War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2152
ตอนที่ 2,152 : ยอดศาสตราเซียน…ระฆังสุญตา!

“นิ…นี่…นี่มันจักไม่เกินจริงไปหน่อยหรือ?!”

ไม่นานเหล่าผู้ฝึกตนอิสระก็กลับมารู้สึกตัว สีหน้าของพวกมันตอนนี้ทั้งตกใจทั้งตื่นตะลึงปานพบพานภูตผีกลางวันแสกๆ

สีหน้าของผู้ฝึกตนจากขุมพลังต่างๆก็ไม่ต่างกัน

ถึงแม้พวกมันจะรู้อยู่แล้วว่าเผยซื่อไห่มีพลังฝีมือร้ายกาจมาก แต่ก็ไม่คิดว่าพลังฝีมือจะสูงส่งถึงขั้นนี้!

เพียงเสี้ยวพริบตากลับฉีกเปิดรอยแยกมิติ สร้างช่องทางนำไปสู่คลังสมบัติที่ต้องสงสัยว่าอาจเหลือทิ้งไว้โดยครึ่งก้าวเซียนสวรรค์ได้แล้ว?

‘หากเป็นข้า…ต่อให้ใช้เวลามากกว่ามัน 2 เท่า ก็ไม่อาจหากำแพงมิติซึ่งนำไปสู่คลังสมบัติที่ต้องสงสัยว่าเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะเหลือไว้ได้พบ…’

พญามังกรเสื้อม่วง ผู้นำของ 4 มหาธรรมราชานึกถึงฉากเมื่อครู่ ก็อดไม่ได้ที่จะชักหน้าเคร่ง

ความเร็วในการลงมือของเผยซื่อไห่นับว่าขู่ขวัญนางใหญ่แล้ว!

สำหรับเรื่องที่เผยซื่อไห่สามารถใช้พลังฉีกเปิดรอยแยกมิติได้นางไม่แปลกใจอะไร

เพราะการโจมตีระดับนั้นนางเองก็กระทำได้เช่นกัน

และเป็นธรรมดาที่นางจะมองออกว่าดาบก่อนหน้าของเผยซื่อไห่ยังไม่ได้ลงมือจริงจังอะไร

อีกฝ่ายเพียงใช้ดาบพันอาคมเซียน และวรยุทธ์เซียนสายกระบี่ในการลงมือเท่านั้น ไม่ได้ใช้เวทย์พลังใดๆด้วยซ้ำ

‘ก่อนหน้ามันถามว่ามีใครเห็นเมิ่งฮ่าวบ้างไหมงั้นหรือ?’

นึกถึงคำถามก่อนหน้าของเผยซื่อไห่ พญามังกรเสื้อม่วงก็นึกถึงเมิ่งฮ่าวที่เป็นผู้พิทักษ์ของนครแห่งบาปทันที นอกจากนี้อีกฝ่ายยังเป็นเพียง 1 ใน ไม่กี่คนที่มีอันดับในรายนามยอดเซียนเหนือกว่าจ้าวค้างคาวปีกเขียว 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ

บันฑิตหน้าเย็น เมิ่งฮ่าว!

เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน อันดับที่ 21 ในรายนามยอดเซียน!

นางยังได้รับทราบเรื่องราวอีกประการหนึ่งมา

เมื่อราวๆ 2 ปีที่แล้ว จ้าวค้างคาวปีกเขียว ได้ท้าเมิ่งฮ่าวสู้! อนิจจาต่อยตีกับผู้อื่นไม่ถึงร้อยกระบวนท่าก็พ่ายแพ้…

พลังฝีมือเมิ่งฮ่าวกล้าแข็งกว่าเหวยสั่ว!

นางเองก็รู้เรื่องนี้ดี

‘หรือเมิ่งฮ่าวผู้นั้น ก็เข้าไปในคลังสมบัติอะไรนี่เช่นกัน?’

