ตอนที่ 771 เริ่มต้นด้วยชัยชนะ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 771 เริ่มต้นด้วยชัยชนะ

เมื่อจักรพรรดิต้าเหลียงได้ยินคำกล่าวขององค์ชายสาม เขาโมโหจนหยิบฎีกาที่วางอยู่บนโต๊ะเขวี้ยงไปทางองค์ชายสาม องค์ชายสามตกใจจนรีบก้มศีรษะคำนับ “เสด็จพ่อได้โปรดระงับโทสะพ่ะย่ะค่ะ!”

“เจ้าคนอกตัญญูยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน! ฉีเหิงคือน้องชายแท้ๆ ของเจ้า เขาเสียชีวิตอย่างน่าอนาถในเงื้อมือของทหารต้าจิ้น! เจ้ายังกล้าบอกให้เราอดทนอีกหรือ เราจะไม่ยอมทน เราจะแก้นแค้น!” จักรพรรดิต้าเหลียงบันดาลโทสะ เขาตวาดลั่นจากนั้นร้องไห้ออกมาอย่างทนไม่ไหว น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย “เหิงเอ๋อร์ผู้น่าสงสารของเรา เขาไม่เพียงถูกธนูนับร้อยยิง ยังเสียชีวิตในสภาพที่ร่างแยกออกจากกันอีกด้วย เขาไม่มีแม้แต่ศพที่ครบสามสิบสอง เจ้ากลับให้เรายอมอดทน ให้แก้แค้นในภายหลัง! ภายหลังคือเมื่อใดกัน รอให้เจ้าได้ขึ้นครองบัลลังก์ก่อนแล้วค่อยแก้แค้นอย่างนั้นหรือ! เมื่อเจ้าได้ขึ้นครองบัลลังก์เจ้าคงลืมเรื่องการแก้แค้นให้น้องชายเจ้าไปนานแล้ว เจ้าจะแก้แค้นให้เขาอย่างนั้นหรือ เจ้าอย่าคิดว่าเราไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนเช่นไรนะ!”

กล่าวจบจักรพรรดิต้าเหลียงหยิบกระถางธูปหอมที่วางอยู่ด้านข้างเขวี้ยงไปทางองค์ชายสามอีกครั้ง

องค์ชายสามร่างกายอ้วนท้วมจึงหลบไม่ทัน เขาโดนกระถางธูปหอมกระแทกเข้าที่ศีรษะอย่างจัง เลือดไหลอาบใบหน้าทันที “เสด็จพ่อได้โปรดระงับโทสะด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ลูกไม่ได้หมายความเช่นนั้น ลูกไม่เคยอยากได้บัลลังก์นี้เลยพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อได้โปรดวินิจฉัยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะพ่ะย่ะค่ะ!”

“ฝ่าบาทได้โปรดระงับโทสะด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

บรรดาขุนนางที่อยู่กลางท้องพระโรงต่างก้มศีรษะคำนับแนบพื้น

จักรพรรดิต้าเหลียงใช้แขนเสื้อซับน้ำตาที่หางตาของตัวเอง ยืนขึ้นด้วยท่าทีโมโหเช่นเดิม จากนั้นกวาดสายตามองไปทางขุนนางที่ก้มศีรษะแนบพื้นอยู่เขม็ง “ผู้ใดอยากให้เรายอมเจรจาสงบศึกกับต้าจิ้นก็จงไปบอกให้ต้าจิ้นนำศีรษะของแม่ทัพหลิวหงและเกาอี้จวิ้นจู่มาวางตรงหน้าเรา มิเช่นนั้นไม่จำเป็นต้องมาคุยกัน!”

