บทที่ 781 ย้ายเข้าบ้านใหม่

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 781 ย้ายเข้าบ้านใหม่

บทที่ 781 ย้ายเข้าบ้านใหม่

สองพี่น้องแย่งกันพูดยกย่องกู้เสี่ยวหวานจนแทบจะตัวลอยขึ้นฟ้า สายตามองยังไปพี่สาวของตนด้วยความชื่นชม

พี่สาวของตนรอบรู้ทุกอย่าง และสามารถทำทุกอย่างได้จริง ๆ

กู้เสี่ยวอี้เอนกายอยู่ในอ้อมกอดของกู้เสี่ยวหวาน พลางดึงนิ้วของตนเองและพูดอย่างตะกละตะกรามว่า “ท่านพี่ เรากลับไปกินหม้อไฟกันเถอะ เสี่ยวอี้ก็อยากกินเหมือนกัน”

ครั้นเห็นความอยากอาหารของกู้เสี่ยวอี้ ดวงตาสีดำกลมโตสีดำขลับเหมือนแมวน้อยแสนตะกละทำให้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกขบขัน

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ตกลง ถ้าอย่างนั้นเรามากินอาหารแถวนี้รองท้องไปก่อนเถอะ แล้วเราค่อยกลับบ้าน!”

เมื่อเห็นว่าหลี่ฝานกำลังยุ่งวุ่นวาย เดิมทีกู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการรบกวนเขาและคิดว่าฉินเย่จือจะจากไปหลังจากพูดคุยกับเขา แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อฉินเย่จือออกมา หลี่ฝานก็ตามออกมาด้วย

เถ้าหลี่มีสีหน้าลำบากใจ

กู้เสี่ยวหวานกระโดดลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว หลี่ฝานเห็นดังนั้นก็พูดอย่างลำบากใจ “เสี่ยวหวาน ข้าขอโทษ ที่นี่ยุ่งเกินไป จึงไม่ค่อยได้ดูแลเจ้า”

หลี่ฝานรู้สึกลำบากใจยิ่งนัก กู้เสี่ยวหวานได้ยินดังนั้นจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านลุงหลี่ จะมาเกรงใจข้าทำไมกัน กิจการร้านหม้อไฟดำเนินไปได้ด้วยดี ดังนั้นข้าจึงมีความสุขมาก! แต่เราไม่สามารถช่วยอะไรได้ ดังนั้นเราจึงต้องขอตัวก่อน!”

ร้านหม้อไฟแห่งนี้เป็นของนางครึ่งหนึ่ง ดังนั้นจึงมีความสุขที่เห็นว่ากิจการของตนเต็มไปด้วยผู้คนแน่นขนัด!

ยิ่งคนเยอะ เงินก็ยิ่งเยอะ

หลี่ฝานรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานหมายถึงอะไร แต่เรื่องนี้มันไม่ง่ายเลยที่จะเอ่ยข้างนอก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพูดว่า “ได้ ๆๆ ข้าขอให้คนครัวจัดโต๊ะให้พวกเจ้าในร้านจิ่นฝู พวกเจ้ากินอาหารก่อนแล้วค่อยกลับไป ข้าเกรงว่าสถานะปัจจุบันของร้านฝูจิ่น ข้าจึงต้องอยู่ที่นี่อย่างน้อยครึ่งเดือนก่อนจะกลับไป!”

หลังจากพูดจบ แม้ว่าจะพูดเช่นนั้น แต่ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น!

คราวที่แล้วที่เขาเปิดร้านจิ่นฝูขึ้นอีกแห่ง เขาไม่ได้กลับไปที่เมืองหลิวเจียเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เกรงว่าคราวนี้เวลาจะล่าช้าออกไปอีก

กู้เสี่ยวหวานจึงตอบด้วยรอยยิ้มประดับหน้า “ท่านลุงหลี่ ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน แต่ก็ต้องดูแลร่างกายของท่านด้วย! พวกเราขอตัวก่อน!”

หลี่ฝานตอบรับความห่วงใยของเด็กหญิงด้วยรอยยิ้มและกลับเข้าไปในร้านทันที ร้านหม้อไฟแห่งนี้เพิ่งเปิดทำการ หากเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เขาจะรับมือได้ทันท่วงที!

