บทที่ 829 เหตุผลสี่ประการ
บทที่ 829 เหตุผลสี่ประการ
อู่เกิงตกตะลึงกับการวิเคราะห์ของซูอัน “ดูเหมือนเจ้าจะค่อนข้างคุ้นเคยกับช่วงเวลาของประวัติศาสตร์นี้ อย่างไรก็ตามผู้คนในโลกของเจ้าไม่มีทางรู้เรื่องนี้แน่ เจ้าเป็นใครกัน!?”
ซูอันถอนหายใจ “บางทีข้าอาจเป็นแค่คนที่โชคชะตานำพามาที่นี่…”
อู่เกิงพยักหน้า และไม่มีความตั้งใจที่จะสอบถามเพิ่มเติม เขาเดินไปรอบ ๆ ศาลา เสียงพูดของเขาเริ่มนุ่มนวลขึ้น “เจ้ารู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เราพ่ายแพ้ในยุทธการมู่เหย่?”
ซูอันส่ายหัว อีกฝ่ายดูราวกับว่ามีเรื่องจะพูดมากมาย ทำไมต้องหยุดถามเขาด้วย?
อู่เกิงเหยียดมือออกไป อากาศที่อยู่ตรงหน้าเขากระเพื่อม จากนั้นฉากหลายฉากก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศคล้ายกับมีคนฉายหนังด้วยโพรเจกเตอร์
ภาพเรื่องราวที่ปรากฏคือชายร่างสูงที่ดูห้าวหาญผู้หนึ่งหนีมาที่ศาลาแห่งนี้ เขาถอนหายใจเงยหน้ามองไปยังสรวงสวรรค์
เขาไม่เต็มใจที่จะตกอยู่ในกำมือคนของเผ่าโจว จากนั้นจึงก่อไฟแล้วกระโดดลงไปในกองไฟพร้อมกับพระนางต๋าจี่
หลังจากนั้นไม่นาน กองทัพของโจวตะวันตกก็เข้าสู่เมืองหลวงซาง หลังจากมอบรางวัลความสำเร็จ พวกเขาก็ทำการสังเวยเพื่อขอบคุณเหล่าเทพ
เครื่องบูชาที่ดีที่สุดคือชีวิตมนุษย์เสมอ ซึ่งขณะนั้นมีมากเกินพอที่จะเลือก
คนของตี้ซินหลายร้อยคนถูกพาไปยังที่แท่นบูชา พวกเขาถูกแยกส่วนและจมอยู่ในกองเลือด ยิ่งเสียงโหยหวนของพวกเขาดังและดิ้นรนต่อสู้มากเท่าไรก็ยิ่งเป็นการบูชาเทพที่ดียิ่งขึ้นเท่านั้น
แม่ทัพที่ต่อสู้อย่างดุเดือดในยุทธการมู่เหย่และผู้นำกลุ่มของตระกูลขุนนางที่สำคัญของราชวงศ์ซางต่างถูกถอดเสื้อผ้าและโยนลงในหม้อน้ำเดือด
พบศพของจักรพรรดิตี้ซิน หัวของตี้ซินและนางสนมของเขาถูกเผาบนกองไฟขนาดยักษ์ ควันที่มากมายนี้เป็นอาหารโปรดของเหล่าทวยเทพ
…
ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานจ้องมองอย่างว่างเปล่าเป็นเวลานาน พวกเขาเคยทำหน้าที่เป็นจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งอาณาจักรซาง ดังนั้นการได้เห็นฉากที่โหดร้ายเหล่านี้ก็ทำให้เกิดความโกรธเคืองคุกรุ่นอยู่ในตัวพวกเขา
อู่เกิงกล่าวว่า “เหตุผลหลักที่ข้าสร้างมิติลับนี้คือเพื่อให้แน่ใจว่าความจริงในอดีตได้รับการฟื้นฟู เช่นเดียวกับการทบทวนว่าทำไมราชวงศ์ซางที่ยิ่งใหญ่ถึงพินาศในที่สุด”
หลังจากหยุดครู่หนึ่ง เขาหันไปมองที่ซูอันและเพ่ยเหมียนหมาน “เจ้าทั้งคู่ได้ผ่านการทดสอบหลายครั้งแล้ว เจ้าสรุปได้หรือไม่ว่าทำไมราชวงศ์ซางที่ยิ่งใหญ่จึงล่มสลายในที่สุด?”
หัวใจของซูอันเต้นผิดจังหวะ นี่เป็นคำถามของการทดสอบครั้งสุดท้ายหรือไม่?
