บทที่ 813 หางลอยขึ้นไปบนฟ้า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 813 หางลอยขึ้นไปบนฟ้า

บทที่ 813 หางลอยขึ้นไปบนฟ้า

กู้ฟางสี่รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก แต่ก็โยนของบนเตียง ผ้านวม หมอน และสิ่งอื่น ๆ ลงบนพื้นด้วยความโกรธ กู้เสี่ยวหวานมองไปที่การกระทำของผู้เป็นอา และรีบรุดขึ้นหน้า “ท่านอา…”

“เขาใช่สิ่งของเหล่านี้ ข้าคิดว่ามันสกปรก ข้าไม่ต้องการมัน ข้าไม่ต้องการมัน!” กู้ฟางสี่ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

นางรู้สึกว่ามันสกปรกเกินไป น่าขยะแขยงยิ่งนัก เป็นกลิ่นที่ผู้ชายตัวเหม็นคนนั้นทิ้งไว้

มันคงทิ้งไว้บนร่างกายของคน บนเสื้อผ้า อยู่ในทุกหนทุกแห่ง

กู้ฟางสี่กำลังจะเสียสติ นางกวาดสายตาไปรอบห้อง สัมผัสทุกอย่างภายในนั้น และอยากจะทิ้งสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด นางไม่ต้องการเห็นสิ่งเหล่านี้อีก

ตราบใดที่สิ่งเหล่านี้ยังปรากฏอยู่ในสายตา สิ่งเหล่านี้จะทำให้นางหวนนึกถึงอดีตอันน่าอัปยศอดสูเหล่านั้น

“ท่านอา ท่านอา… ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว! ข้าจะเผาทุกอย่างในห้องนี้ทิ้งแล้วเปลี่ยนให้ท่านใหม่! สิ่งใดที่ไม่ต้องการ สิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับคนผู้นั้น พวกเราไม่ต้องการอีกต่อไป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเรามาใช้ชีวิตที่ดีร่วมกันเถอะ ท่านอาจะไม่ถูกทุบตีหรือถูกรังแกอีกต่อไป อยู่ที่นี่ให้เหมือนอยู่ในบ้านของตัวเองได้เลย!”

“ฮือ ๆๆ…” เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ กู้ฟางสี่ไม่สามารถกลั้นน้ำตาของนางไว้ได้ นางจับมือของกู้เสี่ยวหวานไว้ และพูดด้วยความโศกเศร้า “ตั้งแต่ท่านพ่อกับท่านแม่เสียชีวิต ข้าไม่เคยมีบ้าน ในบ้านตระกูลกู้ ข้าอยู่ในบ้านยังไม่ได้แต่งงานออกไป ข้าเป็นสินค้าที่ขาดทุน และในสถานที่แล้วร้ายเช่นนั้น ข้าก็ราวกับเป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง เป็นเครื่องมือให้เขาได้ระบายความอึดอัดใจ ข้า… ข้าไม่มีบ้าน!”

กู้ฟางสี่น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความปีติ

ครั้นเมื่อท่านพ่อและท่านแม่ยังมีชีวิติอยู่ นางมีครอบครัว แต่หลังจากท่านพ่อและท่านแม่จากไปหลายปีเข้า นางก็ไม่เคยรู้สึกถึงความอบอุ่นของบ้านอีกเลย

ตอนนี้นางได้อยู่ในบ้านของกู้เสี่ยวหวาน นางรู้สึกถึงความอบอุ่นของคำว่าบ้าน

ความเจ็บปวดที่กู้ฟางสี่ต้องเผชิญ ทำให้ห้ทุกคนต้องลอบเช็ดน้ำตาอย่างเงียบ ๆ

“ฮือ ท่านอา อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้…” กู้เสี่ยวอี้กอดขากู้ฟางสี่และร้องไห้อย่างขมขื่น น้ำมูกน้ำตาไหลเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้า

น้ำตาของกู้เสี่ยวหวานเองก็หลั่งรินมาเช่นกัน นางมองไปที่กู้ฟางสี่และพูดอย่างหนักแน่น “ท่านอา ตลอดชีวิตของท่าน ข้า กู้เสี่ยวหวานคนนี้จะดูแลท่านจนกว่าชีวิตจะหาไม่!”

กู้ฟางสี่ร้องไห้อย่างขมขื่นกอดกู้เสี่ยวหวานเอาไว้ และร้องไห้โฮอย่างเศร้าสร้อย

“ท่านอา ท่านไม่ต้องอยู่ห้องนี้อีกต่อไปแล้ว บ้านของข้าที่นี่มีหลายห้อง และทุกอย่างในนั้นถูกเตรียมไว้หมดแล้ว ท่านสามารถเลือกห้องไหนก็ได้ที่ต้องการ!”

กู้เสี่ยวหวานเกลี้ยกล่อม

หลังจากประสบพบเจอสถานการณ์อันเลวร้ายในสถานที่หนึ่ง ย่อมเกิดความทรงจำไม่ดีต่อสถานที่แห่งนั้น

เดิมทีกู้เสี่ยวหวานวางแผนที่จะให้กู้ฟางสี่อาศัยอยู่ที่นี่ต่อไป และวางแผนจะทำความสะอาดทุกอย่างที่นี่

มีชุมชนแออัดอยู่ทางตะวันออกของเมืองพอดี คนที่นั่นล้วนเป็นคนยากจน ไม่มีอาหารกิน ไม่มีเสื้อผ้ากันหนาว วันพรุ่งนี้นางจะเก็บเสื้อผ้าและเครื่องนอนทั้งหมดเหล่านี้ไปมอบให้คนยากไร้เหล่านั้น

ป้าจางทั้งหัวเราะและร้องไห้ เมื่อเห็นทุกคนกำลังเช็ดน้ำตา นางก็ยิ้มและเกลี้ยกล่อม “เอาล่ะ นี่เป็นเรื่องที่ดี อย่าร้องไห้เลย อย่าร้องไห้เลย ตอนนี้พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ! คืนนี้พวกเรายังไม่ได้กินข้าวกันเลย!”

