บทที่ 787 อาหญิงมาหา

บทที่ 787 อาหญิงมาหา

“สายลมฤดูใบไม้ผลิ ฝนฤดูใบไม้ผลิ ทิวทัศน์ฤดูใบไม้ผลิ ปีใหม่ ฉากใหม่ บ้านใหม่” กลอนของกู้เสี่ยวหวานถูกติดไว้นอกประตู

ส่วนที่เหลือ กู้หนิงอันพากู้หนิงผิง อาโม่ และฉือโถวไปติดกลอนคู่ทุกที่ของบ้าน

การเขียนกลอนคู่ด้วยตัวเองสามารถประหยัดเงินได้ และยังช่วยให้ทุกคนได้แสดงสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้เต็มที่จริง ๆ เป็นการฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว

หลังจากติดกลอนคู่แล้วก็มีการติดรูปเทพเจ้าประตูอีกสององค์ที่ประตู เป็นการสื่อว่าผีน้อยใหญ่ไม่ควรเข้ามา

จากนั้นก็มีห้องครัว เหนือเตามีรูปเหมือนของเทพเจ้าเตาอยู่

กลอนคู่บนคอกแกะและคอกหมูเขียนว่า ‘วัวแกะเต็มคอก ปศุสัตว์รุ่งเรือง’ บนคอกวัวเขียนว่า ‘คอกวัวเฟื่องฟู’ บนเล้าไก่เขียนว่า ‘ไก่ทองเต็มเล้า’ อีกทั้งบนโกดังที่เชิงเขาก็ยังติดกลอนคู่ไว้ มันเขียนว่า ‘ห้าธัญพืชอุดมสมบูรณ์’

ทางป้าจางตัดของตกแต่งหน้าต่างจำนวนมากด้วยกระดาษสีแดงอย่างชำนาญ ก่อนแปะพวกมันลงบนกระดาษหน้าต่างสีขาวราวกับหิมะด้วยกันกับกู้เสี่ยวอี้ ทำให้บ้านดูเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวันปีใหม่

หลังจากเสร็จสิ้นงานที่วุ่นวายแล้วก็ได้เวลารับประทานอาหารตอนเที่ยง หลังจากรับประทานอาหารแบบสบาย ๆ กู้เสี่ยวหวานก็แนะนำว่าทุกคนควรอาบน้ำร้อนเพื่อชะล้างโชคร้ายและเคราะห์ร้ายเก่าทั้งหมดของปีเก่า แล้วต้อนรับปีใหม่ด้วยสภาพสะอาดเอี่ยม

ทุกคนเห็นด้วย

ดังนั้นคนหนึ่งไปต้มน้ำ อีกคนก็ไปตักน้ำ กู้เสี่ยวหวานให้แนวทางกับนายช่างหลินในเวลานั้น เพื่อสร้างคันโยกสูบน้ำแบบโบราณอย่างในชีวิตที่แล้ว โดยมันจะสูบน้ำมาจากใต้พื้นดินบนภูเขา ตราบใดที่กดคันโยก น้ำก็จะขึ้นมาเองตามธรรมชาติ

คันโยกสูบน้ำตั้งอยู่ในลานบ้านซึ่งสะดวกมาก

หลังจากอาบน้ำ กู้เสี่ยวหวานกำลังเช็ดผมที่เปียกอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น “คุณหนู ท่านออกมาดูนี่สิ!”

มันคือเสียงของอาโม่

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ยิน นางรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู เมื่อเห็นใบหน้าที่เป็นกังวลของอาโม่ นางก็คิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจึงรีบถามว่า “อาโม่ เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

“มีคนสองคนมาที่ประตู โดยอ้างว่าเป็นอาหญิงและอาเขยของท่าน!” อาโม่พูด

ที่บ้านมีฟืนไม่เพียงพอ อาโม่กำลังไปที่โกดังเพื่อไปเอาฟืนกลับมาไว้ที่บ้าน ตอนนั้นเองเขาก็เห็นคนสองคนในชุดเสื้อผ้าขาดวิ่นนั่งอยู่ที่ประตู

เมื่อเห็นใครบางคนออกมา ชายคนหนึ่งก็เข้ามาคุยทันที โดยกล่าวอ้างว่าเขาเป็นอาเขยของกู้เสี่ยวหวาน และยังพาอาหญิงของนางมาด้วย

อาโมเห็นว่าท่าทางของชายคนนั้นดูกระลิ้มกระเหลี่ยชอบกล ดวงตาของเขากลอกกลิ้งไปมา เห็นแวบแรกก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี

อีกด้านหนึ่ง มีผู้หญิงรูปร่างซูบผอมยืนอยู่ข้าง ๆ ชายผู้นั้นอย่างเชื่อฟัง ไม่ว่าชายผู้นั้นจะให้นางพูดอะไร นางก็จะพูดตามที่อีกฝ่ายต้องการ! ราวกับว่านางหวาดกลัวชายผู้นั้น

เมื่อเห็นว่าประตูเปิดอยู่ ชายผู้นั้นก็พูดกับอาโม่ จากนั้นก็รีบพุ่งเข้าไป แต่อาโม่รีบหยุดพวกเขาไว้ แล้วบอกว่าเขาต้องเข้าไปรายงานต่อเจ้าของบ้านก่อน จากนั้นก็ปิดประตู หลังจากปิดประตู เขาก็ยังคงได้ยินเสียงข้างนอก เป็นเสียงด่าทอของผู้ชายคนนั้น

“อะไรนะ ข้าเป็นอาเขยของเจ้านายของเจ้า กล้าดีอย่างไรมาทำแบบนี้กับข้า ถุย มาดูกันว่าข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้าทีหลังอย่างไร!” ชายคนนั้นสาปแช่ง ซึ่งเมื่อเห็นท่าทางงุนงงของผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ไม่พอใจและด่าทอว่า “เจ้าตายไปแล้วหรือ? ไม่รู้จักพูดอะไรสักคำ!”

