บทที่ 625-2 หักหน้า (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 625 หักหน้า (2)

เดิมทีพวกเขาก็จะเชิญหมอเทวดาลั่วมา แต่หมอเทวดาลั่วขาบาดเจ็บจึงมาไม่ได้ เลยแนะนำศิษย์ตัวเองอย่างมู่หรูซินมาแทน

จวบจนบัดนี้ มู่หรูซินเป็นแพทย์ที่มีทักษะมากที่สุดที่จวนกั๋วกงเชิญมาจากข้างนอกได้ ฮูหยินรองจึงล่วงเกินนางไม่ได้

ส่วนท่านชายน้อยท่านนี้ เขาเป็นคนที่มู่ชิงเฉินพามา ว่ากันตามหลักแล้วฮูหยินรองก็ต้องไว้หน้าด้วยเช่นกัน แต่มู่หรูซินทะเลาะกับนางเสียแล้ว ฮูหยินรองจึงจำต้องล่วงเกินมู่ชิงเฉินแทน

ฮูหยินรองสีหน้าเกรงใจพลางเอ่ย “ท่านชายชิงเฉิน ขอบคุณที่เชิญหมอมาให้ท่านกั๋วกงนะเจ้าคะ ในเมื่อแม่นางมู่มั่นใจว่าจะรักษาให้ท่านกั๋วกง เช่นนั้นก็ไม่รบกวนพ่อหนุ่มคนนี้แล้วล่ะ”

ประโยคดังกล่าวประจวบเหมาะกับเจตนาของมู่ชิงเฉินพอดี

เดิมทีพวกเขาสองคนมาก็แค่มาทำพอเป็นพิธีเท่านั้น ถูกฮูหยินรองปฏิเสธก็ดี จะได้ลดความเสี่ยงเผยพิรุธของพวกเขา

มู่ชิงเฉินเอ่ย “ไม่อาจช่วยแบ่งเบาสิ่งใดได้ ช่างน่าเสียดายจริงๆ หวังว่าท่านกั๋วกงจะหายวันหายคืน เซียว…”

คำว่าลิ่วหลังยังไม่ได้หลุดจากปาก กู้เจียวก็วางเข็มเล่มนั้นไว้บนชั้นหัวเตียงแล้ว หันหลังไปตรวจวัดชีพจรของผู้ป่วยทันที

มู่หรูซินเห็นเข้า แววตาก็เย็นเยียบ “เจ้าทำอะไรน่ะ!”

นางยื่นมือไปดึงกู้เจียวโดยไม่เกรงใจ มือกู้เจียวอยู่ข้างๆ เข็มเงินสองสามเล่ม พอนางดึงเช่นนี้จึงทำให้เข็มเงินเคลื่อนตำแหน่ง

กู้เจียวพลิกหลังมือสะบัดตบหน้านางไปฉาดหนึ่ง!

เสียงดังฟังชัด มู่หรูซินถูกตบจนเหวอไปเลย!

ไม่ใช่แค่นางที่เหวอ ฮูหยินรองกับชายผู้นั้นก็อึ้งชะงักงันไปเช่นกัน!

โอหังปานนี้เชียวรึ

มู่หรูซินเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที “เจ้า!”

“เขาให้ข้าตบ” กู้เจียวโยนไปให้มู่ชิงเฉิน

มู่ชิงเฉิน “…!!”

กู้เจียวเอ่ยอย่างไม่ยี่หระเพราะมีคนหนุนหลัง “ขอขอบคุณที่ท่านชายชิงเฉินไว้วางใจ ให้ข้ามารักษาให้ท่านกั๋วกง ใครขวางการรักษาข้า ผู้นั้นคือปรปักษ์กับท่านชายชิงเฉิน!”

มู่ชิงเฉินมุมปากกระตุกยิกๆ อย่างห้ามไม่อยู่

กู้เจียวเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านชายชิงเฉินโปรดวางใจ ต่อให้ไม่ใช่เพราะเงินค่ารักษาหนึ่งพันตำลึงที่ได้รับปากข้าไว้ ข้าก็จะทุ่มเทรักษาท่านกั๋วกงอย่างเต็มที่อยู่ดี”

มู่ชิงเฉินมุมปากกระตุกอีกครา เขากำหมัดอย่างอดไม่ได้ ริมฝีปากไม่ได้ขยับ แต่เค้นคำลอดไรฟันออกมา “เล่นเกินบทแล้ว…”

กู้เจียวหันไปจับชีพจรให้ท่านกั๋วกง

นางไม่ได้พกกล่องยาใบน้อยมา ประการแรก นางไม่ไว้ใจคนกลุ่มนี้ ไม่อยากเผยความลับของกล่องยาใบน้อยต่อหน้าคนกลุ่มนี้แต่แรก

