ตอนที่ 822 ฝนมาแล้ว

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ข่าวลือ​ที่​ฮ่องเต้​มี​รับสั่ง​ให้พระ​ชายา​ไท่​จื่อ​เป็น​ผู้​ประกอบ​พิธี​บวงสรวง​ใหญ่​ขอฝน​คราวนี้​เป็น​ประหนึ่ง​ฟ้าผ่า​สะเทือน​เลื่อนลั่น​ลง​กลางเมือง​

เมือง​ทั้งเมือง​ตก​อยู่​ใน​ความโกลาหล

ณ​ ​โรง​เตี​๊​ยม​แห่งหนึ​่ง​ ​ชาย​ชรา​ผู้​มี​เครา​ยาว​สีขาว​โพลน​ร้องไห้​ฟูมฟาย​ ​“​จะ​ให้​สตรี​มาป​ระ​กอบ​พิธี​บวงสรวง​ใหญ่​แทน​ราชวงศ์​ ​ต้า​โจว​คง​ถึงคราว​สิ้น​แล้ว​…​”

ครั้น​ประโยค​นี้​ลั่น​ออก​ไป​ ​คน​รอบ​ที่​ยัง​มีสติ​สมประดี​รีบ​เอา​มือ​อุด​ปาก​ชาย​ชรา​ผู้​นั้น​ ​“​ลุง​ ​เมา​มาก​แล้ว​ล่ะ​!​”

ชาย​ชรา​อายุ​มาก​แล้ว​ ​แต่​ร่างกาย​ยัง​เปี่ยมล้น​ไป​ด้วย​กำลัง​ ​เขา​ปัด​มือ​คน​ผู้​นั้น​ ​สะอึก​ด้วย​ฤทธิ์​สุรา​หน​หนึ่ง​ก่อน​จะ​กล่าว​ ​“​ข้า​ไม่ได้​เมา​…​พระ​ชายา​ปีศาจ​เข้ามา​อยู่​ใน​แดน​มนุษย์​ ​ต้า​โจว​ถึงคราว​สิ้น​แล้ว​!​”

องครักษ์​จิ​่น​หลิน​กลุ่ม​หนึ่ง​ปรากฏตัว​ขึ้น​ ​หัวหน้า​คน​กลุ่ม​นั้น​เอ่ย​เสียงเย็น​ ​“​พาตัว​ไป​!​”

ชาย​ชรา​ที่​กำลัง​ชี้​โบ​๊​ชี้​เบ​๊​ตะลึงงัน​ ​ก่อน​จะ​รีบ​กอด​หัวหน้า​องครักษ์​จิ​่น​หลิน​ ​พลาง​หลั่ง​น้ำตา​ ​“​ข้า​ดื่ม​มากเกินไป​…​”

องครักษ์​จิ​่น​หลิน​แสดง​สีหน้า​รังเกียจ​ ​“​เอา​ตัว​ไป​!​”

ใน​ชั่วพริบตา​ ​ชาย​ชรา​ก็​ถูก​ลาก​ตัว​ออก​ไป​จาก​โรง​เตี​๊​ยม​แห่ง​นั้น​ ​องครักษ์​จิ​่น​หลิน​ที่​ยัง​ยืน​อยู่​ด้านใน​สอดส่าย​สายตา​ผ่าน​แขก​ใน​ร้าน​ทีละ​คน​ ​หัวเราะ​เย็นเยียบ​หน​หนึ่ง​แล้วจึง​หันหลัง​เดิน​จากไป

ใน​โรง​เตี​๊​ยม​เงียบสงัด​ไร้​สรรพ​เสียง​ชั่ว​อึดใจ​ ​ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​กว่านั​กดื​่​มทั​้ง​หลาย​จะ​ตื่น​จาก​ความฝัน​ ​ต่าง​ก็​ยกมือ​ปิดปาก​ตัวเอง​ก่อน​จะ​รีบ​แยกย้าย

