุกคนต่างฉงนสงสัย นี่มันรายชื่อผักสดชัด ๆ! พวกเขาต้องสั่งอย่างไร แล้วต้องกินอย่างไร?

“เสี่ยวเอ้อร์ เห็นชัด ๆ ว่าคือผักสด แล้วนี่..” มีคนถามอย่างสงสัย

จากนั้นก็ได้ยินเสียงเด็กหญิงตัวน้อยอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ขอให้ทุกท่านวางใจ!”

เมื่อเห็นท่าทางที่มั่นใจของเสี่ยวเอ้อร์ ชายคนนั้นก็สั่งอาหารตามที่เขาชอบ เมื่อเขาเปิดดูหน้าอื่น น้ำแกงก็ทำให้เขางงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ก็ได้สั่งน้ำแกงไก่ตามความชอบของเขา

หลังจากสั่งอาหารเสร็จสิ้น ลูกจ้างภายในร้านก็ยิ้มและบอกให้ลูกค้ารอสักครู่ จากนั้นจึงวิ่งไปที่ครัวด้านหลัง

ลูกค้าที่สั่งอาหารเงยหน้าขึ้น และกวาดสายตามองไปรอบ ๆ