ภายในท้องพระโรงเงียบสนิท

จักรพรรดิต้าเหลียงสะบัดแขนเสื้อจากไปด้วยความโมโห องค์ชายสามคุกเข่าตัวสั่นเทาอยู่บนพื้นกลางท้องพระโรง แม้เลือดสดจะไหลอาบใบหน้า ทว่า เขายังคงไม่กล้าลุกขึ้นยืน

จ้าวเซิ่งเงยหน้าอยากถามจักรพรรดิต้าเหลียงว่าอนุญาตให้เขานำกองทัพจ้าวไปเสริมทัพแล้วหรือไม่ ทว่า เมื่อเห็นท่าทีของจักรพรรดิต้าเหลียง เขาจึงกลืนถ้อยคำลงคอทันที

เมื่อจักรพรรดิต้าเหลียงจากไปแล้ว อัครมหาเสนาบดีชรารีบเข้าไปประคองร่างขององค์ชายสามให้ลุกขึ้น จากนั้นล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเลือดให้องค์ชายสามพลางตะโกนตามหมอหลวงมารักษาบาดแผลให้องค์ชายสาม

องค์ชายสามผู้อ่อนแอแห่งต้าเหลียงใช้ผ้าเช็ดหน้ากดบาดแผลบริเวณหน้าผากของตัวเองเอาไว้ ร่างของเขายังคงสั่นเทาไม่หยุด ทว่า เขาไม่ได้ร้องให้ออกมาด้วยความหวาดกลัวเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ทำเพียงกลั้นก้อนสะอื้นลงไปในคอ จากนั้นกล่าวขอบคุณบรรดาขุนนางอย่างนอบน้อม เขาอาศัยช่วงที่หมอหลวงยังมาไม่ถึงกล่าวปลอบใจจ้าวเซิ่ง กล่าวว่าอีกสักครู่จะเข้าวังไปโน้มน้าวจักรพรรดิต้าเหลียงใหม่อีกครั้ง หากเสด็จพ่อของเขายืนยันจะทำสงครามอยู่ เขาจะเสนอให้จ้าวเซิ่งไปออกรบ

จ้าวเซิ่งรีบโค้งกายคำนับขอบคุณองค์ชายสาม

องค์ชายสามมองไปทางท้องฟ้าที่มืดครึ้มด้านนอกตำหนัก จากนั้นกล่าวขึ้น “ไม่รู้ว่าสายลับของเราที่อยู่ในต้าจิ้นจะหาวิธีรักษาโรคระบาดได้หรือไม่ หากส่งวิธีรักษาโรคระบาดกลับมาได้โดยเร็ว ต้าเหลียงอาจพอมีหนทางชนะอยู่ ทว่า หากชักช้ากว่านี้ ชาวบ้านของต้าเหลียงคงรอไม่ไหวแล้ว”

แม้องค์ชายสามจะไม่ฉลาดเท่ากับน้องชายสี่เว่ยฉีเหิง แม้เขาจะดูโง่เขลาไปบ้าง ทว่า เขารู้ดีว่าชาวบ้านคือรากฐานที่สำคัญของแคว้น ทว่า เสด็จพ่อของเขาผู้เป็นจักรพรรดิของแคว้นกลับเสียสติเพราะการจากไปของเว่ยฉีเหิง เสียสติจนไม่สนใจแคว้นต้าเหลียงแม้แต่น้อย

แม้การคิดเช่นนี้จะอกตัญญู ทว่า หากเสด็จพ่อของเขาสิ้นพระชนม์ลงในตอนนี้ แม้ไม่ใช่เขาแต่เป็นน้องชายคนอื่นๆ ได้ขึ้นครองราชย์ต่อ ขอเพียงคนผู้นั้นยอมก้มหัวเจรจาสงบศึกกับต้าจิ้น ขอวิธีการรักษาโรคระบาดจากต้าจิ้นมารักษาชาวบ้านในแคว้นให้หายดีก่อน เมื่อแคว้นอยู่ต่อไปได้ วันหน้าพวกเขาจึงจะมีโอกาสแก้แค้นแคว้นต้าจิ้น!

