บทที่ 789 การรวมตัวกันของครอบครัว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 789 การรวมตัวกันของครอบครัว

บทที่ 789 การรวมตัวกันของครอบครัว

กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าฉินเย่จือกลับมาแล้วก็รีบไปรับหน้า

ทั้งสองคนคุยกันอย่างเงียบ ๆ หลิวชิงซานนั่งตรงนั้นยังไม่ได้ยินสักคำ และอดไม่ได้ที่จะกังวล คิดว่าพวกเขากำลังคุยกับเรื่องตัวเองจึงอยากที่จะไปรับหน้า

เมื่อเห็นหลิวชิงซานใกล้เข้ามา ฉินเย่จือก็หุบปากทันทีและมองไปที่หลิวชิงซานอย่างระแวดระวัง

กู้เสี่ยวหวานเห็นแล้วกระซิบว่า “คนผู้นี้คือสามีของท่านอาข้าเอง!”

อาหรือ? ข้าไม่เคยได้ยินกู้เสี่ยวหวานพูดถึงมาก่อน แต่ทว่าหลายปีมานี้ก็ไม่เห็นเคยมีใครมาเยี่ยมกู้เสี่ยวหวาน ทำไมคราวนี้ถึงมาที่นี่ได้?

ฉินเย่จือระมัดวังตัวเล็กน้อย

หลิวชิงซานเดินเข้ามา เห็นฉินเย่จือแล้วรู้สึกอยากรู้อยากเห็น คนผู้นี้หน้าตาดีมาก เดาได้ทันทีว่าคนผู้นี้น่าจะเป็นขอทานที่กู้เสี่ยวหวานรับมา

หลิวชิงซานเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานกับขอทานคนนั้นดูสนิทสนมกัน ก็คิดถึงคำที่มีคนเคยบอกไว้ เขาลังเลในใจ

“เสี่ยวหวาน คนผู้นี้คือ..” หลิวชิงซานยิ้มถามขณะที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉิยเย่จือเหมือนตัวตลก

รูปร่างหน้าตาของหลิวชิงซานไม่ค่อยดีนัก ทำให้ผู้คนคิดว่าคนผู้นี้มีแผนการร้าย

กู้เสี่ยวหวานเห็นหลิวชิงซานก็มีความคิดแบบนั้น ฉินเย่จือเห็นหลิวชิงซานก็มีความคิดแบบนั้นเช่นกัน

ทั้งคู่ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อหลิวชิงซาน ในใจก็ระวังเขาอยู่เสมอ

“นี่คือพี่ใหญ่ของข้า! เป็นคนในครอบครัว” กู้เสี่ยวหวานกล่าว

กู้เสี่ยวหวานเป็นลูกสาวคนโตของบ้านรองตระกูลกู้ นางไม่มีพี่ชายหรือพี่สาว หลิงชิงซานเองก็รู้ กู้ฟางสี่เคยบอกเขา หลังจากนั้นก็มีคนมาบอกเขาเช่นกัน

หลิวชิงซานหัวเราะเบาๆ “เขาหน้าตาดีจริง ๆ!”

ในขณะนี้ กู้ฟางสี่กำลังอาบน้ำ ป้าจางก็พานางออกมา

ตอนนี้กู้ฟางสี่สวมเสื้อผ้าของป้าจางที่มีแขนเสื้อกว้างเล็กน้อย ใบหน้าของนางผอมมีเบ้าตาลึก ผิวก็ขาวซีดเซียว เห็นได้ชัดว่าเกิดจากการขาดสารอาหารมาเป็นเวลานาน

แต่ในทางกลับกัน แม้ว่าหลิวชิงซานจะผอมแห้ง แต่ก็มีผิวสีดอกกุหลาบ ซึ่งแตกต่างจากกู้ฟางสี่อย่างสิ้นเชิง!

กู้เสี่ยวหวานจึงเกิดความอยากรู้อยากเห็น

กู้ฟางสี่ดูเหมือนหญิงวัยสามสิบกว่า ทั้งที่นางวัยเพียงยี่สิบต้น ๆ

ไม่รู้ว่ากู้ฟางสี่ใช้ชีวิตอย่างไรในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ในห้องโถง ทุกคนนั่งลง กู้เสี่ยวหวานถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของกู้ฟางสี่ กู้ฟางสี่เล่ากลับไปกลับมา กล่าวว่านางเคยชีวิตที่ดีมาก่อน แต่ว่าสูญเสียกิจการไป ชีวิตเลยล้มลง

มีเพียงไม่กี่ประโยค แต่นางเล่ากลับไปกลับมา

กู้เสี่ยวหวานเห็นนางเล่าออกมาเหมือนการท่องหนังสือ ในใจจึงรู้สึกสงสัย

นางมองไปที่ใบหน้าของกู้ฟางสี่และหลิวชิงซาน กู้ฟางสี่ดูเหมือนพยายามจะปกปิดบางอย่างไว้ สิ่งที่หลิวชิงซานพูด กู้ฟางสี่ก็พูดเช่นกัน สามีภรรยาเล่นไพ่มือนี้โดยมีสัญญาณลับ

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเหนื่อย แม้ว่าในใจของนางจะเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นนับไม่ถ้วน แต่นางก็รู้สึกเหนื่อย

ในเวลานี้ เสียงการทำอาหารดังมาจากในครัว

ทุกคนไปที่ห้องครัว กู้หนิงอันที่กำลังนอนกลางวัน กู้หนิงผิงกับกู้เสี่ยวอี้ก็แต่งตัวและรีบวิ่งออกมา

เนื่องจากคืนนี้เป็นคืนส่งท้ายปีเก่า หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานปล่อยให้พวกเขาอาบน้ำในตอนบ่าย หลังจากนั้นก็ให้พวกเขาไปพักผ่อน เด็ก ๆ ถ้าไม่ได้นอนตอนบ่าย อาจจะไม่ได้อยู่ถึงคืนส่งท้ายปี

แต่ก็ไม่ตายตัว รอได้นานแค่ไหนก็แค่นั้นแล้วกัน!

