ตอนที่ 1603 ปีศาจ (2) / ตอนที่ 1604 ปีศาจ (3)
ตอนที่ 1603 ปีศาจ (2)
น้ำเสียงเขากลั้วหัวเราะ มุมปากก็ยกขึ้น แต่ดวงตาคู่นั้นไม่มีรอยยิ้มอยู่เลย มีแต่ความกระหายเลือดที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
“ไม่…ไม่…ข้าจำได้” หลินเฮ่าอวี่สั่นไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้
กู่ซินเยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่สามารถพูดอะไรได้
กู่อิ่งหัวเราะออกมาทันทีเมื่อเห็นสีโลหิตบนใบหน้าของหลินเฮ่าอวี่จางหายไปหมด เขาพูดว่า “ไม่ต้องเครียด ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้น เจ้าเป็นหลานชายของผู้อาวุโสหลิน ข้าจะทำร้ายเจ้าได้อย่างไร ดูหน้าเจ้าสิ ดูไม่ได้เลย นั่งลง”
หลินเฮ่าอวี่ยิ้มเฝื่อน ไม่ได้รู้สึกโล่งใจกับคำพูดของกู่อิ่งเลยแม้แต่น้อย เพราะเขารู้แก่ใจดีว่าเมื่อครู่นี้กู่อิ่งไม่ได้ล้อเล่น
“ขอบคุณพี่ใหญ่กู่อิ่ง” หลินเฮ่าอวี่นั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง ในใจเหมือนมีคนกับเทพตีกันอยู่
ต้องเผชิญหน้ากับกู่อิ่ง เขาจะสามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้หรือไม่
ก่อนมา หลินเฮ่าอวี่คิดมาอย่างละเอียดแล้ว แม้ว่ากู่อิ่งจะมีนิสัยแปลกประหลาด แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คือบุตรชายของจ้าวตำหนักมารโลหิต ตอนนี้ตำหนักมารโลหิตตกอยู่ในสภาพน่าอับอายในสำนักธาราเมฆเช่นนี้ ในฐานะที่กู่อิ่งเป็นคนของตำหนักมารโลหิต เขาก็ไม่ควรนั่งดูอยู่เฉยๆ บางที…หลินเฮ่าอวี่อาจจะใช้การปรากฏตัวของกู่อิ่งพลิกสถานการณ์ที่ตำหนักมารโลหิตกำลังเผชิญอยู่ได้
แต่พอกู่อิ่งมาอยู่ตรงหน้า หลินเฮ่าอวี่ก็ไม่กล้ามั่นใจขนาดนั้นแล้ว
ภายในห้องนั้นมีเพียงกู่อิ่งที่ยิ้มอยู่ ส่วนหลินเฮ่าอวี่และกู่ซินเยียนมีสีหน้าย่ำแย่ ทั้งสองไม่พูดอะไรสักคำ
สถานการณ์ที่แปลกประหลาดนี้ทำให้ยากจะเชื่อว่ากู่อิ่งที่นั่งอยู่ตรงหน้าคนทั้งสองมาจากตำหนักเดียวกับพวกเขาจริงๆ
“ที่สำนักธาราเมฆพวกเจ้าเป็นอย่างไรกันบ้าง” กู่อิ่งดูเหมือนไม่ได้สังเกตเห็นความตึงเครียดของทั้งสองคนเลย เขาเอ่ยปากถามทั้งสองคนอย่างนิ่งๆ
กู่ซินเยียนไม่ตอบ แต่หลินเฮ่าอวี่สะดุ้งอยู่ในใจ เขากลัวกู่อิ่ง แต่ช่วงนี้ชีวิตเขาน่าสังเวชมาก เฉียวฉู่ตามรังควานเขาทุกวันโดยไม่มีหยุดพัก ทำให้เขาหมดหนทางแล้ว
ถ้าเขาเลือกไม่บอกกู่อิ่ง วันข้างหน้าของเขาในสำนักธาราเมฆคงไม่มีทางดีขึ้นไปกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้แน่
หลังจากดิ้นรนอยู่ในใจพักหนึ่ง หลินเฮ่าอวี่ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เตรียมที่จะเปิดปากพูด แต่พอเขากำลังจะพูด เขาก็เห็นกู่ซินเยียนจ้องเขาอยู่พร้อมคำเตือนในแววตาของนาง