พอฉุกคิดถึงเรื่องนี้สีหน้าพญามังกรเสื้อม่วงก็แลดูจริงจังไม่น้อย หากแต่ด้วยมีม่านผ้าสีม่วงปกคลุม ผู้คนโดยรอบจึงยากจะสังเกตเห็น

ตอนแรกพญามังกรเสื้อม่วงก็คิดจะวูบร่างเข้ารอยแยกมิติ ติดตามเผยซื่อไห่ไปตรวจสอบสถานการณ์ภายในสถานที่ๆคาดว่าอาจเป็นของครึ่งก้าวเซียนอมตะเหมือนกัน…ทว่าตอนนี้นางบังเกิดความลังเลขึ้นมาแล้ว

เพราะก่อนหน้าตอนที่เผยซื่อไห่กวาดตามองถามผู้คนว่ามีใครเห็นเมิ่งฮ่าวบ้างไหม ลึกลงไปในแววตาอีกฝ่ายกลับฉายความกังวลให้เห็น

‘หรือว่า…เกิดเรื่องใดขึ้นกับเมิ่งอ่าวเหมือนเหวยสั่ว?’

คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาลูกตาของพญามังกรเสื้อม่วงหดเล็กลงทันใด แก้มงามยังเปลี่ยนสีไปเช่นกัน

อย่างไรก็ตามครู่ต่อมา ความสนใจของพญามังกรเสื้อม่วงก็ถูกบางสิ่งดึงดูดไปอีกครั้ง

วูบบ!!

คล้ายมีสายลมกรรโชกแรงหอบหนึ่งพัดออกมาจากรอยแยกมิติ! และไม่ห่างจากรอยแยกมิติสักเท่าไหร่ ก็ปรากฏร่างๆหนึ่งผุดโผล่ขึ้นกลางอากาศว่างเปล่า!!

กล่าวให้ชัดต้อง ปรากฏร่าง ‘อนาถ’ สารรูปดูไม่ได้!

“นี่มัน…”

เมื่อมองพินิจร่างที่มีสภาพดูไม่ได้เบื้องหน้าให้ดี สองตาพญามังกรเสื้อม่วงจำต้องหดหยีลง ยังฉายชัดถึงความตกใจ ทั้งเลื่อนลอยอยู่บ้าง!

ราวกับนางได้แลเห็นบางสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ!

“ตะ…ใต้เท้าเผยซื่อไห่!?”

“ปะ…เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”

……

ขณะเดียวกันผู้ฝึกตนอิสระทั้งคนจากขุมพลังต่างๆโดยรอบก็สังเกตเห็นร่างที่วูบมาปรากฏในความว่างข้างรอยแยกมิติเช่นกัน แต่ละคนยังอดไม่ได้ที่จะอุทานกันออกมาด้วยความตื่นตระหนก!

ตอนนี้ทุกคนต่างตกตะลึงทั้งรู้สึกมึนงงไม่เข้าใจนัก

สีหน้าท่าทางของพวกมันแทบไม่ต่างใดจากพญามังกรเสื้อม่วงแม้แต่น้อย ราวกับได้เห็นบางสิ่งอันยากทำใจเชื่อได้ลงคอ!

เพราะตอนนี้สภาพร่างที่น่าอนาถแลดูสาหัสที่ปรากฏขึ้นกลางอากาศนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน กลับเป็นร่างของ เผยซื่อไห่ ที่พึ่งวูบหายเข้ารอยแยกมิติไปได้ไม่ทันไร!!

ยามไปเผยซื่อไห่แลดูสง่างามน่าเกรงขาม สะพายดาบพร้อมฝักกลางหลังให้ความรู้สึกประหนึ่งจอมดาบไร้เทียมทาน…

หากทว่าสภาพและสารรูปของเผยซื่อไห่ตอนนี้ ไม่มีส่วนใดแลเหมือนก่อนหน้าแม้แต่น้อย ด้านหลังยังคงเหลือแต่ฝักดาบว่างเปล่า ดาบพันอาคมเซียนไม่ทราบหายไปอยู่ที่ใดแล้ว…

นอกจากนี้แขนซ้ายของมันยังขาดด้วนเสมอไหล่! ดูจากปากแผลคล้ายถูกพลังทำลายล้างมหาศาลบดขยี้จนเลือดเนื้อฉีกกระชาก! ทั่วกายไม่มีที่ใดไม่มีโลหิตแดงฉาน แลดูน่าสยดสยองนัก!!