ผู้หญิงคนนั้นร้องคร่ำครวญสองครั้ง ขณะที่ผู้ชายคนนั้นหยิกนาง

อาโม่บอกกู้เสี่ยวหวานถึงทุกสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินที่ประตู

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินคนเรียกอาหญิงของนาง นางก็ผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกตัวทันที

นางมีอาหญิงคนหนึ่งชื่อกู้ฟางสี่ ซึ่งเป็นลูกคนสุดท้องของตระกูลกู้ นางได้แต่งออกไปกับชายในหมู่บ้านต้าหม่า

ผ่านไปหลายปีก็ไม่เคยกลับมาเลย พอกลับมาคราวนี้ กลับมาเจอเข้าที่นี่เสียได้

กู้เสี่ยวหวานเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ตั้งแต่นางจำความได้ ในความทรงจำของกู้เสี่ยวหวานคนเก่า อาหญิงคนนี้ใจดีกับนางมาก ไม่ว่าอาหญิงของนางจะเป็นอย่างไรในตอนนี้ นางก็ยังคงเป็นอาหญิงของกู้เสี่ยวหวาน

หลังจากได้ยินสิ่งที่อาโม่พูด กู้เสี่ยวหวานก็พูดทันทีว่า “ไปดูกันเถอะ”

ป้าจางก็อยู่ข้าง ๆ ด้วย หลังจากได้ยิน นางก็ออกมาจากครัวและเดินตามกู้เสี่ยวหวานไป

ทางฉือโถว เขาก็มีความประทับใจเล็กน้อยเกี่ยวกับกู้ฟางสี่ เมื่อเขายังเด็ก มีเพียงอาหญิงของครอบครัวกู้เท่านั้นที่ปฏิบัติต่อกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ เป็นอย่างดี

ดังนั้นพวกเขาจึงออกไปข้างนอกด้วยกัน

เมื่อได้ยินเสียง คนสองคนที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ชายคาก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว

เสื้อผ้าขาดวิ่นและมอมแมมนั้นไม่ใช่คำอธิบายที่เกินจริงสำหรับพวกเขา

เสื้อผ้าบนร่างกายของพวกเขาสกปรกมากจนไม่สามารถมองเห็นสีเดิมได้อีกต่อไป มันเป็นสีเทา และเสื้อผ้าก็มันเยิ้ม ราวกับว่ามีชั้นคราบน้ำมันก่อตัว เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ก็คล้ายจะได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวจาง ๆ โชยมา

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้พบกู้ฟางสี่นานแล้ว ซึ่งหลังจากผ่านไปหลายปีก็ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางอีกเลย

ตอนนี้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้านางคือผู้หญิงรูปร่างผอมบาง ใบหน้าสกปรก เบ้าตาลึก ดวงตาที่ขุ่นมัวและหมองคล้ำ

แม้แต่มือที่ยื่นออกไปก็ยังดำ มีโคลนสกปรกซอกซอนอยู่ระหว่างเล็บ

ชายอีกคนหนึ่งสูงกว่าผู้หญิงคนนี้เล็กน้อย แต่สูงกว่าไม่มาก ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งสายตาอีกฝ่ายทำให้คนมองอึดอัดยิ่ง

แต่ก่อนที่กู้เสี่ยวหวานจะได้พูดอะไร ชายคนนั้นที่เห็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ซึ่งแต่งตัวดีคนหนึ่งเดินออกมา อายุและรูปร่างหน้าตาของนางเกือบจะเหมือนกับที่คนบรรยายไว้ เขาดีใจมากและเดาว่านั่นคือกู้เสี่ยวหวาน

ชายคนนั้นพลันคว้าตัวกู้ฟางสี่และร้องไห้ด้วยความดีใจ “สาวน้อยเสี่ยวหวาน ในที่สุดพวกเราก็พบเจ้า!”

ผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างพยายามจะซ่อนตัวราวกับว่านางกลัวมาก

แต่ชายคนนั้นจับนางไว้แน่นเพื่อป้องกันไม่ให้นางถอยไป เขาบีบมือนาง แล้วผลักไปข้างหน้าพลางพูดว่า “เสี่ยวหวาน นี่อาหญิงของเจ้า กู้ฟางสี่ เรียกอาหญิงสิ!”

กู้ฟางสี่?

กู้ฟางสี่กลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?

ในความทรงจำของกู้เสี่ยวหวาน นางไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของกู้ฟางสี่

แต่ป้าจางนั้นแตกต่างออกไป นางคล้ายได้เฝ้าดูกู้ฟางสี่เติบโตมา ทั้งนางยังเคยอยู่ที่นั่นก่อนที่กู้ฟางสี่จะแต่งออกไป!

กี่ปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน?

เป็นเวลาเพียงสี่หรือห้าปีเท่านั้น ก่อนที่กู้ฟางสี่จะแต่งงาน นางเคยเป็นหญิงงามดุจหยกและสายน้ำ ยามนี้นางอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ แต่สภาพของนางดูเหมือนคนอายุสามสิบหรือสี่สิบปี

ไหนเลยจะเห็นความงามเพียงสักครึ่งของในอดีต?