กู้หนิงอันและคนอื่น ๆ รู้สึกงงเล็กน้อยเมื่อเห็นคนแปลกหน้าสองคนอยู่ที่บ้าน หลังจากนั้นก็ประหลาดใจยิ่งขึ้นไปเมื่อพบว่าคืออาของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขายังเด็ก ตอนที่กู้ฟางสี่ออกจากครอบครัวกู้ก็มีความทรงจำที่คลุมเครือ อีกทั้งกู้ฟางสี่ก็ไม่เคยกลับมา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้กระตือรือร้นกับกู้ฟางสี่มากเกินไป

กู้ฟางสี่รู้สึกอึดอัด แต่นางรู้วึความสัมพันธ์ของนางและเด็ก ๆ เหล่านี้ไม่เหมือนที่เคยเป็นอีกต่อไป ดังนั้นนางจึงยืนอยู่ด้านหลังของหลิวชิงซานอย่างเงียบ ๆ แววตามีความชื่นชม แต่ทว่าก็มีความเจ็บปวด

อาหารต่าง ๆ ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะในห้องอาหารแล้ว

มีหมูสามชั้นตุ๋น ไก่ตุ๋น ปลาตุ๋น ลูกชิ้นนึ่ง อาหารประเภทเนื้อสัตว์ทุกชนิด แล้วยังมีจานสีเหลืองทองซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน และผัดเล็ก ๆ ทุกชนิด ต้มไก่ ต้มกระดูกหมู เต็มโต๊ะไปหมดแล้ว

ถัดจากนั้นมีขวดหยกขาวสองขวด ซึ่งน่าจะใส่เหล้าเอาไว้ ชามและตะเกียบก็ถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย

ในเวลานี้ ฉือโถวก็แบกลุงจางมาที่ห้องอาหารและพาไปนั่งบนเก้าอี้

พวกเขาทุกคนนั่งลง โชคดีที่โต๊ะที่บ้านของกู้เสี่ยวหวานใหญ่พอ เมื่อรวมกู้ฟางสี่และสามีก็มีสิบเอ็ดคนพอดีที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ

เมื่อทุกคนนั่งลงแล้ว อาโม่ก็ถือเหยือกเหล้าแล้วรินให้ทุกคน

เหล้านั้นเมื่อดมแล้วมีกลิ่นหอมแปลก ๆ ซึ่งกระตุ้นความโลภของหลิวชิงซานในทันที

เขามองไปที่เหยือกเหล้าแล้วน้ำลายไหล

เหยือกเหล้าใหญ่ขนาดนั้น หลังจากรินใส่จอกเล็ก ๆ ให้ทุกคนมันก็ไม่เหลือ เมื่อมองไปที่จอกใส่เหล้าเล็ก ๆ ด้านหน้าเขา เขาก็รินให้ตัวเองหนึ่งจอก ซึ่งไม่เพียงพอ หลิวชิงซานหวังว่าจะยังมีเหลืออีก

นอกจากนี้ หลิวชิงซานเฝ้าดูอาโม่รินเหล้าเสร็จแล้วก็นั่งลงทางฝั่งซ้ายของเขา

หลิวชิงซานบ่นอยู่พักหนึ่ง เขาเป็นลุงของกู้เสี่ยวหวาน เขาจะนั่งกับคนรับใช้ได้อย่างไร

หลิวชิงซานขมวดคิ้วแน่น

เขานั่งอยู่ที่ด้านล่างของโต๊ะและเอาแต่บ่นในใจว่ากู้เสี่ยวหวานปฏิบัติตัวไม่เป็น ไม่ให้ตนนั่งในตำแหน่งสูงสุด แล้วยังจัดตัวเองกับคนรับใช้ไว้ในระดับเดียวกัน เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หลิวชิงซานก็เต็มไปด้วยความคิดเห็น

ด้านหน้าของทุกคนมีจอกเหล้าวางอยู่ แต่ด้านหน้าของเด็ก ๆ เป็นถ้วยน้ำแกงไก่ กู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ นางยกจอกเหล้าขึ้นมาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้เป็นวันส่งท้ายปี พรุ่งนี้เราจะเริ่มชีวิตใหม่อีกครั้ง ทุกคนทำงานหนักมาตลอดหนึ่งปี ในปีที่ผ่านมา ชีวิตของเรามีทั้งความขมขื่นและความสุข เปรี้ยวและหวาน แต่โชคดีที่พวกเราทุกคนมีความสุข เรามาอยู่ที่นี่ครอบครัวของเราก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้ท่านอาก็มาที่นี่ด้วย ถือว่าเป็นการรวมญาติกัน ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ตราบใดที่เรายังอยู่ด้วยกันและทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะยากแค่ไหนเราก็ต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ และวันข้างหน้าที่ดีกว่าก็กำลังรอเราอยู่”