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ จัดการมื้ออาหารที่ร้านจิ่นฝูเรียบร้อย อาโม่ก็ขับรถม้ากลับไปยังเมืองหลิวเจีย

พวกเขาซื้อของสำหรับทำหม้อไฟคืนนี้ในเมืองหลิวเจีย และตรงกลับสวนหลี่

เมื่อกลับถึงบ้าน ป้าจางก็ทำการฆ่าไก่และตุ๋นในหม้อตามคำขอของกู้เสี่ยวหวาน

นอกจากนี้ยังมีอาหารบางอย่างอีกเล็กน้อย เดิมทีกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ช่วยทำความสะอาดวัตถุดิน แต่ป้าจางและฉือโถวไม่ยอมให้พวกเขาทำ พวกเขาแค่บอกให้พวกนางไปพักผ่อน และปล่อยให้พวกเขาทำส่วนที่เหลือ

ตระกูลจางไม่เคยกินหม้อไฟมาก่อน แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้วิธีทำ แต่พวกเขาก็ยังรู้วิธีทำความสะอาดและเตรียมของ!

ฉือโถวเองก็ทำงานหนักมากเช่นกัน เมื่อรู้ว่าคืนนี้เขาจะได้กินหม้อไฟก็มัวแต่ยุ่งวุ่นวาย ไม่ต้องพูดถึงการกินหม้อไฟ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินด้วยซ้ำ!

หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่างตามคำขอของกู้เสี่ยวหวานว่าให้หั่นวัตถุดิบใส่จานและวางไว้บนโต๊ะ พวกเขายังใช้น้ำแกงไก่ตุ๋นและใช้หม้อหยินหยาง ด้านหนึ่งเป็นน้ำแกงน้ำมันพริกและอีกด้านเป็นน้ำแกงไก่สีขาวใส

หลังจากจัดเตรียมทุกอย่างเสร็จก็เป็นมื้อเย็น

ตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว พวกเขาจุดไฟเตาเล็ก ๆ แล้วทุกคนก็นั่งล้อมรอบกินหม้อไฟยังอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ต้องพูดถึงว่ามีความสุขขนาดไหน

นี่เป็นครั้งแรกที่ครอบครัวจางได้กินหม้อไฟ พวกเขาทั้งสามต่างเอ่ยชมไม่หยุด แม้จะบอกว่าอร่อย แต่พวกเขาก็ยังเก้ ๆ กัง ๆ ทำไม่ค่อยเป็น

บอกเลยว่าถ้ามีโอกาส ครั้งหน้าจะกินเจ้าสิ่งนี้อีก!

เมื่อเห็นว่าพวกเขาชื่นชอบหม้อไฟเป็นอย่างมาก กู้เสี่ยวหวานจึงพูดทันทีว่าหลังจากนี้เมื่อฤดูหนาวมาถึง พวกเขาจะกินหม้อไฟทุก ๆ ครึ่งเดือน

เนื่องจากหม้อไฟมีรสชาติอร่อย แต่การกินมากไปย่อมไม่ดีต่อสุขภาพ คำพูดของกู้เสี่ยวหวานทำให้ทุกคนเห็นพ้องต้องกันอย่างเป็นเอกฉันท์

หลังอาหารเย็น ฉินเย่จือพากู้เสี่ยวหวานไปเดินเล่นที่ลานบ้าน และในที่สุดความแน่นตึงบริเวณหน้าท้องเริ่มหายไป พวกเขาจึงตัดสินใจกลับไปที่ห้องเพื่อนอนพักผ่อน

เดิมทีหลี่ฝานคิดว่าเขาจะอยู่ที่ร้านฝูจิ่นเป็นเวลาครึ่งเดือน แต่ใครจะคิดว่าร้านหม้อไฟนั้นจะรุ่งเรืองกว่าที่เขาและกู้เสี่ยวหวานจะจินตนาการถึง ไม่เพียงแต่คนเกือบทั้งหมดในเมืองรุ่ยเสียนที่สามารถมากินได้ แม้แต่คนต่างเมืองที่ได้ยินชื่อเสียงเลื่องลือก็มากินหม้อไฟเช่นกัน