เขาไม่กล้าประมาท หลังจากจัดระเบียบความคิดแล้วจึงตอบออกไป “ในความคิดของข้า มีเหตุผลหลักสี่ประการ ประการแรกคือ เผ่าโจวที่ขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็ว ครั้งเมื่อตอนหลังจากเผ่าเชียงทางตะวันตกเฉียงเหนือพ่ายแพ้ เผ่าโจวจึงเริ่มแผนการยึดที่ราบตอนกลางซึ่งอุดมสมบูรณ์ ใครก็ตามที่ควบคุมอาณาเขตนี้ได้จะกลายเป็นกลุ่มที่มีอำนาจมากขึ้นอย่างง่ายดาย น่าเสียดายที่ขณะนั้นราชวงศ์ซางกำลังเผชิญกับศัตรูหลายทางจึงไม่สามารถเพ่งความสนใจไปที่เรื่องของการยึดที่ราบตอนกลางได้ และเมื่อราชวงศ์ซางจัดการกับศัตรูเสร็จสิ้น เผ่าโจวก็มีอำนาจไปแล้ว และราชวงศ์ซางก็ถูกบีบให้ต้องรักษาความสัมพันธ์กับเผ่าโจวทั้งในด้านการสงครามและการทูต ตัวอย่างเช่น การฆ่าจี่หลีและการแต่งงานกับซานไฉ่ น่าเสียดายที่โจวตะวันตกวางแผนมาเป็นเวลานานแล้ว และผู้ปกครองรุ่นต่อ ๆ มาก็สาบานว่าจะล้มล้างราชวงศ์ซาง ดังนั้นจึงไม่มีทางที่ราชวงศ์ซางจะรอดพ้นจากการล่มสลายได้”
ใบหน้าของอู่เกิงยังคงไม่แสดงอารมณ์ “อะไรอีก?”
ซูอันกล่าวต่อว่า “เหตุผลที่สองเกี่ยวข้องกับสิทธิในการสืบราชบัลลังก์ การไม่สามารถตกลงกันได้ว่าผู้ใดควรเป็นคนสืบทอดบัลลังก์ ควรจะเป็นน้องชายหรือลูกชาย? ด้วยเหตุนี้ ราชวงศ์จึงอยู่ในสภาพที่มีความขัดแย้งภายในอย่างต่อเนื่อง อำนาจของจักรพรรดิส่งผลต่อความเข้มแข็งของอาณาจักร อาณาจักรซางจึงอ่อนแอลงเนื่องจากไม่สามารถรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้…”
อู่เกิงถอนหายใจ “เป็นเช่นเจ้าว่าจริง ๆ การต่อสู้ภายในราชวงศ์ไม่เคยหยุดนิ่งตลอดห้าร้อยปีแห่งราชวงศ์ซาง เมืองหลวงถูกย้ายบ่อยครั้งก็ด้วยเหตุนี้”
ซูอันถอนหายใจเขาจับมือเพ่ยเหมียนหมานและกล่าวต่อ “ประการที่สาม การต่อสู้ระหว่างอำนาจของจักรพรรดิและทวยเทพ สิ่งของเช่นเครื่องบูชาใช้เพียงเพื่อหลอกลวงประชาชนทั่วไป ในฐานะจักรพรรดิซาง เจ้าควรจะเข้าใจได้ชัดเจนว่าเทพไม่มีอยู่จริง แต่เจ้ากรมพิธีการกลับสามารถอ้างเจตจำนงของสวรรค์เพื่อทัดทานอำนาจกับจักรพรรดิได้ ส่งผลให้เกิดการคานอำนาจรุนแรง ความจริงแล้วเหตุผลนี้เชื่อมโยงกับเหตุผลที่สอง เนื่องจากเจ้ากรมพิธีการเป็นราชวงศ์ที่สูญเสียสิทธิ์ในการสืบราชบัลลังก์”
อู่เกิงพยักหน้า “เจ้ากรมพิธีการได้รับอำนาจอันยิ่งใหญ่เสมอมานับตั้งแต่ราชวงศ์ได้ก่อตั้ง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ซางทุกพระองค์พยายามที่จะยึดอำนาจศักดิ์สิทธิ์มาเป็นของตัวเอง แต่นอกเหนือจากพระเจ้าอู่ติงและจักรพรรดิอื่น ๆ อีกสองสามองค์ที่มีความสามารถพิเศษ อำนาจศักดิ์สิทธิ์ยังถูกควบคุมโดยบุคคลอื่นในราชวงศ์อีกฝ่ายเสมอ แล้วเหตุผลที่สี่คืออะไร?”
