ภาค-5 ตอนที่ 47 ชีวิตแลกชีวิต (2)

ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ

ข้าขมวดคิ้ว แม้ข้าจะมิตั้งใจสังหารต้วนหลิงเซียว แต่ข้าก็มองออกว่าหากต้องการจับเป็นคงเป็นไปมิได้ ฐานะของต้วนหลิงเซียวผู้นี้สำคัญยิ่งนัก ทั้งดูจากนิสัยและความเก่งกล้าของเขา เขาต้องมิใช่คนที่จะยอมทนต่อความอัปยศเป็นแน่ แต่จะให้ปล่อยเขาไปเช่นนี้ ใจข้าก็รู้สึกไม่ยินยอม ข้ามองเสี่ยวซุ่นจื่อโดยสัญชาตญาณ แล้วใช้สายตาไถ่ถามความคิดเห็นของเขา

เสี่ยวซุ่นจื่อมุ่นคิ้ว ในความเห็นของเขา สังหารต้วนหลิงเซียวย่อมเป็นการดีที่สุด จี้เสวียนผู้นั้นไม่ว่าอย่างไรก็สำคัญสู้ต้วนหลิงเซียวมิได้ แล้วอีกอย่าง หากมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่ มิว่าอย่างไรก็เป็นอันตรายต่อคุณชาย แต่เขาก็ทราบว่าตนจะตัดสินใจโดยพลการมิได้ ถึงอย่างไรคุณชายก็มีสายตากว้างไกล การตัดสินใจหลายครั้งแม้ในยามนั้นดูเหมือนไม่ฉลาดอย่างยิ่ง แต่ภายหน้ากลับเป็นจุดสำคัญของการตัดสินแพ้ชนะ ดังนั้นเมื่อขบคิดจนถึงท้ายที่สุดแล้ว เขาจึงตัดสินใจบอกเล่าสถานการณ์ตอนนี้ให้ชัดเป็นพอ

เสี่ยวซุ่นจื่อไตร่ตรองครู่หนึ่งก็ใช้ลมปราณส่งกระแสเสียงบอกว่า “คุณชาย ต้วนหลิงเซียวต้องดรรชนีของข้าไปสองหน ยามนี้บาดเจ็บภายในสาหัส พลังภายในของข้าหนาวเย็นอย่างที่สุด อีกทั้งท่านหมอซังเคยถ่ายทอดเคล็ดวิชาซึ่งข่มเคล็ดวิชาของพรรคมารให้ข้า อาการบาดเจ็บภายในของเขาจึงเสมือนโรคร้ายเกาะในกระดูก หากต้องการจะรักษาให้กลับเป็นดังเดิม แม้มีประมุขพรรคมารช่วยเหลือ หากไม่มีเวลาหลายเดือนย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ ยามนี้เขาเพียงฝืนยืนหยัดอยู่เท่านั้น”

ฟังคำพูดของเสี่ยวซุ่นจื่อจบ ในใจข้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เมื่อเป็นเช่นนี้ แลกต้วนหลิงเซียวที่ลงมือทำการใดไม่ได้กับจี้เสวียน ข้าก็มิขาดทุนแล้ว แต่ผลประโยชน์ต้องฉกฉวยให้มากจึงจะดี มิอาจปล่อยให้หลิงตวนสมดั่งใจง่ายดายนัก มิเช่นนั้นวันหน้าหากมีคนเลียนแบบเข้าจะทำเช่นไรเล่า

ข้าจึงแสร้งวางสีหน้าเย็นชายิ่งขึ้นแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงถมึงทึง “หลิงตวน เห็นแก่ที่เจ้าเคยรับใช้อยู่ข้างกายข้า ขอเพียงเจ้ายอมปล่อยท่านผู้เฒ่าจี้ ข้าจะละเว้นชีวิตของเจ้า มิเช่นนั้นข้าจะสังหารคุณชายใหญ่ต้วนก่อน จากนั้นค่อยจัดการกับเจ้า”

ดวงตาของหลิงตวนทอประกายเด็ดเดี่ยว “ใต้เท้า ในเมื่อหลิงตวนกล้าเอาตัวประกันมาข่มขู่ท่าน ย่อมมิใส่ใจความเป็นความตายอีกแล้ว หากใต้เท้าสั่งให้คนลงมือกับคุณชายใหญ่ต่อ หลิงตวนก็ทำได้เพียงสังหารบัณฑิตเฒ่าผู้นี้ก่อน หลังจากนั้นตายอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณชายใหญ่เท่านั้น คนผู้นี้จะอยู่หรือตาย คำเดียวของใต้เท้าเป็นสิ่งตัดสิน”