ในดวงตาที่เป็นประกายคู่นั้นเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมอย่างชัดเจน
นางไม่อยากให้เขาพูดอะไรทั้งนั้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้ากู่อิ่ง
ตอนแรกหลินเฮ่าอวี่ยังลังเลอยู่บ้าง แต่พอเขาเห็นสายตาของกู่ซินเยียน เขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีจากก้นบึ้งของหัวใจ
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว กู่ซินเยียนยังคิดจะปกป้องไอ้เวรนั่นอยู่อีก! ความกลัวกู่อิ่งถูกแทนที่ด้วยความโกรธทันที เขาไม่สนใจกู่ซินเยียนและพูดออกมาว่า
“พี่ใหญ่กู่อิ่ง ท่านรู้หรือไม่ว่างานชุมนุมเทพยุทธ์ปีนี้มีผู้เยาว์จากเผ่าจ้าววิญญาณปรากฏตัวขึ้นมาคนหนึ่ง”
กู่อิ่งเลิกคิ้ว
“เผ่าจ้าววิญญาณ ไม่เคยได้ยิน”
หลินเฮ่าอวี่พูดว่า “ผู้เยาว์จากเผ่าจ้าววิญญาณคนนั้นมีความสามารถในการเสริมวิญญาณ เป็นสิ่งที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นทักษะที่ฝังความสามารถพิเศษไว้บนร่างวิญญาณ ความสามารถนั้นทำให้สิบสองตำหนักแย่งชิงตัวเขากันอย่างบ้าคลั่ง แต่เขาปฏิเสธคำเชิญจากสิบสองตำหนักทั้งหมดและไปเข้าร่วมตำหนักหยกวิญญาณแทน”
“ตำหนักหยกวิญญาณ” กู่อิ่งหัวเราะเบาๆ “มดแมลงพวกนั้นยังไม่ตายอีกหรือ”
ตอนที่ 1604 ปีศาจ (3)
หลินเฮ่าอวี่แอบปาดเหงื่อและรวบรวมความกล้าเล่าให้กู่อิ่งฟังถึงความไม่ยุติธรรมทั้งหมดที่พวกเขาได้รับในสำนักธาราเมฆ ตลอดการเล่าเรื่อง เขาเอ่ยถึงจวินอู๋ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ ทำให้ฟังดูเหมือนว่าสภาพอันน่าอับอายของตำหนักมารโลหิตทั้งหมดเป็นเพราะจวินอู๋ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำเกี่ยวกับเรื่องที่เขาวางแผนจัดฉากจวินอู๋และพยายามทำให้จวินอู๋ยอมจำนนต่อพวกเขา
ยิ่งกู่ซินเยียนได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง นางอยากจะอ้าปากพูดอยู่หลายครั้ง แต่สายตาของกู่อิ่งทำให้นางกลัวจนไม่กล้าพูด
เมื่อหลินเฮ่าอวี่พูดจบ ใบหน้าของกู่อิ่งก็ยังมีรอยยิ้มที่ไม่อาจเข้าใจได้เหมือนเดิม ไม่รู้เลยว่าเขากำลังดีใจหรือโกรธ
“เด็กจากเผ่าจ้าววิญญาณนั่นฟังดูเหมือนจะเก่งพอตัว ด้วยกำลังของคนเพียงคนเดียว สามารถยุยงให้คนจากตำหนักอื่นทุกคนหันมาเล่นงานพวกเจ้าได้” กู่อิ่งพูดยิ้มๆ ดวงตาของเขามองตรงไปที่หลินเฮ่าอวี่ ทำให้หลินเฮ่าอวี่ขนลุกเกรียวที่ด้านหลัง
หลินเฮ่าอวี่กลืนน้ำลายเสียงดังและพูดว่า “ใช่ ปกติจวินอู๋ดูเหมือนเงียบๆ ไม่พูดไม่จา แต่พอพูดทีก็สามารถบิดเบือนความจริงกลับขาวเป็นดำได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
เมื่อกู่อิ่งได้ยินคำว่า ‘จวินอู๋’ ดวงตาของเขาก็ส่องประกายทันที
