บทที่ 796 ท่านอาน่าสงสารยิ่งนัก

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 796 ท่านอาน่าสงสารยิ่งนัก

บทที่ 796 ท่านอาน่าสงสารยิ่งนัก

ยังดีที่หลิวชิงซานยังมาปรากฏตัว แม้ว่าเขาจะมาช้า แต่โชคดีที่เขาไม่ได้นอนจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น

อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวหวานยังขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

นางสนิทกับกับหลิวชิงซานคนนี้ขนาดนั้นเลยหรือ? นี่เพิ่งเข้าวันที่สองที่เขามาอยู่ที่นี่ เขาก็เรียกนางว่าสาวน้อยเสี่ยวเสี่ยวหวานแล้วหรือ?

เดิมทีหลิวชิงซานจะนอนจนกว่าจะถึงเวลาทานอาหารกลางวัน แต่กู้ฟางสี่เอาแต่พูดกรอกหูเขาว่าวันปีใหม่ปีนี้ กู้เสี่ยวหวานจะตำหนิเขาได้หากเขาตื่นสาย

หลิวชิงซานสาปแช่งและทุบแขนของกู้ฟางสี่อย่างไม่ออมแรง กู้ฟางสี่ขบฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด แต่กลับไม่กล้าส่งเสียงร้องออกมา

เมื่อเห็นท่าทางเจ็บปวดของกู้ฟางสี่ หลิวชิงซานก็รู้สึกดีขึ้นและพูดอย่างไม่พอใจว่า “เป็นเพียงเด็กไม่ใช่หรือ? จะมาสนใจว่าข้าตื่นยามใดทำไมกัน? จุ้นจ้านเสียจริง รอเมื่อข้าเป็นคนใหญ่คนโตก่อนเถอะ ข้าจะนอนถึงกี่ยามก็เรื่องของข้า!”

กู้ฟางสี่ไม่กล้าพูดอะไรออกไป นางรีบนำเสื้อผ้า รองเท้า และถุงเท้ามาให้เขาสวมใส่ จากนั้นนำน้ำสำหรับล้างหน้ามาให้ หลังจากทำความสะอาดใบหน้าเสร็จแล้ว เขาก็ออกจากห้องและมาที่ห้องโถง

กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ อยู่ในห้องโถงมาเป็นเวลานานแล้ว

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินหลิวชิงซานพูดว่าขอให้ร่ำรวย นางก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาเขย ขอให้ร่ำรวยเช่นกันเจ้าค่ะ!”

หลิวชิงซานหัวเราะเบา ๆ แต่ดวงตาของเขาไม่เคยละจากซองแดงในมือของกู้เสี่ยวหวานเลย

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงมันออกมา และมอบซองแดงให้กับฉินเย่จือ

ฉินเย่จือรับมันมาอย่างคุ้นเคย

เมื่อหลิวชิงซานเห็นกู้เสี่ยวหวานให้เงินกับคนรับใช้ในครอบครัวอย่างไม่ใส่ใจ เขาก็กล่าวด้วยความกังวลว่า “สาวน้อยเสี่ยวหวาน นั่นคือเงินนะ ทำไมเจ้าถึงให้คนอื่นอย่างง่ายดายเช่นนี้?”

คนอื่น?

หลังจากฟังคำพูดของหลิวชิงซานแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็มองที่ฉินเย่จือด้วยสีหน้าเสียใจ จากนั้นก็ตระหนักว่าคนอื่นที่เขากำลังพูดถึงคือฉินเย่จือ

ฉินเย่จือขมวดคิ้ว ถือซองแดงไว้ในมือ และเก็บใส่เข้าเสื้อทันทีราวกับจะโอ้อวด

เมื่อเห็นว่าฉินเย่จือเก็บซองแดงเข้าไปในเสื้อแล้ว หลิวชิงซานก็หมดความอดทนเล็กน้อยและรีบตะโกนออกมา “สาวน้อยเสี่ยวหวาน นั่นคือเงินนะ เจ้ามอบให้คนอื่นอย่างง่ายดายเช่นนี้ ไม่กลัวหรือว่าคนอื่นจะขโมยเงินของเจ้า!”

กู้เสี่ยวหวานหัวเราะอย่างเย็นชาและส่ายศีรษะ นางพูดคำที่ทำให้หลิวชิงซานตกตะลึงว่า “อ่า… ไม่รู้หรือว่าพี่เย่จือเป็นคนดูแลเงินของข้ามาโดยตลอด!”

ว่าอย่างไรนะ?

ให้คนนอกดูแลเงินทั้งหมด?

หลิวชิงซานรู้สึกประหลาดใจ และมีความสุข

สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ กู้เสี่ยวหวานไม่รู้จักโลกถึงขนาดที่นางให้คนนอกดูแลเงิน

และมีความสุขที่วันดี ๆ ของตัวเองกำลังจะมาถึง ในเวลานั้น ตราบใดที่อยู่ต่อหน้ากู้เสี่ยวหวาน ก็ต้องทำให้กู้เสี่ยวหวานมอบอำนาจทางการเงินให้กับตัวเองให้ได้

ในเวลานั้น ตราบเท่าที่เขาสามารถควบคุมทรัพย์สินของครอบครัวกู้เสี่ยวหวานได้ ทุกอย่างจะเป็นของเขาเองแล้ว

หลิวชิงซานดูเหมือนจะนึกถึงวันที่ตัวเองจะได้สวมเสื้อผ้าใหม่เอี่ยม นั่งอยู่บนที่นั่งด้านบนอย่างมีอำนาจเหนือกว่า และเป็นเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่

