ตอนที่ 1611 คลั่งไคล้โอสถวิเศษ (1) / ตอนที่ 1612 คลั่งไคล้โอสถวิเศษ (2)
ตอนที่ 1611 คลั่งไคล้โอสถวิเศษ (1)
แสงตะวันยามเย็นอาบไล้ใบหน้าอันหล่อเหลาของกู่อิ่ง รอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากกดลึกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยจิตสังหารแทนที่รอยยิ้มอ่อนโยนที่มีอยู่เดิม ภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง มันดูแปลกประหลาดเล็กน้อย
ทันใดนั้น เงาดำร่างหนึ่งก็กระโจนเข้ามาที่ด้านข้างของกู่อิ่ง
“คุณชาย”
กู่อิ่งหันไปมองบุรุษชุดดำคนนั้น
“พวกตาแก่ในสำนักธาราเมฆคอยระวังข้าอยู่ ถ้าเราจะหาสิ่งนั้น ดูเหมือนพวกเจ้าจะต้องออกโรงแล้ว” รอยยิ้มของกู่อิ่งแฝงความกระหายเลือดแบบเดียวกับที่จวินอู๋เสียคุ้นเคย ต่างกับตอนที่อยู่ในสำนักธาราเมฆเป็นคนละคนเลย
“คุณชายหมายความว่า” บุรุษชุดดำถามอย่างระวัง
“การที่สำนักธาราเมฆสามารถนั่งอยู่ท่ามกลางสิบสองตำหนักและเก้าวังได้ และยังมีกลุ่มอำนาจมากมายที่คอยระวังพวกเขาอยู่ตลอดเวลา มันจะต้องมีเหตุผลอยู่แน่ ไอ้แก่นั่นไม่ยอมบอกอะไรมากนัก ถ้าพวกเจ้าจะตรวจสอบเรื่องนี้ก็ต้องระวังให้ดี อย่าให้ถูกจับได้” กู่อิ่งพูดเบาๆ พลางเอาสองมือไพล่หลัง เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตอนค้นหาสิ่งนั้นก็ช่วยข้าตรวจสอบคนคนหนึ่งด้วย”
“ใครขอรับ”
“จวินอู๋ที่พักอยู่ห้องตรงข้ามกู่ซินเยียน” ซูหย่าปกป้องจวินอู๋ดีเกินไป เขาพยายามเบี่ยงประเด็นไปที่จวินอู๋หลายครั้ง ให้ชื่อของจวินอู๋ถูกพูดถึง แต่ซูหย่าก็ขวางไว้ได้หมด จวินอู๋ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำตั้งแต่ต้นยันจบ ทำให้เขาไม่สามารถระบุข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากเรื่องนี้ได้เลย
ไม่รู้ทำไม ในใจของกู่อิ่งถึงได้มีลางสังหรณ์ที่รุนแรงมากว่าจวินอู๋คนนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับจวินเสียแน่ๆ
ดวงตาคู่นั้น เหมือนกันเกินไป
“เช่นนั้นต้องการให้ข้าฆ่าเขาหรือไม่ขอรับ” บุรุษชุดดำพูดอย่างเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยจิตสังหารรุนแรง
แต่กู่อิ่งกลับส่ายหน้า “เจ้าแค่ต้องบังคับให้เขาเรียกภูติวิญญาณออกมาเท่านั้น ไม่ต้องฆ่า”
เขาอยากลิ้มรสของอร่อยด้วยตัวเอง
“แน่นอนว่าบาดเจ็บสาหัสได้ ข้าไม่สน” ในคำพูดที่กล่าวด้วยรอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยเจตนาชั่วร้ายที่น่ากลัวยิ่งนัก
“ขอรับคุณชาย” บุรุษชุดดำรับคำสั่งทันที