“ฝ่าบาททรงยึดติดกับการสิ้นพระชนม์ขององค์ชายสี่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ!” เสนาบดีกรมการคลังที่ยืนอยู่ข้างกายองค์ชายสามได้แต่ส่ายหน้า

องค์ชายสามที่ใช้ผ้าเช็ดหน้ากดบาดแผลที่หน้าผากอยู่ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นทันที เขากล่าวขึ้น “ที่เสด็จพ่อทรงยึดติดกับการเสียชีวิตของน้องสี่เพียงนี้เป็นเพราะคำสั่งเสียที่น้องสี่ฝากคนกลับมาทูลเสด็จพ่อ”

องค์ชายสามไม่ได้ตำหนิที่น้องชายสี่ของเขาส่งคนมากบอกคำสั่งลากับเสด็จพ่อก่อนสิ้นใจ ทว่า ถ้อยคำเหล่านั้นแทงใจของเสด็จพ่อมาก

เว่ยฉีเหิงสั่งให้องครักษ์ข้างกายของเขากลับมาบอกจักรพรรดิต้าเหลียงว่าเดิมทีเขาอยากเป็นองค์ชายที่ดีที่เชื่อฟังคำสั่งของเสด็จพ่อ อยากกลายเป็นรัชทายาทที่ดี เขาเป็นคนไม่ชอบร่ำเรียนวิชา ไม่ได้อยากได้ตำแหน่งรัชทายาท ทว่า เขาไม่อยากทำให้เสด็จพ่อผิดหวัง ดังนั้นช่วงนี้เขาจึงพยายามตั้งใจร่ำเรียนในสิ่งที่น่าปวดหัวที่บรรดาอาจารย์สั่งสอน ตั้งใจเรียนรู้เพื่อที่จะได้กลายเป็นรัชทายาทที่ดี เขากล่าวว่าเขาไม่ใช่ลูกชายที่ดี เพราะมารดาของเขาด่วนจากไปเร็ว เสด็จพ่อจึงรักและทะนุถนอมเขามากจนเขากลายเป็นองค์ชายที่ไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด เมื่อเขาเห็นผมที่ขาวโพลน ร่างที่เริ่มโค้งงอของเสด็จพ่อ เขาจึงเพิ่งเริ่มคิดได้ว่าเขาอยากจะกลายเป็นลูกชายที่ดี กลายเป็นลูกชายที่เสด็จพ่อภูมิใจ ผู้ใดจะคิดว่ามันสายเกินไปแล้ว! หากรู้ว่าชีวิตคนเราจะสั้นเช่นนี้ เขาจะไม่ท่องเที่ยวเสเพลไปทั่ว เขาจะอยู่ปรนนิบัติรับใช้ข้างกายของเสด็จพ่อ ช่วยแบ่งเบาภาระของเสด็จพ่อ เขากล่าวว่าหากชาติหน้าได้เกิดเป็นลูกชายของเสด็จพ่ออีก เขาจะเป็นลูกชายที่ไม่ทำให้เสด็จพ่อกังวลใจ จะดูแลตอบแทนเสด็จพ่ออย่างดี…

คำกล่าวเหล่านี้ทิ่มแทงใจของจักรพรรดิต้าเหลียงจนแทบเอาชีวิตของเขาไปด้วย

เว่ยฉีเหิงเสนอตัวขอเดินทางไปยังต้าจิ้นเพราะเติบโตขึ้นแล้ว เพราะเห็นว่าเสด็จพ่อลำบากจึงอยากแบ่งเบาภาระของพระองค์ ทว่า เขาเพิ่งจะเริ่มพัฒนาตัวเอง กลับต้องตายอย่างน่าอนาถภายใต้คมดาบของทหารฝ่ายศัตรู จักรพรรดิต้าเหลียงจะอดทนได้อย่างไรกัน

เมฆเริ่มก่อตัวหนาขึ้นเรื่อยๆ ลมพายุพัดอยู่บนท้องฟ้าของเมืองหลวง ประกายไฟแวบขึ้นกลางท้องฟ้า จากนั้นฝนเริ่มตกกระหน่ำลงมา ท้องฟ้ามืดครึ้มลงทันที