ประการที่สอง คนกลุ่มนี้ก็ไม่ค่อยไว้ใจนางเช่นกัน หากนางเอามาด้วย ก็ไม่รู้เลยว่าใต้เท้าที่แซ่เซ่านั่นจะตรวจสอบอะไรหรือไม่

หากมันต้องใช้อุปกรณ์ในกล่องยาใบน้อยจริงๆ พรุ่งนี้นางก็ค่อยมาใหม่ นางไม่เชื่อว่าใต้เท้าเซ่านั่นจะเอาแต่จับตามองนางที่จวนกั๋วกงได้ทุกวี่ทุกวัน

นิ้วสามนิ้วของกู้เจียวแตะลงบนข้อมือของท่านกั๋วกงอย่างแม่นยำไร้ข้อผิดพลาด

มู่หรูซินไม่ชอบที่คนผู้นี้มาแตะต้องคนไข้ของตน แต่มู่หรูซินมองมู่ชิงเฉินที่ไม่พูดอะไรสักคำแล้ว ก็กัดฟันข่มโทสะในใจเอาไว้

นางแค่นเสียงเย็นเอ่ย “ข้าอุตส่าห์ทำให้อาการของท่านกั๋วกงคงที่ได้ อีกไม่กี่วันท่านกั๋วกงก็ฟื้นแล้ว แต่ยามนี้นึกไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะหาคนต่ำต้อยนี่มาแทรกแซงการรักษาข้า ข้าขอพูดจาไม่น่าฟังไว้ก่อนเลยว่า นี่มันส่งผลกระทบต่อการรักษาของข้ามาก หากท่านกั๋วกงไม่ฟื้น ก็ขอพวกเจ้าอย่าได้มาโทษข้าก็แล้วกัน!”

ฮูหยินรองหวั่นไหวขึ้นมาแล้ว “พ่อหนุ่ม…”

กู้เจียวไม่สนใจ หลังจากจับชีพจรแล้ว ก็ดึงเข็มพวกนั้นออกมาเลย

สีหน้ามู่หรูซินทะมึนขึ้นสุดขีด

กู้เจียวเบิกตาท่านกั๋วกงดู “หลีกที เกะกะ”

มู่ชิงเฉินขมวดคิ้ว แต่ก็ยังหลีกทางให้อย่างร่วมมือ

ฮูหยินรองไม่อยากหลบให้จริงๆ แต่นางล่วงเกินมู่ชิงเฉินไม่ได้จริงๆดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ใต้เท้าเซ่าหรี่ตาลงเล็กน้อย หลบไปริมห้อง จากนั้นเขาก็ยิ้มเอ่ยกับมู่หรูซินด้วยท่าทางคนมาดูความคึกคักราวกับตัวเองไม่เกี่ยวข้องอะไร “แม่นางมู่ เจ้าหลบไปที อย่าเกะกะการรักษาของหมอเทวดาแคว้นเจาผู้นี้สิ”

มู่หรูซินเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “ข้าไม่เคยได้ยินว่าแคว้นเจามีหมอเทวดาอะไรที่ไหนเลย!”

เพิ่งจะเอ่ยจบ นางก็คล้ายนึกบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าพลันชะงักไปเล็กน้อย

แต่เพียงไม่นานนางก็ส่ายหน้า

เป็นไปไม่ได้ หมอที่รักษาอยู่ชายแดนผู้นั้นเป็นสตรี

ในระหว่างที่กู้เจียวตรวจอาการให้กั๋วกงพบว่าท้ายทอยเขามีบริเวณหนึ่งที่มีแผลเป็นหนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กู้เจียวสงสัยว่าเขาจะเคยฐานกะโหลกศีรษะแตกมาก่อน จึงส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเส้นประสาทหรือสมองในบางส่วน

กู้เจียวถาม “ฮูหยินรองยังจำได้หรือไม่ว่าหลังจากกั๋วกงได้รับบาดเจ็บสลบไปแล้ว จมูกหรือไม่ก็ใบหูทั้งสองข้างเคยมีของเหลวไหลออกมาหรือไม่”

ฮูหยินรองชะงัก “อะไร…ไหลนะ”

กู้เจียวอธิบาย “ที่ดูคล้ายน้ำมูกไหลน่ะ”

หากน้ำไขสันหลังไหลออกมา โดยปกติแล้วจะสามารถวินิจฉัยได้ว่าสมองได้รับความเสียหายแบบเปิดกว้าง

แต่ผ่านมาสามปีแล้ว ต่อให้ฐานกะโหลกศีรษะเคยแตกมาก่อนก็หายหมดแล้ว

กู้เจียวทิ้งประเด็นนี้ไปพลางเอ่ย “จากอาการยามนี้ของท่านกั๋วกง การฝังเข็มและกินยาไม่ค่อยช่วยได้เท่าใดนัก”

มู่หรูซินสีหน้าทะมึนกว่าเดิม “เช่นนั้นเจ้าก็บอกมาหน่อยว่ามีวิธีดีๆ อะไร!”

