ตอนที่ 1599 แขกจากตำหนักมารโลหิต (2) ตอนที่ 1600 แขกจากตำหนักมารโลหิต (3)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1599 แขกจากตำหนักมารโลหิต (2) / ตอนที่ 1600 แขกจากตำหนักมารโลหิต (3)
ตอนที่ 1599 แขกจากตำหนักมารโลหิต (2)

นั่นคือศิษย์คนแรกที่ถูกเชิญออกในประวัติศาสตร์ของสำนักธาราเมฆ!

“ถ้าข้าจำไม่ผิด กู่อิ่งอยู่สาขาพลังวิญญาณใช่หรือไม่ เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการรักษาตั้งแต่เมื่อไร รู้วิธีรักษาคนจริงๆ หรือ” ชายชราตัวเล็กขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

เทียนเจ๋อกล่าวว่า “ตำหนักมารโลหิตอธิบายว่าพวกเขาไม่อยากฝ่าฝืนกฎของสำนักธาราเมฆ แต่ที่กู่อิ่งต้องออกจากสำนักก็เพราะอุบัติเหตุในวันนั้น อย่างไรก็ยังนับว่าเป็นศิษย์ของสำนักธาราเมฆอยู่ การให้เขานำโอสถวิเศษรักษามาให้สวี่มู่ก็ถือว่ายังอยู่ในกฎ”

ตำหนักมารโลหิตไม่ได้โง่เลย พวกเขารู้ว่าไม่มีใครสามารถเปลี่ยนกฎของสำนักธาราเมฆได้ จึงได้คิดหาวิธีการเช่นนี้มา

แต่…

การกลับมาของกู่อิ่งไม่ใช่เรื่องดีเลย

สำนักธาราเมฆยอมให้ศิษย์สู้กันได้และไม่เคยถามอะไรเลย คนส่วนใหญ่แม้ว่าจะขัดแย้งกันอย่างไร ก็ยังลงมืออย่างมีขอบเขต แต่กู่อิ่งไม่เคยรู้ว่าขอบเขตคืออะไร เขาเป็นเครื่องจักรสังหาร ไม่เคยปล่อยให้คู่ต่อสู้มีชีวิตรอดเลยสักครั้ง และเหตุผลที่ลงมือก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ตัวเองล้วนๆ

กู่อิ่งเข้าสำนักธาราเมฆมาได้แค่ปีเดียว ศิษย์จากตำหนักต่างๆ ที่เสียชีวิตด้วยน้ำมือของเขามีจำนวนนับไม่ถ้วน ในปีนั้นตำหนักอื่นๆ ไม่มีคนที่มีพลังร้ายกาจเหนือคนอื่นอย่างพวกของเฉียวฉู่ พลังของกู่อิ่งนั้นโดดเด่นอย่างมาก ต่อให้ตำหนักอื่นร่วมมือกันโจมตี ก็ไม่สามารถเอาชนะวิธีการแบบผีเข้าผีออกและความโหดร้ายของเขาได้

เขาอยากฆ่าก็ฆ่า ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใดมารองรับ

แค่เพราะเขาคิดว่าดวงตาของเด็กสาวคนหนึ่งสวยน่ามอง เขาก็ตัดหัวเด็กสาวคนนั้น ควักลูกตาออกมาและเอาใส่ขวดไว้เพื่อชื่นชมมัน ความกระหายเลือดของเขาทำให้เขาถูกสำนักธาราเมฆเชิญออกโดยใช้ข้ออ้างว่าอนุญาตให้เขาออกเดินทางเป็นเหตุผลในการไล่เขาออกจากสำนักธาราเมฆ

แต่เทียนเจ๋อคิดไม่ถึงว่า หลังจากนั้นไม่กี่ปี กู่อิ่งจะกลับมา!