กู้ฟางสี่ที่อยู่ด้านข้างหน้าแดงก่ำอย่างหวาดกลัว และละอายใจ

นางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างเหลือทน ราวกับว่านางกำลังส่งข้อความบางอย่างถึงกู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่หลิวชิงซาน จากนั้นก็มองไปที่กู้ฟางสี่อย่างครุ่นคิด

ไม่กี่วันต่อมา กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ อยู่ที่บ้าน และพวกเขาไม่เคยคิดที่จะกลับไปเยี่ยมญาติเลย

แต่ไม่คาดคิดว่าในวันที่ห้าของปีใหม่ ครอบครัวของกู้ฉวนลู่จะมายังสวนกู้

ไม่สิ ครอบครัวของกู้ฉวนลู่ทุกคนมา ยกเว้นกู้จือเหวิน

กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ตื่นแต่เช้า และเมื่อตื่นพวกเขาก็อ่านหนังสือ ฝึกมวย และเย็บปักถักร้อย

แม้จะเป็นวันปีใหม่ แต่ทุกคนไม่เสียเวลาของตนเอง พวกเขาไม่ได้พักผ่อนและผ่อนคลายตามความต้องการของตนเอง

กู้เสี่ยวหวานกำลังฝึกเขียนอักษรอยู่ในห้อง เพื่อรอป้าจางเรียกไปทานอาหาร ขณะที่กู้เสี่ยวอี้กำลังปักดอกกระเจี๊ยบสีแดงสดด้วยเข็มและด้าย

ฉินเย่จือพากู้หนิงผิงไปฝึกมวยที่ลานบ้าน กู้หนิงอันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้อง แม้แต่ลุงจางก็ไม่ได้ว่าง เขานั่งอยู่ในห้องทานอาหารกำลังเลือกอาหารสำหรับมื้อกลางวันในวันนี้

ฉือโถวและอาโม่ไปด้านล่างภูเขาเพื่อหาฟืน

ทุกคนในครอบครัวล้วนทำงานอย่างขยันขันแข็ง ยกเว้นห้องของหลิวชิงซาน

ยกเว้นแต่เสียงกรนที่ดังจากข้างใน ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใด ๆ

นี่กี่ยามแล้ว ยังหลับอุตุอยู่ในห้องอีก

ชาวนามักจะตื่นแต่เช้า ทำความสะอาดบ้านและเตรียมอาหารเช้า เตรียมตัวตั้งแต่เช้าตรู่และไม่มีใครตื่นสาย

กู้เสี่ยวหวานมีความรู้สึกบางอย่างอยู่ในใจ แต่หลิวชิงซานกรนเสียงดังมากจนนางไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ ดังนั้นนางจึงโยนพู่กันทิ้ง พากู้เสี่ยวอี้ออกจากห้องและไปที่ลานเพื่อดูพวกฉินเย่จือฝึกมวย

หลังจากออกจากห้องก็เห็นกู้ฟางสี่เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกะละมังที่เต็มไปด้วยน้ำต้ม

กู้เสี่ยวหวานกวาดสายตามองขึ้นลง ดวงตาของกู้ฟางสี่นั้นสะอาดสะอ้าน ร่างกายก็ดูสะอาด และผมเผ้าถูกหวีอย่างพิถีพิถัน ดูเหมือนว่านางจะจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นน้ำที่นางถืออยู่คงเป็นของหลิวชิงซาน

กู้เสี่ยวหวานยิ้มและเรียกผู้เป็นอา “ท่านอามีความสัมพันธ์ที่ดีกับสามีจริง ๆ แม้แต่น้ำล้างหน้าก็ยังเตรียมด้วยตัวเอง!”

ใบหน้าของกู้ฟางสี่ขึ้นสีแดงและตอบว่าใช่ “อาเขยของเจ้าไม่ชอบให้สาวใช้เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเขา ข้ารับใช้เขามาหลายปีแล้ว ข้าชินเสียแล้วล่ะ!”

ชินแล้ว?

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่กู้ฟางสี่ด้วยรอยยิ้มพร้อมกับความหมายที่ลึกซึ้งในดวงตา

กู้ฟางสี่รู้สึกหวาดกลัวกับรูปลักษณ์นั้นจนนางไม่สามารถถืออ่างไว้ในมือได้ มือของนางสั่นจนน้ำร้อนสาดกระเซ็นออกมาและกระเด็นใส่มือของนาง กู้ฟางสี่ตัวสั่นเนื่องจากโดนน้ำร้อนลวก แต่นางไม่กล้าปล่อยมือ นางกลัวว่าหากอ่างทองแดงตกไปบนพื้นแล้วจะทำให้หลิวชิงซานตื่น…

กู้ฟางสี่ไม่กล้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว

ดวงตาของหลานสาวดุร้ายเกินไป ราวกับว่านางได้มองความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับหลิวชิงซานออกแล้ว

กู้ฟางสี่ไม่กล้าอยู่อีกต่อไปและพูดขอตัว จากนั้นก้มหน้างุดเดินผ่านกู้เสี่ยวหวานเข้าไปในห้อง

กู้เสี่ยวอี้ยังมองไปที่หลังที่ค่อมลงเล็กน้อยของกู้ฟางสี่ และพูดอย่างเป็นทุกข์ “ท่านพี่ ข้าคิดว่าท่านอาน่าสงสารยิ่งนัก!”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

การกลับของสามีภรรยาคู่นี้จะต้องมีเบื้องหลังบางอย่างแน่นอน ไม่อย่างงั้นอยู่ๆ จะกลับทำไม ทั้งๆ ที่หายไปตั้งหลายปี เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ ค่ะ

ไหหม่า(海馬)