การ​ทำ​เช่นนี้​เกิน​เรื่อง​ไปมาก​ทีเดียว​ ​แม้​โอรส​สวรรค์​จะ​เพียบพร้อม​ด้วย​คุณธรรม​ ​เขา​ไม่มีทาง​ส่ง​หน่วย​องครักษ์​จิ​่น​หลิน​มา​จัดการ​กับ​ชาวบ้าน​เพียง​เพราะ​เรื่องเล็ก​น้อย​ ​แต่​การร้อง​แรก​แหก​กระเชอ​ว่า​ต้า​โจว​ใกล้​สิ้น​แล้วก็​เป็นการ​หา​เหา​ใส่​หัว​ ​ต่อให้​ผู้ปกครอง​มีคุณ​ธรรม​สูงส่ง​เพียงใด​ก็​คง​ไม่มี​จักรพรรดิ​องค์​ใด​ทน​ได้

ชาย​ชรา​ถูก​ลาก​ตัว​ไป​ขัง​อยู่​ใน​คุก​ ​ฤทธิ์​สุรา​พลัน​มลาย​หาย​สิ้น​ ​เขา​รี่​เข้ามา​เกาะ​ลูกกรง​อ้อนวอน​ ​“​ปล่อย​ข้า​ออก​ไป​เถิด​ ​เพราะ​ข้า​เมา​ถึง​ได้​พูดจา​เยิ่นเย้อ​ไร้สาระ​ ​ปล่อย​ข้า​ออก​ไป​เถิด​…​”

เสียงเย็น​เยียบ​ดัง​ขึ้น​จาก​ด้านหลัง​ของ​เขา​ ​“​เก็บ​แรง​ไว้​เถิด​ลุง​ ​ในที่นี้​มี​ใคร​บ้าง​ที่​สติ​ดี​แล้ว​พูดจา​ไร้สาระ​”

ชาย​ชรา​ชะงัก​แล้วจึง​หันหลัง​กลับ​ไป​ ​ด้านหลัง​เขา​มีทั​้ง​ใบหน้า​เฉยเมย​เลื่อนลอย​ ​และ​ใบหน้า​ระทด​ระทม​ตรมตรอม​ ​นอกจากนี้​เขา​ยัง​พบ​สหาย​เก่า​ที่​เคย​ร่ำ​สุรา​มาด​้ว​ยกั​นอี​กคน​หนึ่ง

“​น้อง​หวัง​ ​ทำไม​เจ้า​ถึง​มา​อยู่​ที่นี่​”

สหาย​เก่า​ส่ง​ยิ้ม​ขมขื่น​ ​“​ก็​เมา​น่ะ​สิ​”

ชาย​ชรา​ท้อใจ​ ​เดิน​ไป​หย่อน​ก้น​นั่งลง​ข้าง​สหาย​ยามยาก​ ​แววตา​เหม่อ​จ้อง​พร้อม​รำพึงรำพัน​ ​“​เมื่อไหร่​จะ​ได้​ออก​ไป​หนอ​ ​หมู​สอง​ตัว​ที่​บ้าน​รอ​ให้​ข้า​กลับ​ไป​ให้อาหาร​อยู่​หนา​”

อีก​คน​ถอนหายใจ​ ​“​รอ​ไป​ก่อน​เถอะ​ ​หาก​มี​คน​มามาก​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​ที่​ไม่พอ​เมื่อไหร่​เดี๋ยว​ก็​คง​ปล่อย​พวกเรา​ที่มา​ก่อน​ออก​ไป​เอง​”

ไม่​อาจ​ทราบ​ได้​ว่า​ประโยค​นั้น​กระตุ้น​อารมณ์​โกรธ​ของ​ชาย​ชรา​ได้​อย่างไร​ ​จู่ๆ​ ​เขา​ก็​ร้อง​ตะโกน​ดังลั่น​ ​“​พระ​ชายา​ไท่​จื่อ​เป็น​ปีศาจ​…​”

หลาย​มือ​พุ่ง​ไป​ปิดปาก​ชาย​ชรา

สหาย​เก่า​ก่น​ด่า​ ​“​หาก​เจ้า​เสียสติ​ก็​อย่า​ทำให้​พวก​ข้า​ต้อง​ซวย​ไป​ด้วย​ ​ตอนนี้​เจ้า​ยัง​เชื่อ​อีก​หรือว่า​องครักษ์​จิ​่น​หลิน​ไม่กล้า​ฆ่า​คน​!​”

ด้านนอก​ห้องขัง​ ​องครักษ์​จิ​่น​หลิน​นาย​หนึ่ง​ถอนหายใจ​ ​“​ช่วงนี้​มี​คนพูด​จา​ไร้สาระ​มากมาย​เต็มไปหมด​ ​จะ​ให้​มานั​่ง​ไล่​จับ​เรื่อยๆ​ ​เช่นนี้​คง​ไม่ได้​”

