War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2149
ตอนที่ 2,149 : เป้าหมาย…ทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน!

“ไม่ใช่ว่าท่านเคยบอกข้าหรอกหรือ…ว่าภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ามันก็เป็นระนาบเทียมที่เกิดขึ้นจากภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม

“ใช่”

ผู้เฒ่าหั่วตอบรับ และคล้ายจะรู้แต่แรกแล้วว่าต้วนหลิงเทียนต้องกล่าวถามเรื่องนี้

เช่นนั้นหลังตอบรับแล้ว ผู้เฒ่าหั่วก็อธิบายเพิ่มเติมทันที “ภูมิภาคเบื้องบนนั้นเป็นระนาบเทียมที่ถือกำเนิดขึ้นจากดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่าง…เช่นนั้นจึงใช้กำแพงมิติกั้นแดนระหว่างมหาระนาบโลกียะกับระนาบดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเหมือนกัน!”

“ด้วยเหตุนี้แม้เจ้าจะอยู่ในภูมิภาคเบื้องบน แต่เจ้าก็สามารถแลเห็นตะวันจันทราของมหาระนาบโลกียะได้เช่นกัน รวมถึงยังเห็นดวงดาวอันเป็นดาวเคราะห์อีกด้วย…”

“ส่วนสาเหตุที่ไฉนถึงได้มีกลางวันกับกลางคืนในระนาบดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้น ก็สืบเนื่องมาจากในมหาระนาบโลกียะมันก็มีดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดวงตะวัน! และในช่วงที่มันบดบังแสงตะวัน…”

“ยามนั้นดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าก็จักกลายเป็น ‘กลางคืน’ พอถึงตอนนั้นดาวเคราะห์ที่บดบังแสงตะวัน เมื่อสะท้อนแสงออกไปยังดาวข้างเคียง ก็จะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าดวงจันทร์”

ผู้เฒ่าหั่วไม่เพียงแต่ตอบคำถามของต้วนหลิงเทียน หากแต่ยังกล่าวเรื่องอื่นเพิ่มออกมา ราวกับล่วงรู้ว่าไม่พ้นต้วนหลิงเทียนต้องกล่าวถามถึงเรื่องพวกนี้แน่ๆ

“และระนาบโลกียะคู่แฝดของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอย่างแดนเนรเทศนั่น ก็ไม่มีแม้แต่กลางวันและกลางคืน”

ผู้เฒ่าหั่วกล่าวออกมาอีกครั้ง

“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”

ต้วนหลิงเทียนพอจะเข้าใจเรื่องราวได้ทันที

เดิมทีเขาคิดว่าโลกใบที่เขาอยู่นั้นเป็นเหมือนโลกเก่า

กระทั่งคิดว่าโลกที่เขาอยู่มันเป็นดาวเคราะห์เหมือนโลกเก่า

ยิ่งไปกว่านั้นยังหลงคิดว่าดาวเคราะห์ดวงนี้ก็สมควรมีวงโคจร กระทั่งมีการหมุนรอบตัวเองเหมือนโลกเขา…

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แบบนั้นเลย…

หลังจากนั้นผู้เฒ่าหั่วก็อธิบายเพิ่มเติม ให้เขาได้รับทราบเรื่องราวอื่นๆคร่าวๆ

นอกจากนี้หลังได้ฟังเรื่องราวจากผู้เฒ่าหั่วแล้ว เขาก็ซึ้งถึงคำ 8 คำที่ว่า ‘โลกใหญ่ไพศาล ไม่พิสดารไม่มี’

(โลกใหญ่ไพศาล ไม่พิสดารไม่มี = โลกใบนี้กว้างใหญ่นัก เรื่องที่คาดไม่ถึงมีอยู่มากมาย)

“เอาล่ะกล่าวออกนอกเรื่องมาไกลถึงขนาดนี้แล้ว….ตอนนี้พวกเรากลับไปพูดถึงเรื่องที่เจ้าสงสัยก่อนหน้าเถอะ”

