บทที่ 792 ความจริงและโน้มน้าวไม่ได้

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 792 ความจริงและโน้มน้าวไม่ได้

บทที่ 792 ความจริงและโน้มน้าวไม่ได้

เสี่ยวเถียนมองถังหมิ่นหมิ่นสลับอิ่นหรูอวิ๋นด้วยความสับสน และนึกแปลกใจว่าทำไมทั้งสองถึงทะเลาะกัน ในเมื่อไม่ได้เสียผลประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ แล้วพวกเธอจะเถียงกันไปทำไม

อิ่นหรูอวิ๋นรู้สึกไม่ต่างกัน ตามหลักแล้วถังหมิ่นหมิ่นควรเกลียดซูเสี่ยวเถียนเข้าไส้สิ แล้วทำไมคนมากพรสวรรค์แบบนั้นถึงยอมโดนกดหัวได้ล่ะ การที่เธอทำแบบนี้มันคือการช่วยนะ โง่หรือเปล่าเนี่ย หรือถังหมิ่นหมิ่นไม่ยินดีที่ซูเสี่ยวเถียนไม่ได้รับการคัดเลือก?

ถ้างั้นทำไมถึงไม่ตามเพื่อนคนอื่นไปขอคำอธิบายจากทางมหาวิทยาลัยเสียล่ะ เธอไม่เข้าใจสักนิด แต่ด้วยนิสัยความผิดคนอื่นเท่าภูเขา ความผิดตัวเราเท่าเส้นผม ไม่ได้มีแค่อิ่นหรูอวิ๋น เพราะถังหมิ่นหมิ่นก็มีเหมือนกัน

“หมิ่นหมิ่น ฉันเคยทำให้เธอไม่พอใจเหรอ? ถ้าฉันทำอะไรไม่ดีลงไปก็มาคุยกันดี ๆ สิ”

“ที่ฉันทำก็ทำเพื่อเธอนะ เธอเก่งขนาดนี้ทำไมถึงไม่ได้เป็นหัวหน้าของคณะเราล่ะ? มันจะต้องดีกว่าตอนนี้แน่นอนเลย!”

“หมิ่นหมิ่น เธอน่าจะรู้ว่าฉันอยู่ข้างเธอเสมอ!”

อิ่นหรูอวิ๋นรู้จักพูดจริง ๆ และมันทำให้ฝ่ายนั้นเกือบหลงเชื่อแล้วว่าเป็นจริงอย่างที่ว่า แต่โชคดีที่ตัวเธอมีความั่นใจในตัวเองสูง รู้ขอบเขตดี และรู้จักตัวเองมากด้วย

เรื่องที่เธอเก่งมันคือเรื่องจริงอยู่แล้ว แต่ที่จริงกว่าคือเธอด้อยกว่าซูเสี่ยวเถียน ถ้าได้เป็นหัวหน้าจริง ๆ คงไม่สามารถทำได้ดีไปกว่านี้หรอก

“อิ่นหรูอวิ๋น หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว เธอรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าตัวเองทำอะไรไว้”

ถังหมิ่นหมิ่นไม่ได้ปากหวานเท่าอิ่นหรูอวิ๋น เลยพูดขัดกลับไปทั้งหมด

“ซูเสี่ยวเถียน ตอนนี้เพื่อน ๆ คิดว่าทางมหาวิทยาลัยปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมต่อเธอ ก็เลยจะไปคุยกับทางนั้นน่ะ”

เธอไม่คิดหรอกว่าเด็กคนนี้แสร้งไม่รู้เรื่อง

ถ้ามองในมุมเสี่ยนเถียน เธอคงไม่ดีใจเหมือนกัน เป็นเรื่องปกติที่จะไม่ได้สนใจฟังสิ่งที่คนอื่นพูด

เสี่ยวเถียนตกใจมาก ก่อนจะรีบวิ่งตามออกไป

อิ่นหรูอวิ๋นไม่รู้ว่ามีความสุขหรือไม่มีกันแน่

จากนั้นก็เดินเชื่องช้ากลับไปนั่งที่

แล้วพร่ำบ่นในใจที่ถังหมิ่นหมิ่นแส่ไม่เข้าเรื่อง

เสี่ยวเถียนวิ่งไวมาก ไม่กี่นาทีต่อมาก็ไล่ตามเพื่อน ๆ ทันที่ชั้นล่างของตึก

คณะภาษาจีนเดินยกโขยงอย่างเอิกเกริก สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนบนทางเดินเป็นอย่างมาก จากนั้นก็เห็นหัวหน้าตัวน้อยวิ่งไล่ตาม มันจึงยิ่งทำให้พวกเขาสนใจมากขึ้น

ไม่นานก็มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่ว

บางคนบอกว่าซูเสี่ยวเถียนไม่ใช่หัวหน้าที่ดี เพื่อน ๆ ก็เลยไม่ต้องการเธออีกต่อไป

บางคนว่าซูเสี่ยวเถียนเอาแต่อวดเบ่งจนเพื่อน ๆ ไม่พอใจ

ไม่ว่าจะเรื่องราวแบบไหนก็ล้วนไม่ใช่เรื่องดีทั้งสิ้น

หลังจากไล่ตามทัน เธอก็รีบเอาตัวไปขวางพวกเขาเอาไว้

“จะเข้าคาบเรียนแล้วนะ ทุกคนรีบกลับไปที่ห้องเถอะ วิชานี้เป็นของอาจารย์เซี่ยหนานด้วย พวกเธออยากโดนหักคะแนนเหรอ?”

เสี่ยวเถียนนึกภาพใบหน้าไร้รอยยิ้มของอาจารย์ ถ้าตนเองเป็นอาจารย์ก็คงรู้สึกไม่ต่างกันนักศึกษาของตัวเองอยู่กระจัดกระจายแบบนี้ คงโมโหน่าดู

เผลอ ๆ คิดว่าพวกเราตั้งใจด้วยซ้ำ

บางทีอาจจะโดนหักคะแนนยกชั้นเลยก็ได้

“หัวหน้า เรากำลังจะไปขอคำอธิบายจากทางมหาลัยน่ะ” ฉางจงหยวนกล่าวอย่างแน่วแน่

“พูดอะไรกันเนี่ย มันจะวุ่นวายเอานะ ไม่ได้เข้าร่วมก็ไม่ต้องไปแค่นั้นเอง!” เสี่ยวเถียนรีบบอก “อันที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากไปอยู่แล้วละ!”

คนอื่น ๆ ไม่เชื่อ

บนโลกใบนี้มันมีใครไม่อยากเข้าร่วมเดินขบวนทหารในวันชาติด้วยเหรอ? ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เป็นไปไม่ได้

“หัวหน้า เธอเก่งที่สุดในคณะเลยนะ แล้วมหาวิทยาลัยเลือกคนจากคณะเราไป 20 คน แต่ไม่มีเธอเนี่ยนะ ขนาด…”

ฉางจงหยวนอยากจะพูดว่า ขนาดคนอย่างอิ่นหรูอวิ๋นสภาพแบบนั้นยังได้ไปเลย แล้วหัวหน้าที่โดดเด่นกว่าทำไมถึงไม่ได้รับเลือก? แต่นึก ๆ ดูว่าอิ่นหรูอวิ๋นก็เป็นเพื่อนร่วมคณะ เลยกลืนคำพูดลงไป

“ถ้างั้นก็รอเลิกเรียนก่อนสิ ไปโดยพลการแบบนี้ได้คิดถึงผลที่ตามมาหรือเปล่า?

เสี่ยวเถียนรู้ว่าถ้าพูดชักชวนเฉย ๆ คงไม่ได้ผล จึงอ้างเรื่องเรียนขึ้นมาแล้วชวนทุกคนกลับห้องเรียน

เสียงกริ่งเริ่มเรียนดังขึ้นแล้วด้วย ถ้าไม่รีบกลับไปได้เกิดเรื่องขึ้นแน่ ๆ

เด็กหญิงเหงื่อตก

เมื่อเห็นว่าซูเสี่ยวเถียนกำลังรีบ ฉางจงหยวนก็ขยับโดยคิดว่าเขาควรฟังเด็กหญิงตัวน้อย และไปจัดการเรื่องนี้หลังเลิกเรียนแทน

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้จ้าวหงเหมยปรากฏตัวขึ้น

“หัวหน้า งั้นเราขอลาวิชานี้แล้วกัน!”

ถูกต้อง มหาวิทยาลัยไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าลาไม่ได้ เราก็ขอลาไปสิ!

เสี่ยวเถียนจ้องเขม็ง

นี่มันไม่ยุ่งยากกว่าเดิมเรอะ ถึงจะรู้ว่าเพื่อน ๆ ทำเพื่อเธอ แต่ตอนนี้เรากลับไปเรียนก่อนจะดีกว่าไหม ค่อยแก้ปัญหาทีหลังก็ได้

แต่จ้าวหงเหมยไม่ได้สนใจสายตาคู่นั้นสักนิด ด้วยนิสัยของเธอ ต่อให้วันนี้คนที่โดนเอาเปรียบไม่ใช่เสี่ยวเถียนก็ยังยืนกรานจะช่วยอยู่ดี

หลังจากเธอว่าจบทุกคนก็เอ่ยสนับสนุน

“ทุกคนใจเย็น ๆ ก่อนนะ ฉันเชื่อว่าทางมหาลัยได้ตัดสินใจหลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ทุกคนอย่างเพิ่งโมโหจนต้องผลักเรื่องเรียนออกไปก่อนเลยนะ การสอบเข้ามาที่นี่มันง่ายที่ไหนกันล่ะ?

เสี่ยวเถียนกลัวมาก กลัวว่าจะโน้มน้าวใจเพื่อนไม่ได้

ฝั่งเซี่ยหนานรีบสับเท้าเดินไปยังตึกเรียนพร้อมหอบหนังสือกองใหญ่ไว้ในอ้อมแขน วันนี้เธอมีงานเลยเข้าสอนสาย และตอนนี้ก็มาถึงที่ด้านล่างของอาคารแล้ว

เธอเป็นคนเข้มงวดทั้งต่อตัวเองและต่อผู้อื่นมาก! ทั้งมีความคาดหวังในนักเรียนและตัวเองสูง ระหว่างเดินยังนึกอยู่ว่าจะขอโทษพวกเขายังไงดี ก่อนจะอธิบายเหตุผลให้ฟัง

ทว่าขณะเดินขึ้นตึก สายตาพลันเหลือบไปเห็นนักศึกษากลุ่มหนึ่งยืนรวมตัวกันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จริง ๆ เธอไม่ได้สนใจแต่แรกด้วยซ้ำ เพราะเป็นเด็กในมหาวิทยาลัย เราไม่สามารถบังคับเหมือนมัธยมได้อีกแล้ว

และตอนนั้นเองที่เห็นซูเสี่ยวเถียน

เด็กคนนั้นเป็นหัวหน้าคณะห้องที่เธอกำลังจะไปสอนไม่ใช่หรือ แล้วคนอื่น ๆ มาจากคณะเดียวกันหรือเปล่า

เซี่ยหนานขมวดคิ้ว

คาบเรียนเริ่มแล้วนะ แล้วทำไมนักศึกษาถึงไม่เข้าห้องเรียน มายืนทำอะไรอยู่ข้างนอก?