กู้เจียวเอ่ย “ตอนนี้ยังไม่มีวิธีที่ดีมากนัก ให้ญาติๆ เขามาพูดคุยกับเขาให้มากหน่อยแล้วกัน”

ในวงการการแพทย์เรียกว่ารักษาโดยญาติและครอบครัว

อันที่จริงยังมีวิธีการรักษาด้วยออกซิเจนความดันบรรยากาศและการกายภาพบำบัดด้วย แต่เหล่านี้ล้วนต้องมีวัสดุอุปกรณ์

ความน่าจะเป็นที่เจ้าชายนิทราจะฟื้นนั้นต่ำมาก ดังนั้นต่อให้ใช้ทั้งสามวิธีก็อาจจะไม่ได้ผลพอ

มู่หรูซินหลุดหัวเราะเยาะ “เจ้าวางมาดเสียใหญ่โตเพียงนั้น ข้าก็นึกว่าเจ้าจะมีวิธีดีๆ อะไรเสียอีก แต่ก็แค่เล่นละครหลอกลวงคนก็เท่านั้น!”

นางเอ่ยพลางหันไปหามู่ชิงเฉิน “ท่านชายมู่ ข้าไม่ได้เจตนาจะล่วงเกินท่าน เพียงแต่ว่า ท่านอาจจะโดนนักต้มตุ๋นบางคนหลอกเอาเสียแล้ว ไม่ใช่คนแคว้นเบื้องล่างทุกคนจะมีฝีมือการแพทย์ที่แท้จริง”

สีหน้าฮูหยินรองก็ดูไม่ค่อยได้เช่นกัน

แค่พูดคุยก็สามารถทำให้ท่านกั๋วกงฟื้นได้แล้ว เช่นนั้นหลายปีมานี้พวกนางเที่ยวตามหาหมอกันโดยเปล่าประโยชน์รึ

“เมื่อครู่บนรถม้าเจ้าบอกว่ามีเทียบยาลับที่ตกทอดจากบรรพบุรุษ สามารถรักษาให้ฟื้นได้มิใช่หรือ” มู่ชิงเฉินส่งสายตาให้นาง

นั่นเป็นเทียบยาที่ใช้รักษาคนสลบจริง เพียงแต่รักษากั๋วกงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลร้ายอะไร

“ไม่มี” กู้เจียวไม่รับมุก

มู่ชิงเฉิน “…”

ฮูหยินรองไว้หน้าให้มู่ชิงเฉินอย่างไรยามนี้ก็อดจะทำหน้าเย็นชาขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน “ท่านชายชิงเฉิน วันนี้รบกวนท่านมาเสียเที่ยวเสียแล้ว น้ำใจของท่านที่มีต่อท่านกั๋วกง จวนกั๋วกงรับไว้แล้ว เพียงแต่ภายหน้าขอให้ท่านเช็ดตาให้เกลี้ยงหน่อย อย่าได้เชื่อใครง่ายๆ อีก! ใครก็ได้! ส่งแขก!”

มู่ชิงเฉิงหลับตาลง ระงับความโกรธที่เดือดพล่านจากกู้เจียว

ใต้เท้าเซ่าหัวเราะยกใหญ่ “น้ำใจที่ท่านชายชิงเฉินมีต่อท่านกั๋วกง ข้าจะทูลองค์รัชทายาทให้อย่างดี”

มู่ชิงเฉินเลือดลมพลุ่งพล่าน แต่สีหน้ากลับเรียบนิ่งพลางเอ่ย “เซียวลิ่วหลัง กลับกัน”

“อ้อ”

กู้เจียวกับมู่ชิงเฉินกลับกันแล้ว

ฮูหยินรองไม่สบายใจเป็นอย่างมาก มือที่ถือผ้าเช็ดหน้าลูบหน้าอกตัวเองไปมา ก่อนหันไปยิ้มเอ่ยกับมู่หรูซิน “แม่นางมู่ เมื่อครู่ล่วงเกินเสียแล้ว อาการป่วยของท่านกั๋วกงรบกวนเจ้า…”

“อ๊ะ! ฮูหยิน!”

สาวใช้ในห้องโพล่งร้องขึ้นมา

ฮูหยินรองหน้าทะมึนทันที “ร้องอะไร! ไร้มารยาท!”

สาวใช้ปากอ้าตาค้างชี้ไปที่เตียง “ท่านกั๋วกง มะ…มือท่านขยับเจ้าค่ะ!”