เสียงของผู้เฒ่าหั่วดังขึ้นอีกครั้ง ดึงสติให้ต้วนหลิงเทียนกลับมาจากอาการครุ่นคิดถึงระนาบโลกียะ กระทั่งเรื่องแปลกๆทั้งหลายที่ช่างขัดสามัญสำนึกของเขาทันที “ก่อนหน้านี้เจ้าถามข้าว่า…ถึงแม้เจ้าจะบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนกระทั่งข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์แล้ว ก็กลัวว่ายังไม่สามารถทำลายกำแพงมิติได้ใช่หรือไม่?”

“ใช่แล้วผู้เฒ่าหั่ว”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ค่อยนึกถึงเรื่องราวที่ยังสงสัยค้างคาก่อนหน้าทันที

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมคำที่ข้าเคยบอกเจ้าไปก่อนหน้าหมดสิ้นแล้วจริงๆ…เจ้ายังจดจำได้หรือไม่ เรื่องที่ข้าเคยบอกเจ้าไว้หลังจากที่เจ้าพบว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคของภูมิภาคเบื้องบนมิอาจส่งคนย้อนกลับไปยังภูมิภาคเบื้องล่างได้? และเจ้าก็สงสัยว่าต้องทำอย่างไรถึงจะกลับไปยังภูมิภาคเบื้องล่างได้?”

ผู้เฒ่าหั่วถาม

พอต้วนหลิงเทียนได้ยินคำถามนี้เขาก็สะดุ้งไปทันที เร่งนึกถึงเรื่องราวในวันนั้นขึ้นมา

“ข้านึกออกแล้ว…ตอนนั้นผู้เฒ่าหั่วบอกข้าว่า ตราบใดที่พลังฝึกปรือของข้าบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนและสามารถข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ ข้าสามารถฉีกเปิดช่องว่างมิติ และออกจากภูมิภาคเบื้องบนกลับภูมิภาคเบื้องล่างได้…”

ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็นึกออก

“ผู้เฒ่าหั่ว!”

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ได้ ต้วนหลิงเทียนก็ตกใจไม่น้อย “ที่ท่านกล่าวในตอนนั้น…หมายความว่าขอเพียงข้ามีพลังทัดเทียมครึ่งก้าวเซียนอมตะ ข้าสามารถฉีกเปิดช่องว่างฝ่ากำแพงมิติระหว่างภูมิภาคเบื้องบนกับภูมิภาคเบื้องล่างได้ใช่หรือไม่?”

“นอกจากนั้นข้ายังสามารถทำเรื่องพวกนี้ได้ด้วยพลังของข้าคนเดียว!?”

หลังจากที่กล่าวถามออกไปแล้ว ลมหายใจของต้วนหลิงเทียนก็ถี่รัวขึ้นมาทันที เพราะเรื่องนี้มันค่อนข้างเป็นอะไรที่ยังไกลสำหรับเขาอยู่บ้าง

“ไม่ผิด”

ผู้เฒ่าหั่วพยักหน้ารับ ค่อยกล่าวเสริมว่า “อย่างไรก็ตามเจ้าหลงประเด็นแล้ว…ที่ข้าจะสื่อก็คือ กำแพงมิติกั้นแดนระหว่างภูมิภาคเบื้องบนกับภูมิภาคเบื้องล่าง กับ กำแพงมิติกั้นแดนระหว่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ากับแดนเนรเทศนั้น…เป็นอันใดที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง”

“อย่างแรกนั้นขอเพียงเจ้าบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนและข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ไปแล้ว เจ้าก็สามารถฉีกเปิดมิติกระทั่งฝ่ากำแพงมิติระหว่าง 2 ภูมิภาคได้…ทว่าอย่างหลังนั้น กระทั่งเซียนอมตะในระนาบเทวโลกมาเอง หากพลังฝีมืออยู่ในระดับทั่วๆไป ก็ยังมิแน่ว่าจะฝ่ากำแพงมิติกั้นแดนได้…”