กู่อิ่งพยักหน้าอย่างพอใจพร้อมกับยิ้มอย่างร้ายกาจ เขาเดินช้าๆ ลงไปยังเชิงเขาฝูเหยา ขณะที่ในป่าทึบด้านหลังมีเงาดำหลายสิบร่างเคลื่อนที่ผ่านป่าไปอย่างรวดเร็ว
บนภูเขาฝูเหยาที่เงียบสงัด ทุกอย่างดำเนินไปอย่างไร้เสียง
หลังจากส่งกู่อิ่งออกจากสำนักธาราเมฆ เทียนเจ๋อก็ไปที่ห้องทำงานของชายชราตัวเล็กทันที แต่หาจนทั่วห้องก็ไม่พบแม้แต่เงาของชายชรา ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เขาก็ได้กลิ่นหอมจางๆ ของสมุนไพร
สังหรณ์ร้ายผุดขึ้นในใจของเทียนเจ๋อ เขาเดินตามกลิ่นนั้นผ่านลานอันเงียบสงบ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องด้านหลังลาน
ห้องเล็กๆ นี้ถูกซ่อนไว้อย่างดี มันตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของที่พักอาจารย์ใหญ่สำนักธาราเมฆ มีต้นสนซึ่งเขียวชอุ่มตลอดปีล้อมรอบ ชั้นวางของที่อยู่นอกห้องเต็มไปด้วยหมวกไม้ไผ่วางเรียงราย หมวกไม้ไผ่ที่วางอยู่บนชั้นเหล่านั้นถูกพลิกกลับด้านและใส่สมุนไพรหลากหลายชนิดเอาไว้
ในโลกนี้คนที่ใช้หมวกไม้ไผ่ใส่สมุนไพรทุกชนิดนั้นหายากจริงๆ
ประตูห้องเล็กนั้นปิดสนิท แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสมุนไพรยังคงโชยออกมาจากข้างใน
เทียนเจ๋อรู้สึกได้ทันทีว่าเปลือกตาของเขากระตุกอย่างรุนแรง เขาพุ่งเข้าไปราวสายฟ้า ตรงที่ประตูและผลักมันเปิดออกทันที!
“อาจารย์! เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือว่าท่านปรุงโอสถวิเศษได้แค่หนึ่งวันต่อเดือน ถ้าท่านเกิดเผาบ้านอีกรอบจะทำอย่างไร!” ทันทีที่เทียนเจ๋อผลักประตูเข้าไป เขาก็ร้องโหยหวนออกมา
ตอนที่ 1612 คลั่งไคล้โอสถวิเศษ (2)
ภายในห้อง ชายชราหลังค่อมกำลังนั่งยองๆ อยู่ข้างเตาปรุงโอสถวิเศษ ผนังทั้งสี่ด้านของห้องเป็นสีดำสนิท ดูเหมือนว่าจะเป็นผลจากการถูกไฟเผาจนไหม้เกรียม
ชายชราตัวเล็กถือพัดรูปฝ่ามือขณะนั่งยองๆ อยู่ข้างเตาปรุงโอสถวิเศษ เขาใช้พัดรูปฝ่ามือนั้นพัดอย่างเอาจริงเอาจัง พยายามจะทำให้ไฟแรงขึ้น มืออีกข้างถือกระดาษยับยู่ยี่อยู่แผ่นหนึ่ง เขาจ้องไปที่แผ่นกระดาษนั้นสักพัก จากนั้นก็เปลี่ยนไปเฝ้ามองเปลวไฟในเตา เขาจ้องมองอย่างจดจ่อมากขนาดที่เทียนเจ๋อบุกเข้ามาโวยวาย ชายชราที่ปกติจะไม่แสดงสีหน้าตกใจก็ทำหน้าตกใจขึ้นมาทันที เขาเกือบจะโยนกระดาษในมือลงไปในเตาแล้ว
“ไอ้เด็กเวรนี่! ตะโกนหาอะไรนักหนา!” ชายชราตัวเล็กถือสมบัติที่เขาได้มาอย่างลำบากด้วยความระมัดระวัง ดวงตาลุกวาวจ้องมองเทียนเจ๋อที่บุกเข้ามา ไม่รู้ว่าเคราสีขาวของเขาเปื้อนขี้เถ้าตั้งแต่เมื่อไร คนไม่รู้คงคิดว่าเป็นขอทานที่ไร้หัวนอนปลายเท้า ใครจะคิดว่าชายชราคนนี้จะเป็นอาจารย์ใหญ่ของสำนักธาราเมฆ!