มือขวาที่เหลืออยู่ ถือระฆังสีทองที่แตกร้าวเอาไว้…

เห็นสารรูปเผยซื่อไห่เป็นแบบนี้ ไหนเลยจะไม่ทำให้พญามังกรเสื้อม่วงและคนอื่นๆตกตะลึงพรึงเพริดได้

“มะ…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?”

“ได้อย่างไร…ที่แท้สถานการณ์ด้านในนั้นมันเป็นอย่างไรกันแน่! กระทั่งยอดฝีมืออย่างใต้เท้าเผยซื่อไห่ที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนยังบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ในเวลาอันสั้น!?”

“กระทั่งอันดับที่ 7 ในรายนามยอดเซียนเข้าไปได้ไม่ทันไรกลับมีสภาพเช่นนี้…หากข้าไม่มาเห็นว่าใต้เท้าเผยซื่อไห่พึ่งเข้าไปเมื่อครู่ ให้พูดให้ตายข้าก็ไม่มีวันเชื่อเรื่องราวผีสางนี้แน่!”

“ไฉนใต้เท้าเผยซื่อไห่บุกเข้าไปในสถานที่ๆสมควรเป็นคลังสมบัติของครึ่งก้าวเซียนอมตะครู่เดียว กลับได้รับบาดเจ็บมาถึงขั้นนี้กัน…ต่อให้บุกรุกเข้าไปโดนค่ายกลอันใดก็มิควรบาดเจ็บถึงขั้นนี้มิใช่หรือ?”

“สถานการณ์ในคลังสมบัติแห่งนี้ท่าทางจะหนักหนาสาหัสกว่าที่พวกเราคิดคาด…น่ากลัวป่านนี้ผู้ที่อยู่ด้านในคงพากันตกตายหมดสิ้น!!”

เห็นสภาพยับเยินของเผยซื่อไห่ ผู้คนที่ยังคงเฝ้ารออย้านนอกอดไม่ได้ที่จะขวัญหนีดีฝ่อไปด้วยความกลัว

หลังจากที่เริ่มกล่าวถึงเรื่องนี้ ไม่นานสองตาพวกมันก็ทอประกายสั่นไหวคล้ายตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง และเมื่อสบตากันอีกครั้ง ก็แลเห็นแต่ความหวาดกลัว

“กระทั่งใต้เท้าเผยซื่อไห่ยังได้รับบาดเจ็บขนาดนี้…ข้าเกรงว่าเรื่องราวด้านในจะร้ายแรงเกินรับมือแล้ว”

“มิผิด…หาไม่แล้วไหนเลย 1 ใน 4 มหาธรรมราชาอย่างจ้าวค้างคาวปีกเขียวของลัทธิอารามทมิฬจะตกตาย?”

“กระทั่งตัวตนอย่างจ้าวค้างคาวปีกเขียวยังตายตก…ใต้เท้าเผยซื่อไห่ก็มีสภาพเช่นนี้ในพริบตา เช่นนั้นอย่าได้กล่าวถึงผู้นำพันธมิตรพันสารทกับผู้นำพันธมิตร 7 สังหารแล้ว ทุกคนล้วนมาพ้นถูกสถานที่ผีสางนี่ฆ่าตายหมดสิ้น!!”

……

ตอนนี้ทุกคนคล้ายตระหนักได้แล้วว่าสิ่งใดที่ทำให้ผู้คนล้มตาย…

กระทั่งยอดฝีมืออันร้ายกาจอย่างเผยซื่อไห่ เพียงวูบร่างเข้าไปด้านในสถานที่อันน่าจะเป็นคลังสมบัติของครึ่งก้าวเซียนอมตะไม่กี่ลมหายใจ สภาพยังย่ำแย่ขนาดนี้….

แถมดาบพันอาคมเซียนยังสาบสูญไปอีก! แล้วจ้าวค้างคาวปีกเขียวกับผู้อื่นที่ด้อยกว่าเผยซื่อไห่ยังจะเหลืออะไร!!