ผู้เฒ่าหั่วอธิบายสืบต่อ

“ถ้างั้นหมายความว่า…กำแพงมิติที่ขวางกั้นระหว่างระนาบเทียมที่ถูก 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะสร้างกับภูมิภาคเบื้องบน ก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น หากคิดจะฉีกเปิดมิติ…พลังฝึกปรือที่ต้องใช้ก็ไม่จำเป็นต้องสูงถึงขั้นนั้นใช่หรือไม่ผู้เฒ่าหั่ว…”

พอได้ยินเรื่องความต่างของกำแพงมิติกั้นแดนที่ผู้เฒ่าหั่วบอก ต้วนหลิงเทียนก็ฉุกคิดเรื่องนี้ได้ทันที และเข้าใจในสิ่งที่ผู้เฒ่าหั่วจะสื่อแต่แรกได้ออก!

“ถูกต้อง”

ผู้เฒ่าหั่วตอบรับ ค่อยกล่าวต่อว่า “กำแพงมิติที่กั้นระหว่างระนาบเทียมของ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะนี้กับภูมิภาคเบื้องบนนั้น ขอแค่เป็นเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนขึ้นไปก็สามารถฉีกเปิดออกได้มิยาก…”

“แต่แน่นอนว่าจะกระทำเช่นนั้นได้ ก็จำต้องหาตำแหน่งกำแพงมิติที่ว่านั่นให้พบ…หาไม่แล้วที่พูดมาถึงหมดก็ล้วนเป็นแค่วาจาผายลม!”

“และกำแพงมิติกั้นแดนระหว่างระนาบเทียมแห่งนี้กับภูมิภาคเบื้องบน หลังจากที่ข้าใช้สำนึกเทวะตรวจสอบดูข้าก็พบเจอเรียบร้อย…มันถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้มหาค่ายกลที่น่ากลัว!”

“มหาค่ายกลนั้นมิใช่ค่ายกลธรรมดาจริงๆ หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลมาเอง ต่อให้เป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ยังไม่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ ขืนซี้ซั้วแตะต้องหรือคิดใช้พลังทำลายสุ่มสี่สุ่มห้า มิพ้นต้องตกตายอนาถแน่!”

“เพราะในมหาค่ายกลนั้นแฝงเร้นไว้ด้วยค่ายกลสังหารย่อย ที่มีพลังอำนาจไม่ได้ด้อยไปกว่าค่ายกลที่ใช้สังหารคนทั้ง 3 กลุ่มก่อนหน้าแม้แต่น้อย”

เสียงของผู้เฒ่าหั่วนั้น ต้วนหลิงเทียนได้ยินชัดถนัดหู

ทำให้จังหวะนี้ร่างต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านขึ้นมา! ขนยังถึงกับลุกซู่ด้วยความกลัว ไม่คิดเลยว่าเรื่องราวในระนาบเทียมแห่งนี้จะยุ่งยากซับซ้อนขนาดนี้! วันหลังหากไม่แน่ใจเขาไม่คิดหาเข้าอีกเด็ดขาด!!

‘แต่ก็สมควรแล้ว…จากที่ผู้เฒ่าหั่วบอก ถ้าหาตำแหน่งกำแพงมิตินั่นพบ กระทั่งเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนก็สามารถฉีกเปิดมิติหลบหนีออกไปได้…เช่นนั้นมันจึงต้องวางมาตรการป้องกันเอาไว้’

พอคิดแบบนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดว่ามันแปลกอะไรอีกต่อไป

“ผู้เฒ่าหั่ว…แล้วท่านมีวิธีจัดการมหาค่ายกลอะไรนั่นหรือไม่?”