องค์ชายสามทำแผลเสร็จเรียบร้อย เขารวบรวมความกล้าไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิต้าเหลียงในวังอีกครั้ง

คืนนั้นจักรพรรดิต้าเหลียงประกาศราชโองการสั่งให้แม่ทัพจ้าวเซิ่งนำกองทัพจ้าวไปเสริมทัพยังด่านหน้า

สายฟ้าฟาดกระหน่ำอยู่บนท้องฟ้า จ้าวเซิ่งในชุดเกราะขี่ม้าเร็วนำอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน พาเหล่าทหารในชุดเกราะสีดำมุ่งหน้าฝ่าสายฝนไปยังด่านหน้า

ธงประจำกองทัพจ้าวโบกสะบัดไปมาท่ามกลางพายุฝน แววตาของจ้าวเซิ่งหนักแน่น เขาสาบานว่าครั้งนี้เขาจะสังหารเทพสังหารองค์หญิงเจิ้นกั๋วแห่งต้าจิ้นเพื่อแก้แค้นแทนน้องชายและแม่ทัพสวินเทียนจางให้ได้

หวังว่าวิญญาณของท่านปู ท่านพ่อ น้องชายและแม่ทัพสวินเทียนจางจะปกป้องคุ้มครองให้เขาเริ่มต้นด้วยชัยชนะให้ได้

วันที่หนึ่ง เดือนเก้า สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด องค์ชายรองมู่หรงผิงและแม่ทัพเซี่ยสวินแห่งต้าเยี่ยนแบ่งทัพออกเป็นสองฝ่ายเข้ายึดครองเมืองกวนจิ้วและผิงหลิวได้สำเร็จ ตอนนี้กำลังบุกเข้าไปใกล้เมืองหลวงชางของแคว้นเว่ย จักรพรรดิแคว้นเว่ยนำทัพออกมาสู้รบกับทหารต้าเยี่ยนที่หวังรุกรานแคว้นเว่ยด้วยตัวเอง

วันที่สิบสอง เดือนเก้า สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด จ้าวเซิ่งที่เดินทางไปถึงด่านชิงซีซานรู้ดีว่าต้าจิ้นทำสงครามยืดเยื้อกับต้าเหลียงที่ด่านชิงซีซานมานานแล้ว พวกเขาคงเหนื่อยล้าเต็มที จ้าวเซิ่งจึงนำทหารบุกเข้าโจมตีกองทัพต้าจิ้นโดยไม่ทันตั้งตัว กองทัพต้าเหลียงบุกมาอย่างฮึกเหิม แม่ทัพหลิวหงเห็นท่าไม่ดีจึงพากองทัพถอยหนีออกไปจากด่านชิงซีซาน

ไป๋จิ่นจื้อที่เลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลบริเวณแขนยืนอยู่ใกล้โต๊ะไม้ขนาดใหญ่ในกระโจมที่พัก สาวน้อยก้มมองเม็ดฝนที่ตกกระหน่ำลงมาจากฟากฟ้า จากนั้นเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมิดเหนือศีรษะ สาวน้อยรู้สึกว่าฟ้าใกล้ถล่มลงมาแล้ว ฝนตกแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าพี่หญิงใหญ่ของนางอยู่ที่ใดแล้ว

“คุณหนูสี่ ยาอุ่นแล้วสามารถทานได้แล้วเจ้าค่ะ” จี้หลางหวาถือถ้วยยาออกมายืนอยู่ข้างไป๋จิ่นจื้อ เมื่อเห็นไป๋จิ่นจื้อรับถ้วยยาไป หญิงสาวจึงกล่าวต่อ “ฝนตกหนักเช่นนี้ คุณหนูสี่รีบเข้าไปพักผ่อนด้านในก่อนเถิดเจ้าค่ะ…”