แม้ว่าหลี่ฝานจะยุ่งหัวหมุนกับงานมาเป็นเดือนแล้ว กู้เสี่ยวหวานกำลังย้ายไปอยู่บ้านใหม่ในวันที่ยี่สิบสองเดือนสิบสอง หลี่ฝานก็ยังหาเวลามาที่นี่ให้

ในวันที่ยี่สิบสองเดือนสิบสอง ครอบครัวกู้และครอบครัวจางก็ได้มาถึงบ้านหลังใหม่ของกู้เสี่ยวหวาน บรรยากาศในสวนกู้เต็มไปด้วยความครึกครื้นมีชีวิตชีวา วันนี้เป็นวันที่กู้เสี่ยวหวานได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านใหม่

นอกจากสวีเฉิงเจ๋อและครอบครัวของหลี่ฝานที่มาร่วมแสดงความยินดีแล้ว ยังมีพี่ฝูจากร้านขายผ้าจี๋เสียง เถ้าแก่เนี้ยร้านหรูอี้ และเถ้าแก่เหลียงจากร้านธัญพืชเฉิงซิ่น ในสวนกู้มีเสียงหัวเราะร่าเริงดังอย่างต่อเนื่อง

ตอนนี้ครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานมีสมาชิกสามคนของครอบครัวจางเพิ่มเข้ามา ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงให้ฉือโถวและอาโม่อาศัยอยู่ที่ด้านหน้าของลานบ้าน ห้องของป้าจางและลุงจางเป็นห้องแรกเมื่อเข้าประตูมา ห้องของกู้เสี่ยวหวานและกู้เสี่ยวอี้เป็นสองห้องที่อยู่ด้านในสุด

ห้องของฉินเย่จืออยู่ติดกับกู้หนิงผิง

เดิมทีมีห้องขนาดใหญ่สิบห้อง แต่ตอนนี้ถูกใช้ไปแล้วหกห้อง และยังเหลือว่างอยู่อีกสี่ห้อง

เหล่าชาวบ้านมามุ่งดูและชื่นชมบ้านหลังใหม่ของครอบครัวกู้ ในขณะที่พวกเขากำลังโอ้อวดอยู่ในใจ

ผู้ที่มาแสดงความยินดีกับกู้เสี่ยวหวานและครอบครัวคือผู้ที่มีการติดต่อใกล้ชิดกับกู้เสี่ยวหวาน และนางต่างรู้จักมักจี่กับพวกเขาเป็นอย่างดี

พวกเขาชื่นชมบ้านของกู้เสี่ยวหวาน และชื่นชมในความสามารถของนาง

แต่เนื่องจากกู้เสี่ยวหวานไม่ได้เตรียมตัว จึงมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคนลอบเข้ามา

สองคนนั้นคือซุนซื่อและกู้ซินเถา

ในช่วงเวลานี้ กู้ฉวนลู่รู้สึกหดหู่ใจยิ่งนักหลังจากได้ยินเรื่องที่ครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานได้สร้างบ้านหลังใหญ่ขึ้นจริง ๆ มันทั้งหรูหราและมีขนาดใหญ่โตกว่าเขาบ้านของเขายิ่งนัก

กู้ฉวนลู่รู้สึกว่า ในฐานะลุง เขาไม่ได้มีชีวิตที่ดีเหมือนเด็กกำพร้าที่ไร้พ่อขาดแม่ สีหน้าของเขาหมองหม่นและไม่น่ามองยิ่งนัก

ระยะเวลาหนึ่ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด

แม้ว่าซุนซื่อจะติดคุกอยู่นาน ความงดงามของนางได้สูญหายไปแล้ว แต่จิตใจของนางกลับอ่อนไหวมากกว่าเดิม เมื่อเห็นกู้ฉวนลู่ดูเศร้าหมอง นางจึงเข้าไปปลอบเขาทันที

กู้ฉวนลู่เห็นซุนซื่อมาปลอบด้วยท่าทีอ่อนแอ และเอ่ยถามตนเองด้วยความกังวล เมื่อกู้ฉวนลู่เห็นริ้วรอยลึกที่หางตาของซุนซื่อ มันพานให้เขารู้สึกคลื่นไส้ไปทั้งตัว