บทที่ 685 ศิษย์พี่ ถนอมตัวด้วย (6)
ทว่าวิชาการควบคุมกระบี่ก็ใช้พลังเซียนมหาศาล และเม็ดโอสถวิญญาณที่โหย่วฉินเสวียนหย่ากินเข้าไปในยามนี้นั้น ก็ดีกว่าเม็ดโอสถเซียนประเภทฟื้นฟูธรรมดาทั่วไปมาก
แต่ฤทธิ์โอสถที่ปล่อยออกมาในเวลานี้ ก็ไม่อาจหยุดการใช้พลังเซียนได้
ในยามนั้น นางระเบิดพลังปราณวิญญาณของนางขึ้นอย่างไม่ลังเลใดๆ ทันที ทว่ามันก็ช่วยให้นางอยู่ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น…
“เสี่ยวหยา!”
สตรีชราพยายามผลักโหย่วฉินเสวียนหย่าออกไป แต่มนุษย์ที่กินแต่โอสถอายุวัฒนะจะผลักเซียนเสิ่นที่จะได้รับการเลื่อนขั้นได้ออกไปได้อย่างไรกัน?
แม้ในขณะนี้ พลังเซียนของเซียนเสิ่นจะหมดลงและนางก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ…
แม้เซียนเสิ่นผู้นั้นจะไม่อาจระงับอาการบาดเจ็บที่นางได้รับระหว่างทางได้ เนื่องจากนางได้ระเบิดพลังปราณวิญญาณของนาง…
สติของโหย่วฉินเสวียนหย่าค่อยๆ พร่าเลือน และพลังวิชาควบคุมกระบี่ของนางซึ่งถูกสลักลงในกระดูกของนางแล้ว ก็ค่อยๆ ลดลง
จากนั้นภาพต่างๆ ก็ปรากฏขึ้นในใจของนาง ภาพเหล่านี้ยังคงทับซ้อนกัน เหลือเพียงภาพร่างด้านหลังภาพเดียวเท่านั้น
เขายืนอยู่ในแสงเงาที่พร่ามัวและพูดกับตัวนางเองอย่างอบอุ่น…
ด้วยผู้ดำรงอยู่เช่นเจ้า ศิษย์น้องหญิง เจ้าได้เตือนข้าและให้แสงสว่างแก่ข้าได้ตลอดเวลา
ศิษย์น้องหญิง ดูคำสาบานแห่งเต๋าสวรรค์นี้สิ มันราบรื่นสำหรับข้าหรือไม่?
ข้ามักกลัวปัญหาอยู่เสมอ ข้าไม่อยากให้เป็นที่สนใจมากเกินไป และข้าก็ไม่อยากสร้างปัญหาใดๆ อีกด้วย
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา จู่ๆ ข้าก็เกิดอาการชักกระตุกทั้งตัว เมื่อได้สัมผัสกับสตรีผู้หนึ่ง
ข้า หลี่ฉางโซ่ว ผู้ฝึกบำเพ็ญขอบเขตหลอมรวมปราณวิญญาณเทพขั้นที่เก้าแห่งยอดเขาหยกน้อย…
“ศิษย์พี่ ถนอมตัวด้วย”
ก่อนหน้านี้เมื่ออยู่บนภูเขา นางอยากจะกล่าวถ้อยคำเหล่านั้น แต่นางใจสั่นและไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกไปได้
บัดนี้พลังเซียนของนางหมดลง…
พลังปราณวิญญาณของนางใกล้จะหมดลงแล้ว และแสงเซียนบนกระบี่บินก็เริ่มริบหรี่เล็กน้อย
นางรู้สึกอ่อนแอ เหนื่อยล้า และหวาดกลัวเมื่อเผชิญหน้ากับความตายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่หัวใจเต๋าที่แข็งแกร่งของนางก็ปิดกั้นพวกมันเอาไว้ทั้งหมด
ข้าไม่เสียใจ ไม่พร่ำบ่น ไม่เกลียดชัง ไม่เสียดาย
โหย่วฉินเสวียนหย่าหลับตาลงช้าๆ ปราณวิญญาณของนางสั่นเล็กน้อย เสี้ยวเปลวเพลิงปรากฏขึ้นที่ใจกลางปราณวิญญาณของนาง นางกำลังจะเผาผลาญวิญญาณแท้ของนางเพื่อปกป้องสถานที่นี้ให้นานขึ้นชั่วระยะเวลาหนึ่ง
นางเป็นหัวหน้าศิษย์แห่งสำนักตู้เซียน และเป็นศิษย์ที่ท่านอาจารย์ของนางภาคภูมิใจ
ต่อให้นางจะดับชีพไปที่นี่ แต่นางก็ไม่ต้องการให้วิญญาณของนางตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น ด้วยเกรงว่าสำนักเซียนจะต้องอับอายขายหน้าในเรื่องนี้
ท่านอาจารย์ ศิษย์ขออภัย ศิษย์ทำให้ท่านต้องผิดหวังแล้ว…
ตึ้ง!
ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง…
โหย่วฉินเสวียนหย่าอดจะตื่นตกใจไม่ได้ เมื่อเห็นว่าบัดนี้โลกในดวงตาของนางเกือบจะซีดเซียว นางก้มศีรษะลงเพื่อมองไปที่พี่สะใภ้ใหญ่ของนางซึ่งนางเพิ่งเคยพบเพียงครั้งเดียว
โหย่วฉินเสวียนหย่ายังมีพละกำลังพอที่จะโน้มตัวไปข้างหน้าและยื่นมือขวาของนางไปปิดหน้าท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อยของสตรีสาว
ใช่ มันเป็นจังหวะการเต้นของหัวใจเต้น…
นิ้วของโหย่วฉินเสวียนหย่าสั่นเทา ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และหยาดน้ำตาของนางก็หยดลงมาไหลอาบแก้มราวกับไข่มุกที่แตกออก
“เหตุใด เหตุใดกัน…”
นางถามซ้ำๆ ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
หญิงสาวที่รู้สึกตึงเครียดตลอดเวลา ในขณะนี้นางยกมือขึ้นปิดปากและจมูกของนางพลางร่ำไห้ออกมา
“ไฉนถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้?” โหย่วฉินเสวียนหย่าเริ่มหายใจติดขัดไม่สม่ำเสมอ นางแทบจะสิ้นเรี่ยวแรงและล้มลงไปกับพื้น
ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง…
กระบี่บินตกลงบนพื้นทีละเล่ม พวกมันก็มีแสงสลัวรางลงแล้ว
บัดนั้นเงาดำก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ช้าๆ ขณะที่แมลงพิษเหล่านั้นได้รวมตัวกันอยู่กลางอากาศราวกับก้อนหิน และลอยอยู่เหนือศีรษะของโหย่วฉินเสวียนหย่า
สตรีที่สวมหน้ากากสีดำในอากาศหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง นางกดนิ้วเข้าหากัน แล้วฝูงแมลงพิษก็พุ่งลงมา…
โหย่วฉินเสวียนหย่าหลับตาแน่นพลางถือจี้เอาไว้ในมือซ้าย ริมฝีปากของนางสั่นระริกขณะที่นางส่งเสียงร้องแผ่วเบาออกมาอย่างอ่อนแรง…
“ช่วยข้าด้วย…”
วิ้ง!
ทันใดนั้นลำแสงสีทองก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า และเข้าครอบคลุมพื้นที่ในรัศมีสิบจั้งโดยมีโหย่วฉินเสวียนหย่าเป็นศูนย์กลางของมัน!
แมลงพิษที่พุ่งลงมาล้วนถูกแสงสีทองละลายทันที และแสงสีทองนี้ก็ฝ่าทะลวงผ่านกลุ่มควันหนาทึบและพุ่งทะลุผ่านท้องฟ้ายามราตรีกาล!
โหย่วฉินเสวียนหย่าหลับตาแน่นและคุกเข่าลงตรงนั้น
นางถือจี้หยกเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างและใช้แรงเฮือกสุดท้ายร้องตะโกนเรียกออกไปว่า “ช่วยข้าด้วย! ช่วยข้ารักษาชีวิตนางด้วย… ศิษย์พี่ อา…”
ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่า ลำแสงสีทองโดยรอบจะสงบลงไปชั่วขณะทันที เหลือเพียงเสียงร้องของนางที่ยังคงอยู่เท่านั้น
จากนั้น เมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็มีร่างสูงตรงปรากฏขึ้นข้างๆ โหย่วฉินเสวียนหย่า นั่นคือ นักพรตเต๋าหนุ่มผู้หนึ่ง
หลี่ฉางโซ่วได้เปิดเผยรูปลักษณ์ของเขาในภูเขา เขาสวมเสื้อคลุมเต๋าสีน้ำเงินเข้มที่สามารถหาได้จากหอไป่ฝาน เส้นผมยาวของเขาถูกมัดเอาไว้อย่างเรียบง่าย เขาก้มศีรษะลงมองดูร่างเพรียวบาง และมีท่าทางทรุดโทรมสิ้นแรงต่อหน้าเขา
“ข้าอยู่นี่แล้ว”
ในขณะนั้น ร่างของโหย่วฉินเสวียนหย่าสั่นเทาเล็กน้อย นางหันขวับกลับมามองด้วยความตกใจ และเพียงเห็นมือใหญ่ปิดปากนางไว้และกำลังใส่โอสถสองสามเม็ดเข้าไปในปากของนาง
“วู้ วู้ วู้ วู้!”
หลี่ฉางโซ่วมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและกวาดสายตามองไปทุกที่เพื่อสำรวจสภาพแวดล้อมของเขา
จากนั้นก็มียันต์บินออกมาจากแสงสีทอง และยันต์เหล่านั้นก็แผ่ปกคลุมท้องฟ้าและบดบังดวงจันทราเอาไว้ในชั่วพริบตาเดียว
มันมีจำนวนนับพันนับหมื่น…
จากนั้นเสียงของหลี่ฉางโซ่วก็ดังกึกก้องขึ้นทั้งในและนอกเมือง
“ผู้ฝึกบำเพ็ญ หากเจ้าไม่อยากตาย จงผนึกระดับฐานพลังของเจ้าและทำสมาธิ”
หลี่ฉางโซ่วหยุดไปชั่วขณะและมองออกไปนอกลำแสงสีทอง มุมปากของสตรีที่สวมหน้ากากผู้นั้นกระตุกเล็กน้อยสองสามครั้ง
“ยกเว้นเจ้า”
………………………………………………………………..