หัวใจข้ากระตุกวูบหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าหลิงตวนผู้นี้จะเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ แต่เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะแลกตัวประกันแน่ๆ เวลานี้จี้เสวียนเหมือนจะทุเลาจากฤทธิ์ยาแล้ว เขาพยายามตะโกนเสียงดัง “เจียงสุยอวิ๋น ตาแก่คนนี้มิจำเป็นต้องให้เจ้าช่วย อยากฆ่าก็ฆ่าเสีย ข้าหาใช่ผู้ที่จะยอมให้หยามหมิ่น”

ข้าขบฟันแทบแตก จี้เสวียนผู้นี้ช่างสรรหาความยุ่งยากมาให้ข้าเสียจริง หากหลิงตวนเข้าใจผิดว่าข้ามิคิดช่วยเขาย่อมลำบากแล้ว ข้ารีบสังเกตสีหน้าของหลิงตวน เห็นสีหน้าเขามั่นใจยิ่งกว่าเดิม ปล่อยให้จี้เสวียนตะโกนโวยวายตามใจ เพียงใช้มีดสั้นจรดลำคอของจี้เสวียนไม่หนักไม่เบา มิให้ทำร้ายถูกเขาแล้วก็ป้องกันมิให้เขาดิ้นหนีเท่านั้น หลิงตวนเห็นข้าเงียบงันมิพูดจาจึงกล่าวเสียงดังว่า “ใต้เท้า หากท่านยังมิตัดสินใจ ข้าคงได้แต่สังหารเขาแล้ว”

ข้ามองไปทางต้วนหลิงเซียวอย่างแค้นเคือง แล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้คุณชายต้วนคิดเห็นเช่นไร”

ตลอดเวลาเมื่อครู่ ต้วนหลิงเซียวกำลังจัดการกับอาการบาดเจ็บของตนเองอยู่ เผื่อว่าหากถึงเวลาต้องลงมืออีกครั้งจะได้ลากคนลงสุสานเป็นเพื่อนได้สักคน เขาไม่มั่นใจว่าเจียงเจ๋อจะปล่อยตนเองไปเพื่อผู้เฒ่าคนหนึ่ง เมื่อได้ยินเจียงเจ๋อถามจึงตอบอย่างเฉยชา “ตวนเอ๋อร์ช่างเลอะเลือน ใต้เท้าเป็นผู้สูงศักดิ์ปานใด ไฉนจะถูกข่มขู่ง่ายๆ ผู้แซ่ต้วนเชื่อว่าตนเองมีค่าไม่น้อย ตวนเอ๋อร์รีบหนีไปเถิด อย่างน้อยใช้คนผู้นี้แลกกับชีวิตเจ้าก็น่าจะเพียงพอ”

หลิงตวนตาแดงก่ำเหมือนจะพ่นไฟออกมา เขาย่อมคลางแคลงว่าเจียงเจ๋อจะยอมถูกตนข่มขู่หรือไม่ แม้เจียงเจ๋อเหมือนจะให้ความสำคัญกับตัวประกันในมือตนอย่างยิ่ง แต่คุณชายใหญ่ต้วนก็เป็นถึงศิษย์เอกของประมุขพรรคมาร ฐานะสำคัญนัก หากเปลี่ยนเป็นตนก็คงมิมีทางปล่อยเขาไปง่ายๆ อย่างเด็ดขาด แต่ขอเพียงมีความหวังแม้สักเสี้ยว เขาก็มิอยากละทิ้ง เขามองไปทางเจียงเจ๋อแล้วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยว่า “ใต้เท้า เชิญท่านตัดสินใจ หากมิยอมแลก ข้าก็คงได้แต่สังหารคนผู้นี้ ถือเสียว่าเรียกกำไรกลับมาได้นิดหน่อย”

ข้านึกหวั่นใจ หลิงตวนเป็นคนเงียบขรึมแต่อารมณ์รุนแรง หากกดดันต่อไป น่ากลัวว่าเขาคงจะสังหารจี้เสวียนจริงๆ ถ้าเช่นนั้นย่อมแย่แล้ว ในเมื่อต้วนหลิงเซียวบาดเจ็บหนักแล้ว จะปล่อยไปก็มิเป็นอันใด ถึงอย่างไรขอเพียงภายในไม่กี่เดือนนี้เขามิอาจลงมือได้อีก ข้าก็วางใจแล้ว รอเมื่อเขาลงมือได้อีกหน เป่ยฮั่นก็คงล้มครืนแล้ว วรยุทธ์เขาสูงส่งอีกเท่าใดยังจะมีประโยชน์อันใดอีกเล่า