องครักษ์​จิ​่น​หลิน​อีก​นาย​หัวเราะ​พลาง​กล่าว​ ​“​เจ้า​จะ​กังวลใจ​ไป​ไย​ ​ตอนนี้​คง​ต้อง​จับ​ๆ​ ​ไป​ก่อน​ ​หลังจาก​พิธี​บวงสรวง​ใหญ่​ ​ไม่ว่า​ผลลัพธ์​จะ​เป็น​เช่นไร​ ​คาด​ว่า​ก็​ต้อง​ปล่อย​คน​เหล่านี้​ออก​ไป​อยู่ดี​”

“​เจ้า​กำลังจะ​บอกว่า​พระ​ชายา​ไท่​จื่อ​จะ​ขอฝน​สำเร็จ​อย่างนั้น​หรือ​”

“​เรื่อง​นั้น​ใคร​จะ​ล่วงรู้​ได้​ ​อีก​อย่าง​นั่น​ก็​มิใช่​เรื่อง​ที่​พวกเรา​จะเข้า​ไป​ยุ่ง​ ​ไป​เถอะ​ ​ไป​จับ​คน​พวก​นั้น​ต่อ​ดีกว่า​ ​ในเมื่อ​คน​พวก​นั้น​อยาก​จะ​ออก​ก็​ต้อง​แลก​กับ​บางสิ่ง​ ​ข้า​ได้ยิน​ว่า​ตาลุง​ที่​เพิ่ง​จับ​ไป​เมื่อ​ครู่​มี​หมู​อยู่​ที่​บ้าน​อีก​สอง​ตัว​”

“​หมู​สอง​ตัว​เจ้า​ก็​เอา​รึ​”

“​ต่อให้​ขามั​นลี​บก​็​มี​เนื้อ​อยู่ดี​”

องครักษ์​จิ​่น​หลิน​ทั้งสอง​หัวเราะ​พลาง​เดิน​จากไป

ในขณะนั้น​ ​เรื่อง​พิธี​บวงสรวง​ใหญ่​ยัง​เป็น​ที่​กล่าวขาน​ไป​ทั่วทั้ง​เมือง​ ​แม้แต่​เรื่อง​ที่​หน่วย​องครักษ์​จิ​่น​หลิน​จับ​คน​ไป​ขัง​คุก​ก็​ร้อนแรง​ไม่​แพ้​กัน​

เพียง​ชั่วพริบตา​ก็​ถึง​วันที่​สิบ​แปด​เดือน​สี่

ผืน​ฟ้า​ยามเช้า​ขาวโพลน​ ​แสงอาทิตย์​เต็มดวง​เจิดจ้า​อาบ​ฟ้า​ ​ไร้​เมฆ

นี่​เป็น​วันที่​ท้องฟ้า​ปลอดโปร่ง​ ​แสงแดด​แผดเผา​น้ำ​ใน​แม่น้ำ​จน​แห้งเหือด​อย่าง​มิต​้​อง​สงสัย

ใน​วันนี้​ ​คนใน​เมืองหลวง​ต่าง​ก็​ตื่น​แต่​รุ่งสาง​ ​เดินตาม​กอง​ขบวน​สักการะ​ฟ้า​ดิน​ไป​ที่​ชานเมือง

บน​ภูเขา​ชุ่ย​หลัว​ใน​เขตชานเมือง​มี​ราช​นิเวศน์​สำหรับ​องค์​จักรพรรดิ​ ​ฝั่ง​ทาง​ตะวันออก​มี​แท่นบูชา​สำหรับ​ทำพิธี​ขอฝน​ ​กอง​ขบวน​ยาวเหยียด​ออกเดินทาง​จาก​วัง​หลวง​มุ่งหน้า​สู่​ภูเขา​ชุ่ย​หลัว

ณ​ ​ที่นั่น​ ​กรม​พิธีการ​ทำความสะอาด​ปัดกวาด​เช็ดถู​เอี่ยมอ่อง​เหมือน​ใหม่​ ​สิ่งจำเป็น​ทั้งสิ้น​จัดเตรียม​ไว้​พร้อม​ ​รอ​เพียง​การ​มาถึง​ของ​พระ​ชายา​ไท่​จื่อ​เท่านั้น