เมื่อตระหนักได้ถึงอันตรายของสถานที่อันน่าจะเป็นคลังสมบัตินี้ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดกลัวจับใจ

“เจ้า…ในมือของเจ้าคือระฆังสุญตาเช่นนั้นหรือ?”

ตอนนี้เองพลันมีเสียงเย็นชาอันเต็มไปด้วยความประหลาดใจของสตรีดังขึ้น เสียงดังกล่าวยังดึงสติทุกคนให้กลับมารู้สึกตัวทันที

หลังคืนสติแล้วทุกคนก็พบว่าผู้ที่กล่าวคำเป็นพญามังกรเสื้อม่วงนี่เอง

ตอนนี้นางกำลังมองถามเผยซื่อไห่

และสายตาที่มองไปของนางก็ไม่ได้ตกอยู่ที่ร่างเผยซื่อไห่แต่อย่างไร ทว่าเป็นวัตถุชิ้นหนึ่งในมือขวาของเผยซื่อไห่…ระฆังทองที่เต็มไปด้วยรอยร้าวนั่น! แถมประกายตายังลุกวาวราวกับระฆังทองร้าวๆนี้มีอะไรพิเศษ!!

รอยร้าวบนระฆังทองนั้น หากสังเกตให้ดีจะพบว่ามันรอยร้าวที่ยังสดใหม่นัก คล้ายพึ่งเสียหายไม่นาน!

นอกจากนั้นเมื่อทุกคนมองตามสายตาของพญามังกรเสื้อม่วงไปจนแลเห็นระฆังสีทองที่แตกร้าวนั่น ไม่นานพวกมันก็สังเกตเห็นอักขระโบราณที่สลักไว้ทั่วตัวระฆัง แถมตอนนี้อักขระทั้งหลายยังเรืองแสงจางๆประหนึ่งมีชีวิต พาลให้พวกมันชมดูจนละลานตาอยู่บ้าง

ทว่าหลังจดๆจ้องๆอยู่ได้ไม่นาน พวกมันก็รู้สึกงุนงงสองตาพร่าเลือน เร่งถอนสายตาออกจากระฆังทองร้าวๆดังกล่าวทันที

“นั่น…หรือจะเป็น ระฆังสุญตา 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนจริงๆ!”

ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่งกล่าวกระซิบเบาๆกับตัว

หากทว่าเสียงกระซิบเบาๆนี้กลับมีหลายคนที่ได้ยิน ต่างตระหนักได้ทันที

“ที่แท้ในมือของใต้เท้าเผยซื่อไห่นั่นกลับเป็น ระฆังสุญตา 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียน!!”

“ข้าได้ยินมาว่าในบรรดายอดศาสตราเซียนทั้ง 10มียอดศาสตราเซียนประเภทป้องกันแค่ 3 ชิ้น และระฆังสุญตาก็เป็นหนึ่งในนั้น!”

“ระฆังสุญตา…ยอดศาสตราเซียนประเภทป้องกันหรือ?”

“สวรรค์ หากนั่นเป็นระฆังสุญตาจริง…เช่นนั้นต้องเป็นพลังมหาศาลถึงเพียงใดกันที่ทำให้มันถึงกับแตกร้าวได้ขนาดนี้!?”

“อีกทั้งหากมองจากรอยราวนั้น ร่องรอยยังสดใหม่นักกระทั่งยังมีเศษผงจากการแตกหลงเหลือ…มันสมควรพึ่งแตกร้าวตอนใต้เท้าเผยซื่อไห่บุกเข้าไปในรอยแยกต้องสงสัยว่าจะเป็นคลังสมบัติของครึ่งก้าวเซียนอมตะไม่ผิดแน่!!”

“ใต้เท้าเผยซื่อไห่มีระฆังสุญตา…แต่กลับสาหัสขนาดนี้หลังเข้าไปได้ไม่ทันไร ที่แท้ด้านในเป็นนรกขุมไหนกัน?”

……

ตอนนี้ความสนใจของผู้คนไม่ได้อยู่ที่เรื่องเผยซื่อไห่ไปได้ระฆังสุญตามาครองได้อย่างไร

แต่ความสนใจของพวกมันทั้งหมดล้วนอยู่ที่รอยร้าวของระฆังสีทองนั่น!!