“เหตุผลที่สี่…” ซูอันหยุดชั่วครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “เหตุผลที่ข้ากล่าวถึงก่อนหน้านี้เป็นเหตุผลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการล่มสลายของอาณาจักรซาง แต่เหตุผลที่สี่นี้คือเหตุผลที่เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างแท้จริงกับการล่มสลายทั้งหมดของราชวงศ์ซาง ในช่วงรัชสมัยของจักรพรรดิตี้ซิน ปี่กันผู้ซึ่งเป็นพระปิตุลาของจักรพรรดิ และเหล่าขุนนางเก่าแก่ที่นำโดยจี้จื่อไม่ได้ร่วมมือช่วยกันรับใช้แผ่นดินอย่างเป็นปึกแผ่น เพราะเจตจำนงของจักรพรรดิซางรุ่นก่อน ๆ สร้างพวกเขามาเพื่อให้ขัดแย้งกันและกันเป็นการคานอำนาจกันเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นเหวยจื่อเสียสิทธิ์ในราชบัลลังก์ด้วยเหตุผลที่น่าขำ ซึ่งทำให้ตอนหลังเขากลายเป็นพันธมิตรกับเผ่าโจวเพื่อเติมเต็มความปรารถนาที่จะได้เป็นจักรพรรดิ แม้ว่าท้ายที่สุดเขาจะไม่ได้เป็นจักรพรรดิซาง แต่เขาก็ยังกลายเป็นผู้ปกครองของชาวซ่ง…”
“ยังมีขุนนางอาวุโสที่สำคัญในราชสำนัก เช่น ซ่างหรงและซิ่นเจียซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับโจวตะวันตก มีอีกหลายชื่อที่ไม่ได้กล่าวถึง จักรพรรดิตี้ซินต้องรู้สึกราวกับว่าตัวเองอยู่ตัวคนเดียวและไม่มีใครเห็นด้วยกับเขา”
“มีคนหนึ่งที่เจ้าไม่ได้พูดถึง” อู่เกิงกล่าว “เจียวเกอ ผู้ซึ่งเป็นบิดาขึ้นสู่อำนาจเพียงลำพัง เป็นไส้ศึกให้เผ่าโจวอย่างลับ ๆ เมื่อนานมาแล้ว”
ซูอันตกตะลึง “เจียวเกอ? เขาเป็นทาสที่พ่อของเจ้าปล่อยมาไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงเปลี่ยนข้างได้?”
อู่เกิงสูดลมหายใจ “เพราะก่อนที่บิดาของข้าจะช่วยเขา เขาถูกเผ่าโจวซื้อตัวไว้ก่อนแล้ว อย่าลืมว่าเขาเป็นอนารยชนตะวันออก หลังจากผ่านไปหลายศตวรรษของสงคราม ความแค้นระหว่างอนารยชนตะวันออกกับราชวงศ์ซางกลายเป็นฝังรากลึกเกินไป ราชวงศ์ซางถึงกับขโมยตราหยกซึ่งเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของอนารยชนตะวันออกไป พวกเขาจะรับใช้ราชวงศ์ซางอย่างจริงใจได้อย่างไร?”
“ตราหยก…” ซูอันนึกถึงอะไรบางอย่างออก เจียงเจียง เด็กสาวซึ่งอยู่นอกการทดสอบกำลังมองหาตราหยกเช่นกัน เขาเคยเห็นมันในรัชสมัยของอู่ติงและมันถูกฝังไว้ร่วมกับฟู่ห่าวในภายหลัง
เขาหยุดคิดเรื่องอื่นแล้วกล่าวต่อ “นอกเหนือจากคนเหล่านั้นที่ข้าพูดถึง รัชทายาทอู่เกิงดูเหมือนจะไม่พอใจจักรพรรดิตี้ซินด้วย ข้าเชื่อว่าเจ้ามีส่วนร่วมในการทรยศ จักรพรรดิตี้ซินมีศัตรูอยู่รอบด้าน เขาจะชนะได้อย่างไร? อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ มันสมเหตุสมผลแล้วที่คนอื่นจะทรยศต่อจักรพรรดิตี้ซิน แต่เจ้าเป็นรัชทายาท ทำไมเจ้าถึงทรยศเขาล่ะ?”
——————–