เทียนเจ๋อรู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมาทันทีจากเสียงตะโกนของชายชราตัวเล็ก เขาหดคอตามสัญชาตญาณ แล้วมองอาจารย์ของตัวเองที่ดูน่าตลกขบขันอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรตะโกนเสียงดัง แต่อาจารย์ เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือว่าปรุงโอสถวิเศษได้เฉพาะวันหยุดทุกเดือนของสำนัก บอกข้าทีว่าถ้าอาจารย์ทำไฟไหม้อีกรอบแล้วพวกลูกศิษย์มาเห็นเข้า มันจะไม่เกิดความวุ่นวายขึ้นอีกหรือ” เทียนเจ๋อจนปัญญาจริงๆ อาจารย์ของเขาคนนี้เป็นอาจารย์ที่แปลกประหลาดแหกคอกที่สุดในโลก เป็นถึงอาจารย์ใหญ่ของสำนักธาราเมฆแท้ๆ แต่ไม่สนอะไรเลย ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ให้ศิษย์ผู้โชคร้ายที่น่าสงสารคนนี้รับผิดชอบ
ถ้าเขาแค่ทิ้งหน้าที่ทั้งหมดมาให้มันก็ยังไม่แย่เท่าไร แต่ชายชราคนนี้ไม่มีพรสวรรค์ในเรื่องปรุงโอสถวิเศษเอาเสียเลย แต่ดันหลงใหลคลั่งไคล้ในการปรุงโอสถวิเศษ พยายามเรียนรู้ทักษะทางการรักษาทุกอย่าง หลายครั้งที่เขาจะขุดสมุนไพรชนิดต่างๆ มาแบบมั่วๆ แล้วนำใบสั่งยาที่ไปหลอกเอาจากอาจารย์สาขาผู้เชี่ยวชาญยามาแอบปรุงโอสถวิเศษที่นี่เอง
ถ้าบอกว่าจะปรุงโอสถวิเศษก็ให้ปรุงโอสถวิเศษไปสิละก็ แต่อาจารย์ของเขาไม่มีความสามารถในการปรุงโอสถวิเศษให้สำเร็จได้เลย เขามีความสามารถในการทำไฟไหม้บ้านมากกว่า เทียนเจ๋อจำไม่ได้แล้วว่าอาจารย์ของเขาทำไฟไหม้บ้านไปแล้วกี่ครั้ง และยิ่งจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองถูกบังคับให้กิน ‘โอสถพิษ’ อย่างบ้าคลั่งไร้เหตุผลไปแล้วกี่ครั้ง!
เทียนเจ๋อยังจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่เขาเป็นแค่ไข้หวัดเล็กน้อย กินโอสถวิเศษนิดหน่อยไม่กี่วันก็หายแล้ว แต่อาจารย์ของเขาก็โผล่มาหัวเราะเหอะๆ อยู่ตรงหน้าเขา ในมือถืออะไรก็ไม่รู้ที่เขายืนยันว่ามันคือโอสถวิเศษที่เขาเพิ่งปรุงออกมาได้ ใช้รักษาไข้หวัดโดยเฉพาะ ได้ผลชะงัดนัก แล้วก็บังคับให้เทียนเจ๋อกลืนมันลงไป
ผลของมันน่าทึ่งจริงๆ เสียด้วย!
มันทำให้อาการไข้หวัดเล็กน้อยของเทียนเจ๋อแย่ลงมากจนกลายเป็นอาการบาดเจ็บภายใน เขาอาเจียนเป็นโลหิตสามวันติดต่อกัน อาจารย์จากสาขาผู้เชี่ยวชาญโอสถวิเศษตื่นตระหนกตกใจกันยกใหญ่และสุดท้ายก็ช่วยชีวิตน้อยๆ ของเขาเอาไว้ได้
ตั้งแต่นั้นมา เทียนเจ๋อก็รู้ว่าอาจารย์ของเขาไม่ได้ปรุงโอสถวิเศษ แต่ปรุงโอสถพิษต่างหาก!
คนที่ไม่มีพรสวรรค์ในเรื่องโอสถวิเศษเลยสักนิด แต่ยืนกรานจะทำให้ได้ นี่มันเป็นการหาเรื่องทรมานตัวเองไม่ใช่หรือ
“ฮึ่ม! เรียกใครว่าอาจารย์! เรียกว่านายท่านสิ! เจ้านี่มันอกตัญญูขึ้นทุกที! กล้าสงสัยความสามารถในการรักษาของอาจารย์อย่างนั้นหรือ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่!” ชายชราตัวเล็กโดนลูกศิษย์บ่นจึงโกรธมาก เขาถลึงตาจ้องด้วยความขุ่นเคือง แทบอยากจะยัดเจ้าศิษย์อกตัญญูเข้าไปในเตาแล้วเผามันเสีย