แม้จะถูกพญามังกรเสื้อม่วงกล่าวถาม หากแต่เผยซื่อไห่ไม่ได้ตอบคำอะไร

มันยังลอยร่างนิ่งค้างกลางหาว ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอยู่นาน

ตอนนี้ในหัวของมันเต็มไปด้วยฉากเรื่องราวก่อนหน้า…

เรื่องที่มันพึ่งประสบมานั้นนับว่าน่ากลัวนัก…อีกแค่นิดเดียวมันก็เกือบเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว!

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดเผยซื่อไห่ก็ก้มลงไปมองระฆังสีทองที่เต็มไปด้วยรอยร้าวในมือขวา ยังลอบคิดไปในใจอย่างยินดี ‘โชคดีนักที่ข้าได้รับระฆังสุญตายอดศาสตราเซียนประเภทป้องกันจากอาจารย์มาไว้ป้องกันตัว…ไม่งั้นเมื่อครู่ข้าได้ตายคาที่แน่!’

‘ระนาบเทียมแห่งนี้…ดูอย่างไรก็ไม่คล้ายคลังสมบัติของครึ่งก้าวเซียนอมตะเลย เสมือนมันเป็นกับดักที่ครึ่งก้าวเซียนอมตะตั้งใจทิ้งไว้มากกว่า!’

สีหน้าเผยซื่อไห่ค่อยๆมืดลงทุกขณะ

‘ดูเหมือนที่ไข่มุกวิญญาณของศิษย์พีไป๋ลี่แตกเป็นเสี่ยง 9 ใน 10 ส่วน ล้วนเป็นเพราะศิษย์พี่เข้าไปในระนาบเทียมและถูกพลังจากค่ายกลสังหารด้านในฆ่าตายไม่ผิดแน่…’

ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ สีหน้าเผยซื่อไห่ก็ยิ่งมืดลงเท่านั้น

มันมานี่ครั้งนี้ล้วนเป็นเพราะไป๋ลี่คนเดียว

ไป๋ลี่ เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน พลังฝีมืออยู่ในอันดับที่ 9 ของรายนามยอดเซียน และเป็น 1 ในผู้พิทักษ์ของนครแห่งบาป ทั้งยังเป็นผู้ฝึกตนอิสระไร้สังกัดไม่กี่คนในภูมิภาคเบื้องบน ที่สามารถบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนได้!

หากทว่าไม่มีใครรู้เลย…

ไป๋ลี่…เป็นศิษย์ส่วนตัวของเนี่ยอู๋เทียนด้วย!

กระทั่งยังเป็นศิษย์พี่ของเผยซื่อไห่!

อนิจจาด้วยศักยภาพพรสวรรค์ของไป๋ลี่ไม่สูงพอจะสืบทอดมรดกของเนี่ยอู๋เทียนได้อย่างภาคภูมิ มันจึงไม่มีหน้าประกาศบอกผู้ใดว่าเป็นศิษย์ของเนี่ยอู๋เทียน แต่อย่างไรมันก็ยึดถือว่าตัวเองเป็นศิษย์ของเนี่ยอู๋เทียนคนหนึ่ง แถมยังรักและเอ็นดูศิษย์น้องอย่างเผยซื่อไห่มาก…

ในสายตาของเผยซื่อไห่เองก็เห็นไป๋ลี่ไม่ต่างพี่ชายแท้ๆ…

ในมือของมันย่อมมีไข่มุกวิญญาณของไป๋ลี่เก็บไว้…

ครั้งนี้ล้วนเป็นเพราะไข่มุกวิญญาณของไป๋ลี่แตก มันจึงรีบเดินทางมายังนครแห่งบาปทันที

พอรู้จากคนในนครแห่งบาปว่า ครั้งสุดท้ายที่พบเห็นไป๋ลี่คือตอนที่ไป๋ลี่กำลังหารือเรื่องราวบางประการกับเมิ่งฮ่าว ต่อมาเมื่อมันไร้เบาะแสไป๋ลี่ จึงเริ่มสืบจากเมิ่งฮ่าวทันที…ในที่สุดเบาะแสทั้งหมดก็นำมันมาสู่สถานที่แห่งนี้