“ไอ้พวกฉลาดแกมโกง รู้จักใช้กฎมาต่อรอง” ชายชราตัวเล็กยิ้มเหยียด “ช่างเถอะ ให้เขาเข้ามา ข้าอยากเห็นเหมือนกันว่าตำหนักมารโลหิตจะทำให้เกิดระลอกคลื่นอะไรในสำนักธาราเมฆของข้าได้”

“ขอรับ” เทียนเจ๋อรับคำสั่ง

“เอาล่ะ เจ้าเองก็ไสหัวไปได้แล้วไป” อารมณ์ดีๆ ถูกทำลายหมด ชายชราเอาสองมือไพล่หลังและเดินช้าๆ ไปทางห้องทำงานของเขา

เทียนเจ๋อรีบถ่ายทอดคำสั่งของชายชราไปยังคนจากตำหนักมารโลหิต

ไม่กี่วันต่อมา หลินเฮ่าอวี่มาเคาะประตูห้องของกู่ซินเยียน ช่วงนี้ชีวิตเขาเหมือนตกอยู่ในนรก บวกกับการที่กู่ซินเยียนเหินห่างเย็นชากับเขาเพราะเขาแอบไปหาสวี่มู่ หัวใจของสวี่มู่ราวกับมีกองไฟเผาไหม้อยู่ภายใน ทำให้เขาอยากปลดปล่อยไฟกองนั้นออกมาเผาไหม้ทุกสิ่งที่เขาเกลียด

“เจ้ามาทำไม” กู่ซินเยียนเปิดประตูออกมาก็เห็นหลินเฮ่าอวี่ยืนอยู่ นางจึงขมวดคิ้วทันที และปิดประตูโดยไม่รู้ตัว

หลินเฮ่าอวี่รีบยื่นมือไปจับประตูไว้ ไม่ให้นางได้มีโอกาสปิดประตู

“เจ้าต้องการอะไร” กู่ซินเยียนมองหลินเฮ่าอวี่อย่างไม่พอใจ

หลินเฮ่าอวี่ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ซินเยียน เจ้ายังโกรธข้าอยู่หรือ ข้ารู้ว่าข้าผิด ข้าควรฟังที่เจ้าห้าม ไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ยั้งคิด แต่เจ้าจะไม่พูดกับข้าเพราะเรื่องนี้จริงๆ หรือ เจ้าก็รู้สถานการณ์ของตำหนักมารโลหิตในตอนนี้ดี ถ้าเรายังทะเลาะกันเองอยู่แบบนี้ แล้วคนอื่นๆ จะทำอย่างไร”

“เฝ้าดูและเคลื่อนไหวไปตามสถานการณ์เป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้” กู่ซินเยียนไม่สนข้ออ้างนี้

“ข้ามาหาเจ้าวันนี้ ไม่ได้จะมากวนใจเจ้า แต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องบอกเจ้า” หลินเฮ่าอวี่จนปัญญาแล้ว จึงทำได้แค่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ตอนที่ 1600 แขกจากตำหนักมารโลหิต (3)

“เฝ้าดูและเคลื่อนไหวไปตามสถานการณ์เป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้” กู่ซินเยียนไม่สนข้ออ้างนี้

“ข้ามาหาเจ้าวันนี้ ไม่ได้จะมากวนใจเจ้า แต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องบอกเจ้า” หลินเฮ่าอวี่จนปัญญาแล้ว จึงทำได้แค่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เรื่องอะไร” กู่ซินเยียนถามอย่างหงุดหงิด

“กู่อิ่งกำลังมาที่นี่” หลินเฮ่าอวี่พูด

“อะไรนะ” กู่ซินเยียนมีสีหน้าตกตะลึงแฝงไปด้วยความหวาดกลัว

“ท่านจ้าวตำหนักส่งเขามาที่นี่เพื่อนำยามาให้สวี่มู่ และสำนักธาราเมฆตอบตกลงแล้ว” หลินเฮ่าอวี่เห็นกู่ซินเยียนหน้าซีดทันที ในใจเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ทั้งสงสารและดีใจ…

อย่างไรเสียนางก็ยังกลัวคนผู้นั้น

กู่ซินเยียนกัดริมฝีปาก สีหน้าย่ำแย่

หลินเฮ่าอวี่พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงทันที “ซินเยียน เจ้าวางใจเถอะ ตอนนี้กู่อิ่งต่างจากเมื่อก่อนแล้ว เรื่องพวกนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก มีข้าอยู่ด้วย ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาทำร้ายเจ้า”

กู่ซินเยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับความหวาดกลัวในใจลง นางเงยหน้าขึ้นมองหลินเฮ่าอวี่ที่ทำหน้าห่วงใย

“เจ้ามาเพื่อบอกข้าเรื่องนี้ใช่หรือไม่”

