ตอนที่ 1621 อันตรายในค่ำคืนที่มืดมิด (8) / ตอนที่ 1622 อันตรายในค่ำคืนที่มืดมิด (9)
ตอนที่ 1621 อันตรายในค่ำคืนที่มืดมิด (8)
ภายใต้ความมืดมิดยามค่ำคืน พวกเขายืนนิ่งอยู่นอกหอเก็บสมบัติ ดวงตาวาววับจ้องมองไปยังจุดหมายปลายทางของพวกเขา
ในขณะที่พวกคนชุดดำกำลังจะเข้าใกล้หอเก็บสมบัติของสำนักธาราเมฆ แสงพลังวิญญาณขั้นสีเงินสายหนึ่งก็สว่างวาบขึ้นภายใต้แสงจันทร์ วาดเส้นโค้งสีเงินขึ้นตรงหน้าเท้าของพวกเขาราวกับเป็นพระจันทร์อีกดวง ทำให้พวกคนชุดดำต้องถอยหลังทันที!
ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา ร่างสูงเพรียวพลันปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของหอเก็บสมบัติ!
ซูหย่ายืนอย่างสง่างามอยู่ภายใต้แสงจันทร์ เชิดหน้ามองไปยังกลุ่มคนชุดดำ ดวงตาของนางฉายแววเย่อหยิ่งและก้าวร้าวดุดัน!
“ผู้ที่บุกรุกสำนักธาราเมฆทุกคนต้องตาย” เสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหารดังจากปากของซูหย่า แสงสีเงินที่เปล่งออกจากร่างนางราวกับภาพสะท้อนของแสงจันทร์!
กลุ่มคนชุดดำตั้งตัวได้ก็ปล่อยพลังวิญญาณออกมาทันที ท่ามกลางกลุ่มพลังวิญญาณขั้นสีม่วง มีพลังวิญญาณขั้นสีเงินปะปนอยู่สองสามคน!
พลังของซูหย่านั้นแข็งแกร่งมาก แต่ในกลุ่มคนชุดดำก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มียอดฝีมือที่มีพลังวิญญาณขั้นสีเงินเช่นเดียวกับนาง แม้ว่านางจะเหนือกว่าพวกเขาในด้านระดับพลังวิญญาณ แต่ด้วยจำนวนที่มากกว่าเช่นนี้ สถานการณ์จึงไม่ค่อยดีนัก
แต่ใบหน้าของซูหย่ากลับไม่มีร่องรอยความหวาดกลัวอยู่เลย นางยืนราวกับนางพญาผู้หยิ่งผยอง สายตาคมกริบของนางยังทอประกายสังหารอันเยียบเย็น
“เสี่ยวหย่า คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะยังปกป้องสำนักธาราเมฆของเรา อาจารย์ซาบซึ้งใจเหลือเกิน” ในขณะที่การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น เสียงปลื้มอกปลื้มใจของคนแก่ก็ดังขึ้นที่ด้านหลังของทุกคน
พวกเขาเห็นชายชราตัวเล็กหลังค่อมคนหนึ่ง สองมือไพล่หลัง ทั้งตัวเปื้อนเขม่าและขี้เถ้า ดูสกปรกมอมแมม เดินเข้ามาอย่างช้าๆ
ด้านหลังของชายชราตัวเล็กคือเทียนเจ๋อที่ตามมาอย่างใกล้ชิด เมื่อเขาเห็นกลุ่มคนชุดดำ สายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา
เมื่อซูหย่าเห็นชายชรา นางก็แสดงสีหน้าประหลาดใจแวบหนึ่งก่อนจะหันหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์
“ใครจะปกป้องสำนักบัดซบแบบนี้กัน ข้าก็แค่กลัวว่าสวะพวกนี้จะทำร้ายลูกศิษย์ของข้าก็เท่านั้น” ซูหย่ากล่าวแบบปากไม่ตรงกับใจ
“เสี่ยวหย่า เจ้านี่ดื้อจริงๆ” ชายชราส่ายหน้าอย่างจนใจ แต่น้ำเสียงเอ็นดูอย่างถึงที่สุด
ซูหย่ากอดอก หันหน้าไปด้านหนึ่งแล้วทำหน้ามุ่ย ไม่ยอมพูดกับชายชราอีก
เมื่อโดนเมินถึงขนาดนี้ สีหน้าของพวกคนชุดดำจึงไม่น่าดูอย่างยิ่ง ตาแก่คนนี้โผล่มาจากไหนกัน นี่เล่นเมินกันถึงเพียงนี้เชียวหรือ
“ไอ้แก่! อยากตายพร้อมกับอีตัวนี่หรืออย่างไร” ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเงินคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างหยาบคาย
ชายชราตัวเล็กหันหน้าไปมองผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเงินคนนั้น ดวงตาลุกวาว และพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “เวลาที่ข้าคุยกับศิษย์ข้า ข้าเกลียดการถูกคนอื่นขัดจังหวะที่สุด” พูดจบ เขาก็ยกมือขึ้นโบกไปทางผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเงิน
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อได้สติ ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเงินที่อวดดีอยู่เมื่อครู่ก็ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย การระเบิดอย่างกระทันหันนั้นทำให้โลหิตเนื้อปลิวว่อนไปทั่วทุกทิศทุกทาง คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเงินคนนั้นจึงชุ่มโชกไปด้วยโลหิตตั้งแต่หัวจรดเท้า!
ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเงินที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับจ้าวตำหนักของสิบสองตำหนักกลายเป็นเศษเนื้อด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวจากชายชรา ฉากที่น่าสะพรึงกลัวนั้นทำให้พวกคนชุดดำเย็นวาบไปทั้งตัว!
พลังที่น่ากลัวนี่มันอะไรกัน สังหารผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเงินได้ในชั่วพริบตาเลยหรือ
ความหนาวเย็นเสียดกระดูกเข้าครอบคลุมหัวใจของทุกคน ทำให้อุณหภูมิร่างกายของพวกเขากลายเป็นศูนย์ในทันที
ตอนที่ 1622 อันตรายในค่ำคืนที่มืดมิด (9)
“เฮ้อ ถึงข้าจะอยากต้อนรับ ‘แขก’ ให้ดี แต่พวกเจ้ากลับรังแกศิษย์ข้า เห็นทีข้าคงคุยด้วยดีๆ ไม่ได้แล้ว” ชายชราตัวเล็กถอนหายใจเบาๆ ราวกับเสียใจอยู่ไม่น้อย
บังอาจเรียกเสี่ยวหย่าของพวกเขาว่า ‘อีตัว’ อย่างนั้นหรือ
คนพวกนี้ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่แล้ว
ในค่ำคืนนั้น การสังหารหมู่นองโลหิตได้ดำเนินไปอย่างเงียบเชียบ ไม่มีการต่อสู้ที่รุนแรง ไม่มีการปะทะกันของพลังวิญญาณ พวกคนชุดดำแค่เห็นว่าชายชราตัวเล็กก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ แล้วร่างที่มีหลังค่อมนั้นก็ส่องแสงออกมาเล็กน้อย พอร่างที่เปล่งแสงนั้นหายไปจากสายตา ทุกคนก็พลันรู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งมากจนพวกเขาแทบหายใจไม่ออก
ทันใดนั้น คนชุดดำสิบกว่าคนรวมทั้งผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเงินที่แข็งแกร่งอีกสองสามคนก็ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยที่ยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้อง โลหิตเนื้อสาดกระจายไปทั่วบริเวณ ย้อมพื้นภายใต้แสงจันทร์ให้กลายเป็นสีแดง!
โลหิตเนื้อโปรยปรายลงมาราวกับฝนที่ตกลงมาบนพื้นก่อให้เกิดเสียงเปาะแปะดังต่อเนื่อง
ซูหย่าและเทียนเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูชายชราที่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ท่ามกลางฝนโลหิต
นั่นคือคนที่ทำให้สิบสองตำหนักและเก้าวังจำต้องหวาดกลัว!
อาจารย์ของพวกเขา!
หลังจากสังหารยอดฝีมือที่แข็งแกร่งไปมากกว่าสิบคนในชั่วพริบตา ชายชราตัวเล็กก็เหยียบไปบนคราบโลหิตและเศษเนื้อที่กระจายอยู่เต็มพื้น เขาเดินช้าๆ ตรงไปที่ซูหย่า ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มซุกซนประดับไว้ ดวงตาที่หรี่ลงครึ่งหนึ่งฉายแววรื่นเริงสนุกสนานขณะมองไปที่ซูหย่าด้วยความรักใคร่เอ็นดู
“เสี่ยวหย่า อย่าโกรธเลย อาจารย์แก้แค้นให้เจ้าแล้ว มาๆๆ เจ้าไม่ได้ออกจากหอเก็บสุรามานาน วันนี้ได้ออกมาทั้งที มาดื่มเป็นสหายอาจารย์หน่อย”
หลังจากทำการสังหารหมู่สร้างพายุฝนโลหิตไปหยกๆ ชายชราก็เปลี่ยนกลับไปเป็นคนแก่ขี้เล่นที่ยิ้มแย้ม แล้วชวนลูกศิษย์ตัวเองไปดื่มสุรา
แต่ซูหย่ามองใบหน้ายิ้มแย้มของชายชรา แล้วเม้มปากอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า
“ไม่ล่ะ ข้าเหนื่อย” พูดจบ ซูหย่าก็หันหลังจากไป ไม่ยอมพูดกับชายชราอีก
ชายชราอ้าปากค้างและทำได้แค่จ้องมองไปยังด้านหลังที่มุ่งมั่นของซูหย่า สายตาของเขาแสดงถึงความสิ้นหวังและหมดหนทาง
“เฮ้อ” ชายชราถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่มีท่าทางก้าวร้าวดุดันหรือภูมิใจเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความหงอยเหงาอย่างเดียวเท่านั้น เขาก้มหน้าเล็กน้อยและเดินจากไปพร้อมกับถอนหายใจ ด้านหลังของเขาที่อยู่ภายใต้แสงจันทร์ดูน่าสงสารไม่น้อย
เทียนเจ๋อมองอาจารย์กับศิษย์พี่ของเขาอย่างจนปัญญา สถานการณ์เป็นแบบนี้มากี่ปีแล้ว
เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตนั่น ศิษย์พี่ยังคลี่คลายปมในใจไม่ได้เลย
ในใจอาจารย์ คงหวังไว้มากว่าจะสามารถกลับมาคืนดีกับศิษย์พี่ได้สินะ
“เสี่ยวเทียน” ชายชราเดินไปข้างหน้าประมาณสิบก้าวก็หยุด
สายตาของเทียนเจ๋อเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที ชายชราเป็นเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกสงสารมาก
ชายชราตัวเล็กหันหน้ากลับมามองเทียนเจ๋อ
“ก่อนรุ่งสาง ทำความสะอาดที่นี่ให้เรียบร้อย อย่าทำให้พวกเด็กๆ ตกใจกลัว อาจารย์จะกลับไปพักผ่อนก่อน” พูดจบ ชายชราก็หันกลับและเดินจากไปทันที
เทียนเจ๋อรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า
นี่มันจะปฏิบัติต่างกันมากเกินไปแล้ว!
ศิษย์พี่เป็นศิษย์ของท่าน ข้าก็เป็นศิษย์ของท่านเหมือนกันนะ ทำไมถึงโยนงานเหนื่อยงานสกปรกมาให้ข้าตลอดเลย!
เทียนเจ๋อพลันรู้สึกเสียดายความสงสารที่เขามีให้กับชายชราเมื่อครู่
เขาต่างหากคือคนที่น่าสงสารที่สุด!