ตอนนี้ที่ต้วนหลิงเทียนกังวลไม่ใช่ระดับพลังฝึกปรือไม่ถึงขั้น แต่เป็นวิธีจัดการมหาค่ายกลพวกนั้น

เพราะจากที่ผู้เฒ่าหั่วบอก

ในมหาค่ายกลนั่น มีค่ายกลสังหารย่อยแฝงเร้นอยู่ และค่ายกลที่ว่าก็ฆ่าได้กระทั่งเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ยังไม่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์! หากเขาโดนยังไม่กลายเป็นฝุ่นได้หรือ?!

สำหรับเรื่องที่หากคิดฉีกเปิดมิติต้องใช้พลังขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนนั้น แม้จริงอยู่ว่ามันก็ยากไม่น้อยที่จะบรรลุถึงพลังขอบเขตนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหวังเลย

ทว่าการที่จะบ่มเพาะพลังให้ไม่กลัวค่ายกลสังหารนั่น ยากเกินไป!

“ย่อมมี”

เมื่อได้ยินคำถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดของต้วนหลิงเทียนผู้เฒ่าหั่วก็กล่าวตอบมาว่า “ข้าสามารถจัดการมหาค่ายกลนั่นได้…อย่างไรก็ตามข้าเพียงสามารถจัดการมหาค่ายกลได้ แต่กำแพงมิตินั่น…อย่างไรเจ้าก็ต้องใช้พลังของเจ้าฉีกเปิดมันด้วยตัวเอง…”

“ด้วยทักษะทั้งหลายของเจ้า…ข้าคิดว่าเจ้าจำต้องบ่มเพาะพลังให้บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน ไม่ก็ 6 เปลี่ยนเท่านั้น เจ้าก็สามารถฉีกเปิดมิติกลับไปยังภูมิภาคชั้นบนได้แล้ว”

ผู้เฒ่าหั่วกล่าว

ตัวต้วนหลิงเทียนเองเข้าใจเรื่องนี้ดี

เพราะก่อนหน้าผู้เฒ่าหั่วกล่าวไว้ ว่าต้องใช้พลังขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน เพื่อจะฉีกเปิดมิติ อย่างไรก็ตามนั่นมันสำหรับคนทั่วไปเท่านั้น

เขา ต้วนหลิงเทียน มีหลายสิ่งอย่างที่ต่างจากคนธรรมดา

นอกจากมียอดสมบัติสวรรค์อย่างกระบี่นิลสวรรค์ไว้ในครอบครองแล้ว เกรงว่าขอเพียงพลังฝึกปรือของเขาบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน ก็มากพอที่จะทำให้เขามีพลังโจมตีทัดเทียมกับเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน!

‘จะยังไงก็แล้วแต่ ด้วยมีรากวิญญาณสีม่วง พร้อมความช่วยเหลือจากชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ…คิดทะลวงให้ถึงเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้า…’

‘ถึงแม้ระหว่างบ่มเพาะสมควรพบเจอจุดรอคอยไม่น้อย แต่ในสายตาคนอื่นข้าก็ยังทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนได้ในเวลาอันแสนสั้นอยู่ดี!’

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ลังเลอีกต่อไป

เพียงห้วงคิดเดียวร่างเขาก็วูบหายเข้าไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที

เมื่อขึ้นมาถึงชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มนั่งขัดสมาธิหลับตาสงบจิตเตรียมบ่มเพาะพลังอย่างไม่รอช้า…

ถึงแม้ตอนนี้เขาจะร้อนใจอยากออกจากระนาบเทียมแห่งนี้เพื่อกลับไปยังภูมิภาคเบื้องบนมากแค่ไหน…

อนิจจาด้วยข้อจำกัดของกำแพงมิติ เขาจึงทำได้แค่รอให้มีพลังมากพอจะฉีกเปิดห้วงมิติอย่างที่ผู้เฒ่าหั่วบอกเท่านั้น!

และคิดจะมีพลังมากพอ ก็จำต้องบ่มเพาะพลังให้ถึงขั้น!

แค่นั้น!

ต้วนหลิงเทียนพยายามสงบจิตที่ว้าวุ่น หยุดความคิดฟุ้งซ่าน สงบอารมณ์ลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อบ่มเพาะพลังให้บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนให้ได้โดยเร็วที่สุด!

