บทที่ 667 ธรรมดา (3)
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและหยิบกล่องหยกออกมาจากแขนเสื้อของเขาและถือมันเอาไว้ในฝ่ามือ
“กล่าวตามตรงว่า ข้ามาที่แดนยมโลกในครั้งนี้ก็ด้วยเหตุผลทั้งส่วนรวม หาใช่ด้วยจุดประสงค์ส่วนตัวไม่ เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับไปอีกร้อยปี ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้กับผู้ใดอย่างเด็ดขาด!”
ทันใดนั้น ดวงตาโตราวกับระฆังทองแดงของจ้าวแห่งแดนยมโลกทั้งสิบล้วนเบิกกว้างขณะที่พวกเขาต่างก็กลั้นหายใจ
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ข้าอยากให้ทุกคนช่วยส่งเสี้ยววิญญาณไปเกิดใหม่”
ตำหนักจ้าวแห่งแดนยมโลกเงียบงันกะทันหัน
ไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงแม้เสียงเข็มหล่นและเทียนแผดเผาจนกระทั่งเมื่อมีเสียงดังออกมาจากหัววัว
“เฮ้!”
ทว่าก่อนที่หัววัวจะทันได้เอ่ยอะไร หน้าม้าที่อยู่ข้างๆ ก็เตะหัววัวล้มลงไปกับพื้นด้วยเท้าเร็วตาไว
ราชาฉู่เจียงซึ่งอยู่ใกล้กว่าเล็กน้อย ก็หันกลับมาและตบเขา ทำให้หัววัวมองเห็นดวงดาวทันที
“นี่เป็นเรื่องร้ายแรง”
ราชาฉินก่วงกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “แต่ไม่ว่ามันจะยากเย็นเพียงใด แดนยมโลกก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน
แดนยมโลกทั้งหมดจะช่วยเทพวารีทำเรื่องใหญ่นี้ให้สำเร็จอย่างแน่นอน!”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าสบายใจขึ้นแล้ว ทุกคนโปรดดูด้วย”
จากนั้นเขาก็คลายกฎห้ามของกล่องสมบัตินั้นออกอย่างใจเย็น มีเสี้ยวบุญสีทองติดอยู่ และเขาก็ใช้บุญนั้นก่อตัวขึ้นเป็นร่างชายหนุ่มในชุดขาวที่กำลังนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ทันที
“ผู้ที่กำลังจะไปจุตินั้น หาไม่ใช่ใครอื่นไม่ เป็นองค์เง็กเซียนแห่งศาลสวรรค์ของเราเอง”
ทันใดนั้น พร้อมด้วยเสียงกระหึ่มอื้ออึงสองสามครั้ง เก้าอี้หินสองสามตัวก็พังทลายลงมา และจ้าวแห่งแดนยมโลกทั้งสิบก็ลุกขึ้นยืน
พวกเขาตกตะลึงในคราแรก จากนั้นก็มองหน้ากัน แล้วแทบจะคุกเข่าลงไป…
“องค์ องค์เง็กเซียนจะกลับชาติมาเกิด?”
“เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ? องค์เง็กเซียนได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
“นี่ดูเหมือนจะเป็นเสี้ยววิญญาณเทพ…”
“ถูกต้อง” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและลุกขึ้นยืน
จากนั้นเขาก็หุบรอยยิ้มลงและกล่าวอย่างจริงจังว่า “องค์เง็กเซียนผู้นี้ของเราทรงเป็นกังวลเกี่ยวกับสามอาณาจักรและผู้คนสามัญธรรมดาทั่วไป
เนื่องจากพระองค์ไม่เคยประสบกับความทุกข์ยากในโลกมนุษย์ จึงไม่รู้ถึงปัญหาทุกข์ร้อนของมนุษย์ว่าอยู่ที่ใด
ดังนั้นพระองค์จึงทรงใช้เสี้ยววิญญาณเทพนี้มาเกิดใหม่
หลังจากสัมผัสประสบการณ์กับโลกมนุษย์แล้ว พระองค์ก็จะสามารถเข้าใจเต๋าสวรรค์ และเต๋าจักรพรรดิแห่งสวรรค์
ทุกท่าน พวกท่านห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปอย่างเด็ดขาด ข้าเกรงว่ามันจะทำลายการฝึกฝนของฝ่าบาท”
“เข้าใจแล้ว!”
