ตอนที่ 801 หลอกปั่นหัว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 801 หลอกปั่นหัว

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองไปทางเสิ่นชิงจู๋ยิ้มๆ เสิ่นชิงจู๋พยักหน้าลงเบาๆ

เตาผิงภายในกระโจมใหญ่สว่างจ้า เสิ่นชิงจู๋ใช้ไม้ทองแดงยาวเขี่ยถ่านที่อยู่ด้านในเตาผิง แสงสีแดงนวลส่องกระทบร่างของหญิงสาวจนดูอบอุ่นขึ้นทันที

ไป๋ชิงเหยียนยิ้มออกมาน้อยๆ จากนั้นก้มหน้าอ่านจดหมายของมารดา ไม่นานจึงกล่าวขึ้นช้าๆ “ตอนนั้นข้ามีองครักษ์หญิงคอยคุ้มครอง มีท่านปู่ ท่านพ่อ บรรดาท่านอาและน้องชายอยู่เบื้องหลัง ข้าย่อมกล้าบุกไปด้านหน้าโดยไม่กังวลต่อสิ่งใด ทว่า ตอนนี้ข้าจะกล้าวู่วามอย่างเช่นตอนนั้นได้อย่างไรกัน”

ไป๋ชิงเหยียนยังต้องปกป้องคุ้มครองคนในตระกูล ยังต้องสานต่อปณิธานที่ยังไม่สำเร็จของบรรพบุรุษ นางจะปล่อยให้ตัวเองตายไปเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

เสิ่นชิงจู๋มองดูไป๋ชิงเหยียนที่ผอมซูบลงกว่าเมื่อก่อนมาก หญิงสาวรู้สึกผิดมาก นางเป็นองครักษ์ของคุณหนูใหญ่ ทว่า ไม่ได้ติดตามมาปกป้องคุณหนูใหญ่ในสนามรบ กลับอยู่ในเมืองหลวงที่มีแต่ความสงบ ปล่อยให้คุณหนูใหญ่มาเสี่ยงอันตรายอยู่คนเดียว นางไม่ควรทำเช่นนี้จริงๆ

ต่งซื่อกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนในจดหมายว่าทุกอย่างที่ซั่วหยางเรียบร้อยดี ไป๋ชิงเหยียนไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ จากนั้นกล่าวอย่างเป็นนัยว่าผู้ดูแลหลิวจัดการเรื่องทุกอย่างที่ไป๋ชิงเหยียนสั่งเรียบร้อยหมดแล้ว

“ฮูหยินกล่าวสิ่งใดบ้างเจ้าคะ” เสิ่นชิงจู๋ถามอย่างสงสัย

“ท่านแม่กล่าวในจดหมายว่าประมุขไป๋ฉีเหอรู้ว่าข้าต้องการสมุนไพรจำนวนมาก เขาและบรรดาคนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋ไม่เพียงหาซื้อยาสมุนไพรจำนวนมากส่งมาสนับสนุนกองทัพของเราเท่านั้น พวกเขายังบริจาคสมบัติของตัวเองเพื่อหาซื้อเสบียงอาหารส่งมาให้พวกเราอีก แม้จะไม่เพียงพอสำหรับทหารทุกคน ทว่า ถือเป็นน้ำใจของตระกูลบรรพบุรุษไป๋”

ไป๋ชิงเหยียนเปิดอ่านหน้าถัดไป “ที่เหลือคือคำกำชับต่างต่างนานาของท่านแม่”

ไป๋ชิงเหยียนอ่านถ้อยคำกำชับของมารดาทุกคำอย่างตั้งใจ จากนั้นหันไปลูบเสื้อคลุมขนจิ้งจอกตัวใหญ่ในย่ามที่มารดาเย็บด้วยตัวเอง แววตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความอบอุ่น

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนพับจดหมายของต่งซื่อเก็บเรียบร้อยแล้ว เสิ่นชิงจู๋จึงหยิบจดหมายอีกฉบับออกมาจากอกพลางส่งให้ไป๋ชิงเหยียน “นี่คือจดหมายที่คุณหนูรองฝากมาให้คุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนรีบรับจดหมายมาเปิดอ่านท่ามกลางแสงไฟอย่างละเอียด

“ตั้งแต่ที่คุณหนูรองทราบว่าฟ่านอวี่ไหวมีพฤติกรรมแปลกๆ นางจึงสั่งให้คนจับตาดูความเคลื่อนไหวของฟ่านอวี่ไหวและคนที่ฟ่านอวี่ไหวไปมาหาสู่บ่อยๆ ไว้เจ้าค่ะ…” เสิ่นชิงจู๋เล่าเรื่องที่นางรับรู้ทั้งหมดให้ไป๋ชิงเหยียนฟังด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่รู้ว่าฟ่านอวี่ไหวผู้นี้เป็นคนรอบคอบมากหรือเป็นเพราะเขาแค่ต้องการพบปะกับลูกน้องเก่าเฉยๆ เขาออกไปสังสรรค์กับลูกน้องเก่าของหน่วยตรวจเมืองและลูกน้องในหน่วยกองกำลังรักษาพระองค์แทบเป็นประจำเจ้าค่ะ”