หลังจากที่ทุกคนกลับมาถึงห้องโถงอีกครั้ง กู้เสี่ยวหวานก็เห็นชามและตะเกียบที่หลิวชิงซานใช้เมื่อครู่ จึงตะโกนบอกอาโม่ว่า “ทิ้งมันไปให้หมด”

อาโม่รับตอบรับคำสั่งฉับไว และนำของเหล่านั้นออกไปทิ้งในพื้นที่ห่างไกลทันที จากนี้ไปจะไม่มีความทรงจำที่มีหลิวชิงซานในสวนกู้แห่งนี้อีกต่อไป

พรุ่งนี้จะพาท่านอาไปตัดเสื้อผ้า เปลี่ยนทุกอย่างทั้งภายนอกและภายใน

กู้เสี่ยวหวานครุ่นคิดแผนในใจ และทานอาหารกับทุกคนจนเสร็จ

หลังมื้ออาหารเย็น กู้เสี่ยวหวานกำลังยุ่งอยู่ในครัวกับป้าจางและอาหญิงของตน

แม้ว่าสถานการณ์ที่บ้านจะดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทุกคนก็ยังทำหน้าที่ของตนเองเช่นเดิม และไม่ยัดเยียดทุกอย่างให้อาโม่

และป้าจางที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ นางจึงทำทุกอย่างที่ต้องการทำ

ในห้องครัวก็เห็นกู้ฟางสี่ติดตามป้าจางอย่างขยันขันแข็ง ทำสิ่งนี้ ทำสิ่งนั้น เอ่ยถามเป็นครั้งคราวทำให้ป้าจางนึกถึงอดีตโดยไม่ตั้งใจ

“ข้าจำได้ว่า ในอดีตเจ้าติดตามและขอให้ข้าสอนวิธีการทำสิ่งต่าง ๆ ข้ายังจำได้ว่าผ้าเช็ดหน้าผืนแรกที่เจ้าปัก ข้าก็เป็นคนสอน ฟางสี่เจ้ายังจำได้หรือไม่?” ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนในอดีตจะมีความทรงจำมากมาย

กู้ฟางสี่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “แน่นอน ข้าจำได้พี่สะใภ้!” ในตอนแรกนางก็ยิ้มเช่นกัน ไม่รู้ว่ากำลังคิดถึงเรื่องอะไร แต่ทันใดนั้นดวงตาของนางก็หรี่ลง และปรากฏความรู้สึกอ้างว้างอยู่ในนั้น

ราวกับฉุกคิดถึงเรื่องบางอย่างที่น่าปวดใจ กู้ฟางสี่เงียบลงไปทันที

เมื่อป้าจางเห็นกู้ฟางสี่เป็นเช่นนั้นก็มีสีหน้าอึดอัดใจ พลางดุตัวเองในใจและเปลี่ยนหัวข้อสนทนาด้วยรอยยิ้ม “ฟางสี่ เจ้าชอบปักผ้าไม่ใช่หรือ ตอนนี้เจ้าสามารถทำกับเสี่ยวอี้ได้!”

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ กู้ฟางสี่ก็เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ว่าอย่างไรนะ? เสี่ยวอี้สามารถปักผ้าได้หรือ?”

“ฟางสี่ อย่ามองเพียงว่าเสี่ยวอี้เป็นเด็กที่อายุยังน้อย นางได้รับการยอมรับจากเถ้าแก่เนี้ยร้านหรูอี้และเถ้าแก่เนี้ยร้านขายผ้าจี๋เสียงว่ามีพรสวรรค์ในการเย็บปักถักร้อย เมื่อนางเรียนรู้ก็สามารถทำได้ทันที!” ป้าจางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ ท่าทางที่พอใจนั้นดูเหมือนจะยกย่องตัวเอง

ครั้นเห็นว่าป้าจางชื่นชมกู้เสี่ยวอี้เป็นอย่างมาก กู้เสี่ยวหวานก็ยิ้มและพูดว่า “ท่านป้า อย่าชมมากเกินไป ดูคำชมของป้าสิ หางของนางจะลอยขึ้นไปบนฟ้าอยู่แล้ว!”

“ท่านพี่ ข้าไม่มีหาง!” เมื่อกู้เสี่ยวอี้ได้ยินพี่สาวบอกว่านางมีหาง นางก็รีบหันกลับไปมองอย่างไม่เชื่อ และใช้มือลูบ ลูบอยู่นานก็ไม่พบเจอสิ่งใด นางจึงรีบพูดแก้ต่างขึ้นมา

ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นแดงก่ำอย่างเป็นกังวล และเมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูดเมื่อครู่ คนในครัวก็หัวเราะเสียงดัง

กู้เสี่ยวอี้เป็นกังวล ท่านพี่บอกว่าตนมีหาง แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่มี!

ยิ่งทุกคนหัวเราะอย่างมีความสุข นางก็ยิ่งหน้าแดง

กู้เสี่ยวอี้ดึงเสื้อของกู้เสี่ยวหวานและพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “ท่านพี่ ข้าไม่มีหางจริง ๆ!”

“ฮ่า ๆๆ…” ทุกคนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

กู้เสี่ยวหวานกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นน้องสาวของนางมีใบหน้าแดงก่ำและพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่น อืม ข้ากำลังชมเจ้าอยู่ เจ้าควรจะภูมิใจให้มาก!”