เจียง​ซื่อ​เดิน​อยู่​หน้า​สุด​ของ​ขบวน​ ​เหล่า​ราษฎร​เดินตาม​มา​ได้​ถึง​แค่​ตีนเขา​ก็​ถูก​องครักษ์​ห้าม​ไว้​ ​จึง​ทำได้​เพียง​มอง​กอง​ขบวน​คืบ​เคลื่อน​ขึ้นไป​ตาม​ทาง

เพื่อ​เป็นการ​แสดง​ความจริงใจ​ ​เจียง​ซื่อ​เปลี่ยนไป​เดินเท้า​ ​กว่า​จะ​ถึง​ยอดเขา​ ​ลมหายใจ​ของ​นาง​ก็​ถี่​กระชั้น

“​ถึง​แก่​เวลา​อันเป็น​สิริมงคล​แล้ว​ ​ขอ​เชิญ​พระ​ชายา​ไท่​จื่อ​เสด็จ​ขึ้นไป​ยัง​บน​แท่นบูชา​เพื่อ​เริ่ม​พิธี​ขอฝน​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

สิ้น​เสียงแหลม​สูง​ของ​ขุนนาง​ ​เจียง​ซื่อ​ค่อยๆ​ ​ก้าว​ขึ้นไป​บน​แท่น​ในขณะที่​เสียง​บรรเลง​เคร่งขรึม​ดังก้อง

เด็กชาย​เด็กหญิง​ใน​อาภรณ์​ดำ​มะเมื่อม​ยืน​เป็นแถว​เรียงราย​พร้อม​ขน​ปักษา​ใน​มือ​ ​สิริ​รวมทั้ง​สิ้น​หกสิบ​สี่​คน​ ​คน​เหล่านั้น​ขับร้อง​และ​แสดง​ระบำ​แปด​แถว​ล้อมรอบ​แท่นบูชา​สูง

‘​สุก​สกาว​ดั่ง​ทางช้างเผือก​ ​เปล่งแสง​ระยิบ​ดั่ง​ธารา​บน​ฟ้า

กษัตริย์​โอดครวญ​…​วิบัติ​อัน​ใด​หนอ​ ​เหตุใด​สวรรค์​จึง​ลงทัณฑ์

ภัยพิบัติ​กันดาร​อาหาร​เกิดขึ้น​ไม่​เสื่อม​คลาย​ ​ผู้คน​ต่าง​อดอยาก​และ​ล้มตาย

โปรด​เมตตา​สัก​ครา​เถิด​สวรรค์

แผ่นดิน​แห้งแล้ง​ ​เหล่า​แมลง​ปกคลุม​ทั่ว​ปฐพี

จาก​แท่นบูชา​บรรพบุรุษ​ ​จวบจน​แท่นบูชา​สวรรค์

ตัว​ข้า​นี้​สักการะบูชา​ฟ้า​สวรรค์​ไม่ว่างเว้น​ ​กราบไหว้​เหล่า​เทพ​ทวย​ใน​ทุก​ภพ

ไย​เล่า​ไม่มี​เทพ​องค์​ใด​สดับ​คำร้อง​ทูล​ ​สวรรค์​ไย​จึง​ละทิ้ง​เหล่า​ประชาชน​ไป​เสีย

เภทภัย​ที่เกิด​แก่​หมู่​มวล​ของ​ประชาชาติ​ ​โปรด​เกิด​แก่ตัว​ข้า​คนเดียว​เถิด​หนา

ภัย​แห้งแล้ง​ที่​ไม่​อาจ​หลบเลี่ยง​นี้​ ​เฉกเช่น​ตัว​ข้ามิ​อาจ​หนี​จาก​ความจริง

ตัว​ข้า​ประหวั่นพรั่นพรึง​ต่อ​เภทภัย​ที่​โหมกระหน่ำ​ประหนึ่ง​พายุ​ร้าย

ใน​หมู่​มวล​ชาว​ต้า​โจว​ ​หมดสิ้น​แล้ว​คน​หัว​ดำหัว​ขาว

เหล่า​เทพ​ทวย​แห่ง​สวรรค์​ ​ ​จะ​ไม่​เคลื่อน​ความอดอยาก​ไป​จาก​แผ่นดิน​ข้า​แล้ว​จริง​หรือ