“จวินอู๋ เจ้าบอกว่าคนจากเผ่าจ้าววิญญาณนั่นชื่อจวินอู๋หรือ”
“ใช่…ใช่แล้ว” หลินเฮ่าอวี่พูดพลางกลืนน้ำลาย
“แซ่จวินอีกแล้ว…” กู่อิ่งลูบคาง แววตาของเขาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
หลินเฮ่าอวี่ไม่กล้าพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว
“จวินอู๋นั่นมีลักษณะแบบไหน” กู่อิ่งถามอีกครั้ง
หลินเฮ่าอวี่พูดว่า “ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แค่ตัวเล็กๆ ผอมๆ ทำหน้าเย็นชาทั้งวัน แล้วก็พักอยู่ห้องตรงข้ามกับซินเยียน”
ในหัวของกู่อิ่ง มีภาพของเด็กหนุ่มที่เขาเห็นตรงทางเดินก่อนจะเข้าห้องปรากฏขึ้น
เด็กหนุ่มคนนั้นค่อนข้างคล้ายกับคนในความทรงจำของเขา แต่ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงอีกด้วย
คนในความทรงจำของเขาก็ตัวเล็กเหมือนกัน แต่เล็กกว่าจวินอู๋อยู่หนึ่งส่วน และที่สำคัญที่สุดก็คือ พลังของคนผู้นั้นไม่ต่ำต้อยเท่าจวินอู๋ที่หลินเฮ่าอวี่พูดถึง กล่าวได้ว่าจวินอู๋แตกต่างจากคนคนนั้นอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่เหมือนกันระหว่างคนทั้งสองก็คือดวงตาเท่านั้น
ทั้งความใสกระจ่างและความเย็นชา เมื่ออยู่บนใบหน้าที่ดูธรรมดามากนั้น ทำให้มันยิ่งดูสวยมากขึ้น
และพวกเขายังแซ่ ‘จวิน’ ทั้งคู่!
เป็นแค่เรื่องบังเอิญ หรืออะไรกันแน่ กู่อิ่งรู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก
“พี่ใหญ่กู่อิ่ง…ตำหนักมารโลหิตของเราถูกจวินอู๋ทำถึงขนาดนี้ มันช่าง…” หลินเฮ่าอวี่ไม่สามารถรู้ได้ว่ากู่อิ่งคิดอะไรอยู่ เขารวบรวมความกล้าพูดออกไปขนาดนี้แล้ว ถ้ากู่อิ่งยังไม่ตอบสนอง เขาก็เครียดแล้วล่ะคราวนี้
กู่อิ่งได้สติกลับมา เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ามาครั้งนี้ก็เพื่อนำยามาให้สวี่มู่ แม้ว่าข้าจะเคยเป็นศิษย์ของสำนักธาราเมฆ แต่ดูเหมือนสำนักธาราเมฆจะไม่ต้อนรับข้า เกรงว่าเรื่องนี้พวกเจ้าต้องจัดการกันเองแล้ว”
คำพูดของกู่อิ่งทำให้หลินเฮ่าอวี่อึ้งไปครู่หนึ่ง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีวันที่กู่อิ่งยอมทำตามคำสั่งของคนอื่นและปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด นี่มันแตกต่างจากกู่อิ่งที่เขาจำได้อย่างสิ้นเชิง ปีศาจร้ายที่มองทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเป็นเหมือนกับขยะ!
หลินเฮ่าอวี่รู้สึกผิดหวัง แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร
กู่ซินเยียนลอบมองไปที่กู่อิ่งซึ่งกำลังยิ้มแย้ม
หลินเฮ่าอวี่ไม่ได้รู้จักกู่อิ่งเลย แต่นางรู้จักกู่อิ่งดี
นางรู้ดีว่าคำพูดของกู่อิ่งเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน