บทที่ 647-2 พ่อลูก (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 647 พ่อลูก (2)

ฟ้าสาง กู้เจียว กู้เสี่ยวซุ่น และกู้เหยี่ยนก็เริ่มเตรียมตัวออกเดินทาง

ร่างกายของกู้เหยี่ยนอ่อนแอเกินกว่าจะเดินเหินได้ อาจารย์หลู่จึงทำรถเข็นให้เขา

เขาอาสานั่งรถพาทั้งสามคนไปส่งที่สำนักบัณฑิตเทียนฉงด้วยตัวเอง

อาจารย์อู่นำทุกคนเดินทางออกจากสำนักบัณฑิต ส่วนมู่ชิงเฉินและมู่ชวนไม่ได้ร่วมเดินทางกับพวกเขา เพราะเมื่อคืนพวกเขากลับเข้าไปในเมือง และจะไปเจอกับทุกคนที่สำนักบัณฑิตหลิงโป

เจ้าสำนักเสินและอาจารย์อู่ต่างไม่มีความเห็นอะไรที่กู้เจียวจะพากู้เหยี่ยนไปด้วย

ทุกคนพากันขึ้นรถม้ามุ่งหน้าเข้าไปในเมือง

ตัดภาพมาที่ตำหนักกั๋วกงอัน ใต้เท้ารองจิ่งก็กำลังเข็นรถเข็นเตรียมพาพี่ใหญ่ของเขาเดินทางออกไปข้างนอก

“นี่! นี่ท่านคิดจะทำอะไรน่ะ” ฮูหยินรองหยุดพวกเขาไว้

ใต้เท้ารองจิ่งหันไปทางพี่ใหญ่ที่นั่งอยู่บนรถเข็น ก่อนจะหันมาตอบคำถามของฮูหยินรอง “วันนี้ในเมืองมีแข่งตีคลี ข้าก็จะพาพี่ใหญ่ไปดูการแข่งขันน่ะสิ”

“พี่ใหญ่อาการหนักขนาดนี้ยังจะพาเขาไปข้างนอกอีก” ฮูหยินรองรีบแย้ง

ใต้เท้าจิ่งโต้กลับด้วยท่าทีจริงจัง “พี่ใหญ่อาการดีขึ้นมากแล้ว เมื่อวานข้าเห็นเขาลืมตาขึ้นได้ด้วยล่ะ!”

ฮูหยินรองถลึงตาใส่ “พี่ใหญ่ลืมตาได้แล้วจริงๆ หรือ”

พี่ใหญ่ลืมตาได้แล้วก็จริง แต่ก็ได้แค่นั้น ไม่มีการหลับตา พูดอะไรไปก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ เกรงว่าจะเป็นอาการเปลือกตาค้างมากกว่าเสียกระมัง

ฮูหยินรองแค่นหัวเราะ “ท่านอยากออกไปดูการแข่งขันเองมากกว่าละสิ! ไม่ต้องเอาพี่ใหญ่มาเป็นข้ออ้างหรอก!”

ใต้เท้ารองจิ่งกระแอมแก้เขินหนึ่งที “อะแฮ่ม! ข้าก็แค่ไม่อยากให้พี่ใหญ่อยู่ที่เรือนตามลำพัง เดี๋ยวนี้ชอบมีพวกมือสังหารจ้องทำร้ายพี่ใหญ่ ต้องให้พี่ใหญ่อยู่ในสายตาตลอดข้าถึงจะวางใจได้ อีกอย่าง หมอหลวงก็กำชับว่าควรพาพี่ใหญ่ออกมารับแดดรับลมสูดอากาศข้างนอกบ้าง!”

“จะไปดูการแข่ง หรือจะไปส่องสาวๆ ของสำนักบัณฑิตชังหลันกันแน่” ฮูหยินรองเสียดสี

ใต้เท้ารองจิ่งโต้กลับทันควัน “ข้าก็ต้องไปดูการแข่งอยู่แล้วสิ!”

แล้วก็แวะไป…ดูสาวๆ ด้วย

ฮูหยินรองขมวดคิ้วบ่นอุบอิบ “แต่วันนี้ข้าออกไปไหนไม่ได้เลยเพราะติดธุระที่จวน”

ดีแล้วที่เจ้าออกมาไม่ได้

ถ้าเจ้าไปด้วย ข้าก็ไปส่องสาวๆ ไม่ได้น่ะสิ

“เช่นนั้น เจ้าจัดการงานของเจ้าเถิด เสร็จงานแล้วค่อยตามมาก็ได้ ประเดี๋ยวข้าเว้นที่นั่งไว้ให้!”

ฮูหยินรองถลึงตาใส่ใต้เท้ารองจิ่ง

และแล้ว ใต้เท้ารองก็เดินออกไปพร้อมกับเข็นรถให้พี่ใหญ่ด้วยความรื่นเริงดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ฮูหยินรองเรียกบ่าวให้เข้ามาพร้อมกับสั่ง “เจ้าไปดูแลใต้เท้ารองด้วย จับตามองเขาให้ดี อย่าให้เขาออกไป…ก่อเรื่อง!”

“ขอรับฮูหยิน!” บ่าวน้อมรับคำสั่ง

สำนักบัณฑิตหลิงพอประกาศหยุดเรียนเนื่องจากมีการใช้สถานที่สำหรับการแข่ง ขณะที่สำนักบัณฑิตชังหลันแม้จะไม่ได้หยุดเรียน แต่มีการจัดให้บัณฑิตทบทวนบทเรียนด้วยตนเอง และบัณฑิตส่วนใหญ่ต่างก็มุ่งหน้าไปที่สำนักบัณฑิตหลิงโปเพื่อดูการแข่งขัน

สำนักบัณฑิตหลิงโปจะมีสนามขนาดใหญ่ เพรียบพร้อมทั้งอัฒจันทร์ที่ตั้งอยู่ทั้งสองด้านของสนามซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ในมุมกว้าง

“ข้าจะไปดูการแข่งขันตีคลี!”

ณ หอพักหลิงหลง จิ้งคงกำลังโต้เถียงกับพี่เขยตัวแสบที่อยากให้เขาอ่านหนังสือ

“ไม่ไป” เซียวเหิงเอ่ย

เสี่ยวจิ้งคงได้ยินดังนั้นก็ยิ่งเดือดจัด “เจ้าเป็นพี่เขยชั้นเลวจริงๆ ! ขนาดการแข่งขันตีคลีก็ยังไม่ยอมพาข้าไปดู!”

เซียวเหิงได้แต่ตอบกลับอย่างเรียบเฉย “ที่นั่นคนเยอะ เจ้ายังเด็ก ถูกเหยียบไปก็ไม่มีใครรู้หรอก”

“ข้าตัวสูงขึ้นแล้วนะ! ข้าไม่ใช่เด็กๆ แล้ว! ข้า ข้า ข้า…ข้าสูงขนาดนี้เชียวนะ!” เสี่ยวจิ้งคงยืนเขย่งเท้าและพยายามขยับศีรษะขึ้นไป

เซียวเหิงเหลือบมองเจ้าตัวเล็กหนึ่งที ก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือในมือต่อ

เสี่ยวจิ้งคงเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ

จนอยากจะหนีออกไปเป็นครั้งที่สอง!

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

เสียงเคาะประตูดังขึ้นในทันใด

“ใครรึ” เสี่ยวจิ้งคงถาม

เพราะว่าพี่เขยตัวแสบทำเสียงเลียนแบบผู้หญิงไม่ได้ เลยต้องอยู่ในสภาพคนเป็นใบ้

เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าประตูยิ้มให้จิ้งคงหนึ่งทีพลางเอ่ยถาม “จิ้งคงเองรึ พี่สาวของเจ้าล่ะ ข้าจะมาชวนไปดูการแข่งขันตีคลีที่สำนักบัณฑิตเพื่อนบ้านของพวกเรา ไปไหม”

เสี่ยวจิ้งคงหันไปมองเซียวเหิงราวกับเห็นผี “มีคนมาเชิญเจ้าไปดูแข่งด้วยล่ะ”

คนอย่างพี่เขยตัวแสบเนี่ยนะมีเพื่อนกับเขาด้วย!