ข้ายิ้มฝืดเฝื่อนน้อยๆ ในใจคิดว่าปล่อยต้วนหลิงเซียวไปก็ได้ แต่คงปล่อยเจ้าง่ายๆ มิได้ ข้ากลอกตาหนหนึ่งแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “แม้ท่านผู้เฒ่าจี้จะเป็นสหายต่างวัยของข้า แต่คุณชายใหญ่ต้วนก็เป็นถึงศิษย์เอกของราชครูแห่งแคว้นเป่ยฮั่น ฐานะสูงส่งนัก วันนี้ได้พบ ข้ายังได้รับรู้อีกว่าคุณชายใหญ่เป็นวีรบุรุษผู้หนึ่ง ปล่อยเขาไปย่อมได้ แต่เจ้าใช้ตัวประกันมาบีบบังคับข้า หากปล่อยคุณชายใหญ่ไปง่ายๆ ไยมิเท่ากับบอกคนทั้งใต้หล้าว่าเอาตัวประกันมาบีบข้าได้

เอาเช่นนี้เถิด หากเจ้ายอมปล่อยท่านผู้เฒ่าจี้ ข้าจะยอมให้เจ้าใช้ชีวิตตนเองแลกกับชีวิตของคุณชายใหญ่ต้วนเป็นเช่นไร หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิต ข้าขาดทุนมากแล้ว”

หลิงตวนนิ่งงัน แม้เขาเตรียมตัวจะเอาชีวิตเข้าแลกอยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นไปด้วยวิธีการเช่นนี้ ทว่าเมื่อครุ่นคิดอย่างละเอียด หลิงตวนกลับรู้สึกยินดี ในใจคิดว่าจับตัวประกันมาบีบบังคับแต่เดิมก็เป็นเรื่องน่าอับอาย ตนเองเป็นเพียงคนตัวเล็กตัวน้อยคนหนึ่ง แต่คุณชายใหญ่เป็นถึงศิษย์เอกของประมุขพรรคมาร หากใช้ชีวิตแลกชีวิตได้ ตนเองก็เป็นฝ่ายได้เปรียบจริงๆ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ตอบอย่างเยือกเย็น “ใต้เท้าเป็นผู้รักษาสัจจะ หลิงตวนเองก็มิเคยเห็นคุณชายตระบัดสัตย์กลับคำ หลิงตวนยินยอมพร้อมใจใช้ชีวิตแลกชีวิต เพียงแต่ขอใต้เท้าโปรดอภัย ก่อนคุณชายใหญ่จากไป หลิงตวนมิอาจปล่อยตัวประกันได้”

ต้วนหลิงเซียวส่ายศีรษะแผ่วเบา เวลานี้เขากระจ่างแจ้งแก่ใจแล้วว่าเจียงเจ๋ออาจมิได้ต้องการให้ตนทิ้งชีวิตไว้ เพียงดูจากที่เจียงเจ๋อสั่งให้ซูชิงขวางตนเองเมื่อครู่ก็ทราบแล้วว่าเจียงเจ๋อเป็นผู้มีความคิดละเอียดถี่ถ้วนและเป็นคนอำมหิตคนหนึ่ง เขาไม่มีทางปล่อยให้ศัตรูมีทางรอดแน่นอน

ต้วนหลิงเซียวลองสมมุติว่าตนเองเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ก็พบว่าแม้อันตรายอยู่บ้าง แต่มิใช่ว่าจะไม่มีหนทางช่วยเหลือตัวประกัน วรยุทธ์ของหลิงตวนมิสูง แล้วเขาก็มิคิดว่าเจียงเจ๋อเป็นผู้รักษาวาจาสัตย์จริง เพียงสังหารคนที่รู้เรื่องทั้งหมดให้สิ้น ยังจะมีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาเคยตระบัดสัตย์หรือไม่

ดังนั้นแม้หลิงตวนจะเป็นผู้ที่มาช่วยให้ตนรอดกลับไป แต่หากเจียงเจ๋อมิได้มีเจตนาเช่นนั้นอยู่แล้ว ตนเองก็คงไม่มีทางได้รับโอกาสรอดครั้งนี้เป็นแน่ ส่วนที่เจียงเจ๋อต้องการให้หลิงตวนใช้ชีวิตแลกชีวิต อาจเพราะต้องการชำระแค้นที่หลิงตวนหยามหน้าเขากระมัง

แต่ยามนี้ต้วนหลิงเซียวหมดหนทางขัดขวางทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น นอกเสียจากว่าเขาคิดจะตายที่นี่จริงๆ ทว่าต่อให้เขายินดีตายก็มิอาจช่วยหลิงตวนได้ เขาเงยหน้ามองเจียงเจ๋อ บังเอิญว่าเจียงเจ๋อก็กำลังมองมาทางเขาพอดี ดวงตาใสกระจ่างนิ่งสงบคู่นั้นเหมือนจะแฝงแววเย้ยหยันจางๆ