“เมื่อข้าทราบเรื่องนี้ข้าเคยซื้อตัวบ่าวรับใช้ของโรงสุราไว้คนหนึ่ง หวังจะให้เขาช่วยจับตาดูความเคลื่อนไหวในโรงสุรา ข้าพบกับคนที่คุณหนูรองส่งมาสืบในโรงสุราเช่นเดียวกัน ทว่า ไม่ว่าจะเป็นบ่าวรับใช้ของโรงสุราหรือคนของคุณหนูรองต่างก็ไม่พบสิ่งผิดสังเกตใดๆ ทั้งสิ้นเจ้าค่ะ นอกจากรำลึกความหลังครั้งเก่าแล้ว พวกเขาแทบไม่ได้สนทนาเรื่องอื่นเลยเจ้าค่ะ”

นอกจากเสิ่นชิงจู๋จะอยู่ดูแลอาจารย์ของตัวเองในเมืองหลวงต่อแล้ว เมื่อหญิงสาวพบเรื่องผิดปกติ นางยังช่วยคุณหนูรองสืบหาเบาะแสของเรื่องเหล่านี้อีกด้วย

นอกจากเรื่องที่เสิ่นชิงจู๋เล่ามาทั้งหมดแล้ว ไป๋จิ่นซิ่วยังกล่าวในจดหมายอีกว่าเงินที่เขาใช้เลี้ยงบรรดาลูกน้องทั้งหมดเกือบเท่าเงินเดือนของเขาเลยด้วยซ้ำ

ทว่า การใช้เงินเกือบเท่าเงินเดือนที่ได้รับของฟ่านอวี่ไหวทำให้ไป๋จิ่นซิ่วยิ่งรู้สึกหวาดระแวง ตระกูลฟ่านมีกิจการอื่นเป็นรายได้สำหรับเลี้ยงครอบครัว การที่ฟ่านอวี่ไหวสามารถควบคุมให้การใช้จ่ายของตัวเองไม่เกินเงินเดือนที่ได้รับได้แสดงให้เห็นว่าคนผู้นี้คำนวณวางแผนทุกอย่างมาดีแล้ว

ทว่า บัดนี้นางยังหาหลักฐานใดไม่ได้แม้แต่น้อย ทว่า สิ่งที่น่ายินดีก็คือสองในบรรดาคนของไป๋ชิงเหยียนที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อที่ส่งให้ฟ่านอวี่ไหวตั้งแต่แรกถูกฟ่านอวี่ไหวเรียกตัวไปร่วม ‘สังสรรค์’ เช่นเดียวกัน หากฟ่านอวี่ไหวมีสิ่งใดผิดปกติ สองคนนั่นต้องรายงานเรื่องนี้ให้องค์รัชทายาททราบเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์อย่างแน่นอน

“ยังมีอีกเรื่องเจ้าค่ะ…” เสิ่นชิงจู๋วางไม้เขี่ยถ่านในมือลง จากนั้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียนผ่านเตาผิงที่กำลังร้อนระอุ “แม่ทัพฝูรั่วซีสลับตำแหน่งของนายร้อยกับนายพันที่สนิทสนมกับฟ่านอวี่ไหวตามคำสั่งของคุณหนูใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ทว่า ฟ่านอวี่ไหวไม่ได้ตีตัวออกห่างจากนายพันที่ถูกลดตำแหน่งแม้แต่น้อยเลยเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นเงยหน้าถามต่อ “แล้วฟ่านอวี่ไหวเข้าไปตีสนิทกับนายร้อยที่ถูกเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นนายพันผู้นั้นบ้างหรือไม่”

เสินชิงจู๋ส่ายหน้า “ตอนที่ข้าจากมา เขายังไม่ได้ทำเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพลิกอ่านหน้าถัดไป ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวในจดหมายว่านางสืบรู้แล้วว่าผู้ใดเป็นคนเสนอให้ฟ่านอวี้กานและจางตวนหนิงรับหน้าที่ควบคุมเสบียงอาหารและยามายังต้าเหลียง…

ฟ่านอวี่ไหวนำของกำนัลไปมอบให้กับหงเหมยที่กำลังเป็นที่โปรดปรานที่สุดขององค์รัชทายาทในตอนนี้เพื่อปูทางให้บุตรชายของตัวเอง เมื่อหงเหมยเล่าเรื่องนี้ให้องค์รัชทายาทฟัง องค์รัชทายาทจึงเรียกฟ่านอวี่ไหวมาผูกมิตร กล่าวว่าฟ่านอวี่ไหวคือคนกันเอง สามารถมาขอร้ององค์รัชทายาทเรื่องอนาคตของบุตรชายเขาด้วยตัวเองได้