ข้า​แหงนหน้า​แลดู​สวรรค์​นภา​กาศ​ ​พบเห็น​ดวงดารา​ส่องสว่าง​พร่างพราว

บรรดา​เหล่า​ขุนนาง​และ​วิญญูชน​ ​ต่าง​ถวาย​อำนาจ​แด่​เบื้องบน

มัจจุราช​ย่างกราย​ท่ามกลาง​เหล่า​ประชา​ ​แต่​อย่า​ให้​มัน​พราก​ประชาชน​ของ​สวรรค์​ไป

ขอ​โปรด​อย่า​ได้​เห็นแก่​ข้า​เพียงผู้เดียว​ ​แต่​เมตตา​พวกเรา​ทั้งปวง​ให้​รอดพ้น

ข้า​แหงนหน้า​แลดู​สวรรค์​นภา​กาศ

นาน​เท่าใด​ความ​อุปถัมภ์​จึง​จะ​ไหล​ล้น​อีก​สัก​ครา​’

…​…

เจียง​ซื่อ​คุกเข่า​ลง​บน​แท่น​สูง​ ​ท่วงท่า​แช่มช้า​จริงจัง​ ​หลับตา​ตั้ง​จิต​อธิษฐาน

บรรยากาศ​ในขณะนั้น​ขัง​ขึง​เอา​การ​ ​นอกจาก​บรรดา​เด็ก​ๆ​ ​ที่​เต้นระบำ​ด้วย​ความ​ขะมักเขม้น​ ​คนอื่นๆ​ ​กลับ​มี​ความคิด​เดียวกัน​โดย​มิได้​นัดหมาย​ ​พระ​ชายา​ไท่​จื่อ​จะ​ขอฝน​ได้​สำเร็จ​จริงๆ​ ​หรือ

ซึ่ง​คำตอบ​มัก​ออกมา​ใน​รูป​ประโยคปฏิเสธ

ฝน​ไม่​ตก​มานาน​หลาย​เดือน​แล้ว​ ​แม้แต่​ต้นไม้ใบหญ้า​บน​ภูเขา​ชุ่ย​หลัว​ก็​เหี่ยวแห้ง​ไร้​ชีวิต​ไม่​ต่าง​จาก​ผู้คน​ที่​ได้รับ​ผลกระทบ​ภัยแล้ง

ท้องฟ้า​เปลือยเปล่า​ไร้​เมฆ​ ​และ​แสงแดด​แผดเผา​เช่นนี้​ ​จะ​มี​ฝน​เทล​งมา​ได้​อย่างไร

ช่วง​ท้าย​ของ​การแสดง​ระบำ​แปด​แถว​ ​เสียง​ขับ​ประสาน​ของ​เด็กชาย​และ​เด็กหญิง​ค่อยๆ​ ​แผ่ว​ลง

‘​ข้า​แหงนหน้า​แลดู​สวรรค์​นภา​กาศ​ ​พบเห็น​ดวงดารา​ส่องสว่าง​พร่างพราว

บรรดา​เหล่า​ขุนนาง​และ​วิญญูชน​ ​ต่าง​ถวาย​อำนาจ​แด่​เบื้องบน

มัจจุราช​ย่างกราย​ท่ามกลาง​เหล่า​ประชา​ ​แต่​อย่า​ให้​มัน​พราก​ประชาชน​ของ​สวรรค์​ไป

ขอ​โปรด​อย่า​ได้​เห็นแก่​ข้า​เพียงผู้เดียว​ ​แต่​เมตตา​พวกเรา​ทั้งปวง​ให้​รอดพ้น

ข้า​แหงนหน้า​แลดู​สวรรค์​นภา​กาศ

นาน​เท่าใด​ความ​อุปถัมภ์​จึง​จะ​ไหล​ล้น​อีก​สัก​ครา​’

ณ​ ​เชิงเขา​ชุ่ย​หลัว​ ​หัวเข่า​นับไม่ถ้วน​คุก​ลง​แทบ​พื้น​ ​กล่าว​ร้อง​สุดเสียง​ ​“​เทพ​เฮ่า​เทียน​ ​โปรด​ส่ง​ฝน​ลงมา​เล้าโลม​พวก​ข้า​ด้วย​เถิด​!​”