“ใช่…” หลินเฮ่าอวี่ประหลาดใจเล็กน้อย

“อย่างนั้นตอนนี้ข้ารู้แล้ว เจ้าก็ไปได้แล้ว” กู่ซินเยียนดันมือของหลินเฮ่าอวี่ออกจากประตู จากนั้นก็ปิดประตู

หลินเฮ่าอวี่ยืนจ้องประตูที่ปิดสนิท ใบหน้าซีดขาวจนเขียว สุดท้ายก็ส่งเสียงหึออกมาอย่างเย็นชาและเดินออกไป

ครึ่งเดือนต่อมา บนยอดเขาฝูเหยา ประตูหน้าของสำนักธาราเมฆก็ได้ต้อนรับแขกพิเศษ

“ถึงแค่ตรงนี้แหละ พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างใน” ที่หน้าประตูสำนักธาราเมฆ เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผู้มีรอยยิ้มสดใสพูดกับคนคุ้มกันที่อยู่ข้างหลัง

“ขอรับ!” คนคุ้มกันหันกลับไปอย่างเชื่อฟัง ทิ้งเด็กหนุ่มให้ยืนอยู่ที่หน้าประตูตามลำพัง

จากนั้นบุรุษร่างสูงคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างช้าๆ ที่ด้านในของประตูสำนักธาราเมฆ

เทียนเจ๋อมองไปที่เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาซึ่งไม่ได้เจอมานานด้วยแววตาเย็นชา สีหน้าไร้ความรู้สึก

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รูปร่างหน้าตาของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่ภายใต้ท่าทางเล่นๆ ไม่จริงจังของเด็กหนุ่มนั้น มีท่าทางที่ทำให้ผู้คนคาดเดาไม่ได้อยู่

“ต้องรบกวนอาจารย์เทียนเจ๋อมารับด้วยตัวเองเช่นนี้ ข้ารู้สึกเหมือนเป็นคนสำคัญขึ้นมาเลย” เด็กหนุ่มหน้าหล่อมองเทียนเจ๋อที่มีสีหน้าเย็นชาด้วยรอยยิ้ม พูดไปยิ้มไปเช่นนี้ ทำให้ผู้คนไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ จากตัวเขาเลย

แต่เทียนเจ๋อไม่ปล่อยให้หน้าตาที่ดูเหมือนไม่อันตรายนี้หลอกเขาได้

“กู่อิ่ง ที่ครั้งนี้เจ้าได้รับอนุญาตให้เข้ามาในสำนักธาราเมฆได้ก็เพราะความจำเป็นของสวี่มู่ พออาการสวี่มู่ดีขึ้นแล้ว เจ้าต้องกลับไปทันที” เสียงของเทียนเจ๋อแข็งกระด้างเล็กน้อย สายตาที่มองอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความระแวง

กู่อิ่งหัวเราะเบาๆ เขาเอียงคอมองเทียนเจ๋อที่ทำหน้าเคร่งขรึมจริงจัง

“ใจร้ายจริงๆ ข้าเองก็เป็นศิษย์ของสำนักธาราเมฆคนหนึ่ง แต่กลับกีดกันไม่ให้ข้าเข้าเช่นนี้ ใจร้ายใจดำเหลือเกิน”

เด็กหนุ่มดูสุภาพเรียบร้อยและมีเสน่ห์ดึงดูดสายตามาก รอยยิ้มสดใสของเขาก็ไม่มีจุดด่างพร้อยใดๆ แต่เทียนเจ๋อรู้ว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลานั้น คือปีศาจที่กระหายเลือดมากขนาดไหน

“ตั้งแต่วันที่เจ้าจากไป เจ้าก็ไม่ใช่ศิษย์ของสำนักธาราเมฆแล้ว การที่ยอมให้เจ้าเข้ามาในสำนักธาราเมฆได้อีกครั้งก็เป็นการอ่อนข้อให้มากแล้ว” เทียนเจ๋อไม่กล้าผ่อนความระมัดระวังลง สำนักธาราเมฆต้องไม่มีปีศาจร้ายเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นอีก!

กู่อิ่งยักไหล่เล็กน้อย

“ไม่มีปัญหา ข้ามาที่นี่เพื่อส่งโอสถวิเศษและแวะเยี่ยมน้องสาวข้าเท่านั้น”