ส่วนจางตวนหนิง เป็นเพราะหลู่เซียงไม่ไว้ใจฟ่านอวี้กาน เขาจึงเสนอให้จางตวนหนิงที่สุขุมและรอบคอบเดินทางไปด้วย

เมื่ออธิบายเรื่องเหล่านี้อย่างละเอียดแล้ว ไป๋จิ่นซิ่วจึงเล่าถึงเรื่องของฉินหล่างในช่วงท้ายของจดหมาย

บัดนี้องค์รัชทายาทเป็นคนจัดการเรื่องในราชสำนัก องค์รัชทายาทเห็นแก่ที่ฉินหล่างคือน้องเขยของไป๋ชิงเหยียนเขาจึงจะส่งฉินหล่างที่ตอนนี้มีหน้าที่แก้ไขตำราเก่าแก่ในราชสำนักไปเป็นนายอำเภอที่เมืองไป๋ว่อ ก่อนที่องค์รัชทายาทจะประกาศราชโองการฉบับนี้ออกไป เขาเรียกฉินหล่างไปพบเป็นการส่วนพระองค์ ตรัสตรงๆ ว่าเขาเห็นแก่ที่ฉินหล่างคือน้องเขยของไป๋ชิงเหยียน ขอเพียงฉินหล่างรับราชการอยู่ต่างถิ่นสักสามสี่ปีและสร้างผลงานขึ้นมาได้ องค์รัชทายาทจะดึงตัวฉินหล่างกลับมารับตำแหน่งสำคัญในเมืองหลวง

ฉินหล่างจัดเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เมื่อฉลองปีใหม่เสร็จก็จะเดินทางไปรับตำแหน่งที่เยี่ยนว่อ

ท้ายที่สุดคือเรื่องการสร้างหอบูชาเก้าชั้น กรมโยธากล่าวว่าน่าจะสร้างหอบูชาเก้าชั้นเสร็จสมบูรณ์ในเดือนหกของปีหน้า บัดนี้ในเมืองหลวงต่างลือกันว่าจักรพรรดิต้าจิ้นจะเริ่มรวบรวมเด็กชายและเด็กหญิงอย่างละห้าร้อยคนขึ้นไปขอพรบนหอบูชาเก้าชั้นในเดือนสาม หลี่หมิงรุ่ยได้รับมอบหมายให้จัดการเรื่องนี้ แม้จะยังไม่มีราชโองการประกาศออกมา ทว่า องค์รัชทายาทมอบคนให้หลี่หมิงรุ่ยแล้วจริงๆ

ตอนนี้ตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงเริ่มซื้อตัวเด็กจากพ่อค้าทาสมาปรุงยาวิเศษแล้ว ทว่า พวกเขากระทำอย่างลับๆ อีกทั้งเด็กที่ซื้อมาล้วนมีสัญญาทาสติดตัว ไม่มีผู้ใดกล้าทวงความยุติธรรมให้พวกเขา เรื่องนี้จึงไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่โต

ไป๋จิ่นซิ่วกังวลเรื่องนี้เพราะนางกลัวว่าจักรพรรดิต้าจิ้นจะอยากมีชีวิตเป็นอมตะจนหน้ามืดตามัว ถูกราชครูเทพผู้นั้นหลอกปั่นหัวจนเกิดความคิดผิดๆ ขึ้นมา

ฉินหล่างเคยได้รับคำชมจากจักรพรรดิต้าจิ้นว่าคู่ควรเป็นแบบอย่างแก่บุรุษสูงศักดิ์ในเมืองหลวง บางครั้งจักรพรรดิต้าจิ้นจึงเรียกตัวฉินหล่างไปช่วยจัดเก็บตำราเกี่ยวกับยาอายุวัฒนะ

ฉินหล่างกล่าวว่าตำราเหล่านั้นมีการบันทึกเรื่องยาอายุวัฒนะของปฐมกษัตริย์แห่งแคว้น ตำราเล่มหนึ่งบันทึกไว้ว่าการพาเด็กชายและเด็กหญิงอย่างละห้าร้อยคนออกไปท่องเที่ยวที่ทะเลเป็นเพียงข้ออ้าง แท้จริงแล้วพวกเขาต้องการนำชีวิตของเด็กเหล่านั้นมาทำเป็นยาวิเศษ มอบให้แก่ผู้ที่ต้องการมีชีวิตยืนยาวรับประทาน

ไป๋จิ่นซิ่วกลัวว่าจักรพรรดิต้าจิ้นจะเชื่อในตำราที่บันทึกไว้และหลงผิดในวิชามาร รวบรวมเด็กหญิงและเด็กชายอย่างละห้าร้อยคนเหล่านั้นไปทำเป็นยาวิเศษ