ภูเขา​ชุ่ย​หลัว​มิใช่​ภูเขา​สูง​ ​ฉะนั้น​ผู้คน​ที่อยู่​ข้างล่าง​สามารถ​มองเห็น​เงา​ร่าง​ของ​คน​บน​แท่นบูชา​รวมไปถึง​การแสดง​ระบำ​อัน​น่า​ครั่นคร้าม​ได้​อย่างชัดเจน

แต่ทว่า​แสงแดด​ร้อนแรง​กัด​กิน​จิตใจ​ของ​ผู้คน​ให้​ห่อเหี่ยว​สิ้นหวัง

ทันใดนั้น​ ​มี​คน​หนึ่ง​ลุก​พรวด​ขึ้น​ ​เขา​สะอึกสะอื้น​ไป​พร้อมกับ​กล่าว​เสียด​เย้ย​ ​“​ฝน​ไม่​ตก​หรอก​ ​ภัยแล้ง​ใน​เมืองหลวง​ทวี​ความรุนแรง​ยาวนาน​เช่นนี้​เป็น​เพราะ​สวรรค์​กำลัง​ส่งสัญญาณ​ว่า​มี​วิญญาณ​ชั่วร้าย​ ​หาก​ไม่​ปลด​พระ​ชายา​แล้ว​ฝน​จะ​ตก​ได้​อย่างไร​”

ชาวเมือง​ที่​ตีนเขา​เริ่ม​ลุกฮือ​ ​รวมตัวกัน​เป็น​กลุ่มก้อน

แต่​ใน​ตอนนั้น​ ​เหล่า​ทหาร​ที่​มี​อาวุธ​ครบมือ​กลับ​ทำได้​เพียง​ยืน​นิ่ง​ ​ไม่​อาจ​ห้ามปราม​หรือ​สนทนา​กับ​ประชาชน​ที่​กำลัง​ลุกฮือ

การ​ปิดปาก​ประชาชน​เป็น​งาน​ยากลำบาก​สำหรับ​ชนชั้น​ผู้ปกครอง​มาโดยตลอด

ท่ามกลาง​ความ​ชุลมุน​วุ่นวาย​ ​จู่ๆ​ ​ก็​มีเสียง​ดังสนั่น​หวั่นไหว

“​เสียง​อะไร​น่ะ​”

สรรพสิ่ง​นิ่งงัน​ไม่​เคลื่อนไหว

เสียง​ฟ้าร้อง​ดัง​ขึ้น​อีกครั้ง​ประหนึ่ง​ฉุด​คน​ให้​หลุด​จาก​ภวังค์

“​ได้ยิน​รึเปล่า​ ​เสียง​ฟ้าร้อง​ ​นั่น​คือ​เสียง​ฟ้าร้อง​!​”

ไม่นาน​ ​สายฟ้า​ฟาด​สว่าง​วาบ​ลง​เป็น​ทาง​ยาว​ ​เม็ดฝน​ขนาด​เท่า​เม็ด​ถั่ว​โปรยปราย​ลงมา

บน​แท่นบูชา​สูง​ ​เจียง​ซื่อ​ค่อยๆ​ ​ลืมตา​พร้อม​รอยยิ้ม​เปื้อน​หน้า

ฝน​เทมา​พร้อม​สายลม​กระโชก​แรง​พัด​ชุด​พิธีการ​สีนิล​บน​ร่าง​ของ​หญิงสาว​กระพือ​ไหว​อย่าง​บ้าคลั่ง​ราวกับ​ยืน​อยู่​ใน​แดน​เทพ

ผู้คน​นับ​ร้อย​พัน​ด้านล่าง​แท่นบูชา​และ​เชิงเขา​คุกเข่า​ลง​ ​เงยหน้า​มอง​ฟ้า​ด้วย​สีหน้า​ปีติ​ยินดี​ ​โห่ร้อง​ด้วย​ความดีใจ​ ​“​ฝนตก​แล้ว​ ​ฝนตก​แล้ว​!​”

เจียง​ซื่อ​ประสาน​สายตา​กับ​อวี​้​จิ​่​นที​่​ยืน​อยู่​ที่​บันได​หยก​พลาง​ส่ง​ยิ้ม​เล็กน้อย

ก็​ใช่​น่ะ​สิ​ ​ฝนตก​แล้ว