กระนั้น เซียวเหิงยังคงนั่งนิ่ง

เสี่ยวจิ้งคงรู้สึกใกล้เป็นบ้าเข้าไปทุกที!

จะหยิ่งอะไรหนักหนา! มีคนยอมเป็นเพื่อนกับพี่เขยตัวแสบก็นับว่าบุญแค่ไหน

เสี่ยวจิ้งคงพ่นลมหายใจหนึ่งที “ถ้าเจ้าไม่ไป เช่นนั้นข้าไปนะ!”

เซียวเหิงไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง “เฮอะ”

เสี่ยวจิ้งคงละทิ้งพี่เขยตัวแสบอย่างไม่ใยดี เดินไปที่ประตู มองดูเด็กสาวสามคนที่อยู่หน้าห้องด้วยท่าทียิ้มแย้ม “พี่สาวของข้าไม่ไปกับพวกท่านนะ ข้าจะไปกับพวกท่านเอง!”

เด็กสาวทั้งสามทำหน้าเหวอ

“เอ่อ คงไม่ได้กระมัง…พวกเราจะกล้าพาเจ้าออกไปโดยไม่ได้รับความยินยอมจากพี่สาวของเจ้าก่อนได้ยังไง” เด็กสาวที่เอ่ยชวนเมื่อครู่แย้งขึ้น

ที่จริง พวกนางไม่ได้มาเชิญเซียวเหิงเพราะอยากผูกมิตรด้วย แต่เป็นเพราะพวกนางอยากได้ที่นั่งดีๆ ต่างหาก

พวกท่านชายจากตระกูลชนชั้นสูงเหล่านั้นได้จองที่นั่งที่ดีที่สุด เพื่อหวังว่าสาวงามอันดับหนึ่งแห่งชังหลันจะให้เกียรติเข้าไปนั่งด้วยกัน!

พวกนางทั้งสามยังคงไม่ยอมแพ้ หนึ่งในเด็กสาวนึกอะไรขึ้นได้ จึงเอ่ยออกไป เผื่อว่าจะโน้มน้าวใจเซียวเหิงได้ “ข้าได้ยินมาว่าบัณฑิตของสำนักบัณฑิตเทียนฉงก็เข้าร่วมด้วย ท่านชายชิงเฉินได้ลงสนามด้วยล่ะ เจ้าจะไม่ไปดูหน่อยหรือ”

ได้ยินดังนั้น มือที่กำลังเปิดหน้าหนังสือของเซียวเหิงเป็นอันนิ่งชะงักลงในทันที

หนึ่งชั่วยามต่อมา สาวงามอันดับหนึ่งแห่งสำนักบัณฑิตสตรีชังหลันสวมผ้าคลุมหน้าพร้อมกับจูงมือเด็กน้อยผิวดำเข้ามายังสนามแข่งคลีม้า

ทหารยามจำนวนมากต่างพากันมารุมที่นาง!

“แม่นางกู้! ท่านชายของข้าน้อยได้เตรียมที่นั่งไว้ให้แล้ว เชิญตามข้าน้อยมาด้วยขอรับ!”

“แม่นางกู้! ท่านชายของข้าน้อยก็เตรียมที่นั่งไว้ให้แล้วเช่นกันขอรับ เชิญตามมาเลย!”

“แม่นางกู้!”

“แม่นางกู้!”

เซียวเหิงแสดงกระดาษแผ่นหนึ่งให้พวกเขา “อัฒจันทร์ของสำนักบัณฑิตเทียนฉงอยู่ที่ไหน”

จู่ๆ มีทหารยามในชุดหรูรีบยกมือขึ้นพร้อมตะโกน “ทางนี้ขอรับ! ท่านชายของข้าน้อยจองที่นั่งติดกับที่นั่งของสำนักบัณฑิตเทียนฉงไว้แล้วขอรับ!”