“พวกเราจะจัดการเรื่องนี้เอง ขอเทพวารีโปรดวางใจ!”
จากนั้นจ้าวแห่งแดนยมโลกแห่งตำหนักทั้งสิบก็ก้าวออกมาข้างหน้าทันทีและล้อมรอบกล่องผ้าไหมปักนั้นเอาไว้
พวกเขาพึมพำและหารือถึงวิธีการกลับชาติมาเกิด จะเก็บเป็นความลับอย่างไร และจะรายงานเรื่องนี้กับราชินีโฮ่วถู่อย่างไร
หลี่ฉางโซ่วจับประเด็นสำคัญได้อย่างรวดเร็ว…
ราชินีโฮ่วถู่?
เขาได้รับการยืนยันอย่างไม่คาดคิดว่า ราชินีโฮ่วถู่ ซึ่งได้กลายร่างเป็นแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีแล้ว ในเวลานี้ ยังสามารถติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้!
นั่นน่าจะเป็นไพ่ตายของแดนยมโลก และยังเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเมืองเฟิงตู
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม อีก
ในขณะนั้นจ้าวแห่งแดนยมโลกทุกคน ต่างก็รวมตัวกันเป็นวงกลมและสนทนาหารือกันต่อไป
สังสารวัฏเป็นความเชี่ยวชาญของพวกเขา
ในขณะนั้น หัววัวและหน้าม้าเข้ามาจากด้านข้างและโน้มตัวไปมองวิญญาณขององค์เง็กเซียนด้วยความอยากรู้อยากเห็น และหมวกของพวกเขาก็สั่นไปชั่วขณะ…
หือ? หมวก…
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่จ้าวแห่งแดนยมโลกที่มีใบหน้าน่ากลัวและดูดุร้ายทั้งสิบและพิจารณารูปพรรณ หาเอกลักษณ์ของพวกเขาอย่างระมัดระวัง
อันที่จริง ที่คอของพวกเขามีสีแตกต่างกันเล็กน้อย!
ในไม่ช้า จ้าวแห่งแดนยมโลกทั้งสิบก็หารือกันถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจน
จากนั้นราชาฉินก่วงก็กล่าวว่า “เทพวารี พวกเราจะพยายามช่วยท่านอย่างเต็มที่ ทว่ายังมีสองเรื่อง
เรื่องแรก จะกำหนดชะตากรรมของการกลับชาติมาเกิดในตำราชีวิตและความตายอย่างไร?
พวกเราไม่กล้าผลีผลาตัดสินใจเรื่องนี้โดยพลการ หากเราปล่อยให้ตำราบันทึกชีวิตและความตายก่อตัวขึ้นมาเอง แล้วหากฝ่าบาทไม่พอพระทัยเล่า…
นอกเหนือจากนั้นแล้ว วิญญาณกลับชาติมาเกิดขององค์เง็กเซียนนั้น ยังเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของวิญญาณ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนปฐพีอีกเช่นกัน
เรื่องนี้ เรายังจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากองค์ราชินีให้ตกลงตามนี้ ไม่เช่นนั้น พวกเราก็จะไม่กล้าเริ่มสังสารวัฏ
เช่นนั้น เหตุใดไม่ให้ข้าพาท่านเทพวารีไปที่แผ่นจานสังสารวัฏหลังจากนี้ แล้วบอกเรื่องนี้กับองค์ราชินีเล่า?