อย่างไรก็ตามหลังจากที่สงบจิตได้แล้ว…

พอต้วนหลิงเทียนเริ่มบ่มเพาะพลังไปได้ไม่ทันไร สองตาเขาก็เบิกโพลงขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก แววตาฉายออกชัดถึงความประหลาดใจ “ระ…เร็วขนาดนี้เลยเหรอ นี่มันจะไม่เกินจริงไปหน่อยรึไง?! ระ…รากวิญญาณสีม่วงส่งผลถึงขนาดนี้เลยหรือ!?”

ต้วนหลิงเทียนพบว่า ความเร็วในการบ่มเพาะนั้นต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง!

ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยหากจะกล่าวว่ามันต่างกันคนละโลก!

ต้องทราบด้วยว่าก่อนหน้านี้พรสวรรค์รากวิญญาณของเขาเองก็เป็นถึงสีคราม แม้จะไม่ใช่สีครามเข้ม แต่ก็ยังถือว่าเป็นสีครามอยู่ดี…

‘ด้วยรากวิญญาณระดับนี้ กับสภาพแวดล้อมในระนาบเทียมที่ไม่ใช่ชั่วเลย…ขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนยังจะนานสักเท่าไหร่กัน!?’

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความฮึกเหิมขึ้นมาไม่น้อย

เขารู้สึกว่า…คิดทะลวงให้ถึงเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรอีกต่อไป!

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เริ่มสงบใจและบ่มเพาะพลังอีกครั้ง

9 มังกรจักรพรรดิสงคราม!

ทันทีที่เขาโคจรพลังตามเคล็ดบ่มเพาะ พลังวิญญาณฟ้าดินในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็ถูกชักนำเข้าร่างด้วยความเร็วสูงล้ำ พวกมันถูกมังกรพลังจากเคล็ด 9 มังกรชักนำแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นพลังเซียนสุริยันด้วยความเร็วสูง…

ระดับพลังในร่างของต้วนหลิงเทียนเพ่มพูนขึ้นไม่หยุดยั้ง!

อีกทั้งความเร็วในการเพิ่มพูนยังน่าเหลือเชื่อนัก!!

กลับมาที่โลกภายนอก…บริเวณรอบๆจุดที่เคยมีรอยแยกปรากฏขึ้นกลางอากาศ อันเป็นทางเข้าสู่ระนาบเทียมนั้น แม้จะมีผู้คนน้อยลงกว่าตอนแรกแล้ว หากแต่ก็ยังมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่เฝ้ารออยู่ไม่จากไปไหน

คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของกองกำลังพันธมิตรที่ในนครแห่งบาป บ้างก็เป็นเพียงผู้ฝึกตนอิสระจากกองกำลังที่ไม่ได้โดดเด่นมากมาย

สาเหตุเดียวที่ทำให้พวกมันยังเฝ้ารออยู่ตรงนี้ เพราะผู้นำรวมถึงระดับสูงๆของกองกำลังพันTมิตรของพวกมันยังไม่ออกมา แน่นอนว่ามีบ้างที่ยืนอยู่คนเดียวคล้ายรอคอยสหาย

บางกลุ่มก็เป็นคนของลัทธิอารามทมิฬ

คนของลัทธิอารามทมิฬนั้น ตอนนี้กำลังรอจ้าวค้างขาวปีกเขียวเหวยสั่ว 1 ใน 4 มหาธรรมราชา รวมถึงอาวุโสอีกหลายคนที่เข้าไปในระนาบเทียม…

แน่นอนว่าผู้คนของกองกำลังพันธมิตรพันสารท พันธมิตรหมื่นโบราณ พันธมิตร 7 สังหาร ไม่เว้นคนของพรรคธุลีลืมเลือนก็ยังยืนเรียงรายกันหน้าสลอน อยู่กันครบไม่จากไปไหน…