ดวงตาสองคู่สบประสาน ต้วนหลิงเซียวเห็นความประหลาดใจปรากฏบนสีหน้าของเจียงเจ๋ออย่างชัดเจน ดูเหมือนเจียงเจ๋อจะสังเกตเห็นแล้วว่าตนมองทะลุความคิดของเขา อดเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมาอย่างห้ามมิได้ มิว่าอย่างไรชีวิตของตนก็แลกมาด้วยชีวิตของว่าที่ศิษย์พรรคมารคนหนึ่ง ความอัปยศครั้งนี้คงติดตามตนไปชั่วชีวิต

เขาถอนหายใจแผ่วเบาแล้วกล่าวอย่างนิ่งสงบ “ตวนเอ๋อร์ ปล่อยท่านผู้เฒ่าจี้เถิด เจียงโหวเป็นคนเช่นไร ใช่เจ้าจะข่มขู่ได้หรือ ในเมื่อตอนนี้เขารับปากแล้วย่อมมิกลับคำโดยไร้เหตุผล เจ้าอย่าดื้อดึงอีกเลย”

ในใจหลิงตวนสับสน แต่เขานับถือต้วนหลิงเซียวอย่างยิ่ง ลังเลครู่เดียวในที่สุดก็ปล่อยจี้เสวียน เขาเชื่อว่าคุณชายใหญ่คงมิรนหาทางตาย เป็นดังคาด เมื่อเขาปล่อยจี้เสวียน ก็มีราชองครักษ์หู่จีเพียงสองนายเข้ามาประคองจี้เสวียนอย่างรวดเร็ว เจียงเจ๋อมิได้ออกคำสั่งให้โจมตี แล้วยังไม่มีแม้แต่คนเข้ามาคุมตัวตนเอง

ข้าเห็นสีหน้ามึนงงของหลิงตวนแฝงอารมณ์เฉยชาต่อความตาย ก็ทราบว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ละทิ้งความปรารถนาที่จะรอดชีวิตทั้งปวงแล้วจริงๆ ในใจอดเกิดความเวทนามิได้ เวลานี้เอง ราชองครักษ์หู่จีนายหนึ่งก็รีบร้อนวิ่งเข้ามารายงานว่า “เรียนใต้เท้า พวกคุณชายจ้าวสามคนมิได้เป็นอันตรายถึงชีวิต เพียงสลบไปเท่านั้น”

ข้าโล่งใจ หันไปมองหลิงตวนแล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หลิงตวน เจ้าทราบหรือไม่ว่าเหตุใดข้าผ่อนปรนให้เจ้ามาตลอด”

หลิงตวนเงยหน้าขึ้น ใบหน้าซีดเผือดมิมีสีเลือดแม้แต่น้อย เขาขบฟันมิเอ่ยวาจาสักคำ

ข้ากล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นเพียงพลทหารธรรมดาคนหนึ่ง ข้ามิมีความจำเป็นต้องใช้ประโยชน์ หรือเอาใจเจ้า หากเจ้ามิใช่ทหารม้ากุ่ยฉีองครักษ์คนสนิทของแม่ทัพถาน ข้าย่อมมิจำเป็นต้องใส่ใจความเป็นความตายของเจ้า

วันวานยามข้าเก็บเจ้ามารับใช้ข้างตัว ข้ามิเคยหยามหมิ่นเจ้า แต่เจ้ากลับเนรคุณ ลอบหลบหนีไป เรื่องนี้ยังพอทำเนา เห็นแก่หน้าแม่ทัพถาน เจ้าจะมีใจภักดีต่อเป่ยฮั่นก็มิใช่เรื่องผิดหนักหนา แม้ข้าจะให้คนออกตามจับแต่ก็มิได้คิดจะจัดการเจ้าเช่นไรจริงๆ

เจ้าโชคดีรอดชีวิตไปได้แล้วก็สมควรรักษาชีวิตให้ดี แต่วันนี้เจ้ากลับเดินทางมาถึงที่นี่ คงมาเพื่อลอบสังหารข้าเช่นกัน แต่เมื่อเห็นว่างานมิสำเร็จ ก็เอาตัวประกันมาข่มขู่บังคับข้า เรื่องเช่นนี้ผู้ใดยังจะทนได้อีก เอาตัวไป ลากเขาไปลงโทษหนัก เฆี่ยนด้วยแส้หนังห้าสิบหน”