ไม่ต้องห่วง องค์ราชินีย่อมจะไม่ปฏิเสธเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “จ้าวแห่งแดนยมโลก ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว เรื่องนี้สำคัญอย่างยิ่ง สมควรแล้วที่องค์ราชินีเทพธิดาจะดูแลเรื่องนี้
ส่วนชะตากรรมชีวิตในอนาคตของฝ่าบาทนั้น ความจริงแล้ว พระองค์ทรงคำขอเล็กน้อย”
ราชาฉินก่วงสะบัดแขนเสื้อของเขา แล้วแสงสมบัติในมือของเขาก็พุ่งขึ้นและก่อตัวขึ้นเป็นพู่กันพิพากษาและตำราแห่งชีวิตและความตาย
ในขณะนั้น เขาอาจจะยังกำลังใช้ “ต้นฉบับดั้งเดิม” ของสมบัติเต๋าสวรรค์
หลี่ฉางโซ่วหยิบม้วนตำราออกมาและส่งให้ราชาฉินก่วงด้วยสีหน้าที่ดูลำบากใจเล็กน้อย
“นี่เป็นคำขอเล็กๆ น้อยๆ จากฝ่าบาท
แค่กๆ ครั้งนี้พระองค์จะเสด็จไปสัมผัสชีวิตมนุษย์ธรรมดา ประเด็นหลักคือ การใช้ชีวิตธรรมดาโดยให้มุ่งเน้นไปที่คำว่า “ธรรมดา”
ดังนั้นจึงขอเลือกเป็นคนธรรมดา…ครอบครัวที่มั่งคั่ง เขาจะมีคู่เหมยม้าไม้ไผ่[1]ในวัยเยาว์ที่ธรรมดา และมีความใฝ่ฝันที่ธรรมดา
ทั้งชีวิตของเขาจะต้องธรรมดาและวิเศษสุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ประเด็นสำคัญคือ หากพระองค์ต้องการสัมผัสประสบการณ์การเป็นพี่ชาย ต้องมุ่งเน้นไปที่การจัดน้องสาวน้อยธรรมดาที่งดงามน่าทึ่ง…”
เม็ดเหงื่อเย็นไหลออกมาจากหน้าผากของราชาฉินก่วงทันที
ทว่าเขาก็มองดูม้วนตำราอย่างใกล้ชิดและถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าครึ่งหนึ่งของเนื้อหาเกี่ยวกับรูปร่าง ลักษณะ และนิสัยใจคอของคนที่กลับชาติมาเกิดนั้น
ไม่มีการกำหนดโชคชะตาชีวิตที่เป็นรูปธรรมแท้จริง
“เอาเป็นเช่นนี้อย่างไร?” ราชาฉินกวงยิ้มและกล่าวว่า “ไยท่านไม่ไปที่สังสารวัฏหกวิถีก่อนเล่า? ข้าและคนอื่นๆ จะอยู่ที่นี่เพื่อวางโครงร่างรายละเอียดเกี่ยวกับชะตากรรมของพระองค์อย่างระมัดระวัง แล้วข้าจะให้ท่านดูอีกครั้ง”
“ได้ ขอบคุณท่าน” หลี่ฉางโซ่วประสานมือคารวะและขอบคุณเขา
จ้าวแห่งแดนยมโลกรีบประสานมือคารวะตอบกลับและมอบแผ่นหินให้หัววัวและหน้าม้า
พวกเขาขอให้หัววัวและหน้าม้านำเทพวารีไปสู่เขตแดนลี้ลับแห่งสังสารวัฏ
ทันทีที่หลี่ฉางโซ่วจากไป จ้าวแห่งแดนยมโลกทั้งสิบตำหนักต่างก็มารวมตัวกันอีกครั้งและเริ่มสร้างเรื่องราวชีวิตธรรมดาๆ เรื่องหนึ่ง
ต้าเต๋อโฮ่วถู่…
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ได้ ในเวลานี้ เมื่อใดก็ตามที่เขาได้ยินคำว่า ‘เหนียง[2]’ ก็จะมีเงา และเขาก็อดจะรู้สึก… ขมขื่นเล็กน้อยไม่ได้
………………………………………………………………..
[1] คนรักในวัยเยาว์ คู่รักที่มีใจให้กันตั้งแต่เด็กๆ
[2] ราชินีหรือเทพธิดา