บทที่ 872 หนาวที่หว่างขา

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 872 หนาวที่หว่างขา

ซูอันตัวสั่นเมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่คาดคิดเช่นนี้

พูดตามตรง การพบกับรัชทายาทนั้นเป็นเรื่องแปลก จากคำพูดของจักรพรรดิดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คนสั่งการให้ขันทีหลี่พาเขาไปยังสถานที่ใกล้เคียงที่องค์รัชทายาทอยู่

และแน่นอนว่าขันทีหลี่ไม่น่าจะทำเรื่องนี้โดยความตั้งใจของตัวเอง ซึ่งหมายความว่ามีคนอยู่เบื้องหลังคอยบงการ

ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นอาจหวังยืมมือรัชทายาทหรือองค์หญิงรัชทายาทกำจัดเขา เพราะท้ายที่สุดด้วยลักษณะนิสัยขององค์รัชทายาท มีโอกาสสูงที่เขาจะถูกสั่งประหาร องค์หญิงรัชทายาทเองก็อารมณ์ร้ายเช่นกัน คงจะสั่งให้โบยเขาจนตายได้ง่าย ๆ

หรือไม่ก็ด้วยความกกดดันที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร หากเขาถูกทั้งรัชทายาทและองค์หญิงรัชทายาทดูถูกเหยียดหยามมาก ๆ เข้า บางทีเขาอาจจะระเบิดอารมณ์ใส่รัชทายาทเอาได้โดยง่ายเช่นกัน

ไม่ว่าเขาจะทำร้ายรัชทายาทได้สำเร็จหรือตายที่ ณ ตรงนั้น ผลลัพธ์ทั้งสองอย่างจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่อยู่เบื้องหลัง แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตคือบุคคลนี้ไม่มีความสามารถในการส่งผู้ลอบสังหารเข้ามาในวังหลวงจึงต้องใช้วิธีเช่นนี้

แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้บงการจะคาดเดาได้ว่าเขาไม่รู้สึกเหมือนสุนัขจนตรอกเลย เขาวางแผนที่จะเข้าเฝ้าจักรพรรดิเพื่อจัดการเรื่องนี้ผ่านการเจรจาตั้งแต่แรก ดังนั้นจึงไม่มีทางที่แผนนี้จะประสบความสำเร็จ

จักรพรรดิเดินไปที่หน้าต่างโดยไพล่มือไว้ข้างหลัง ดวงตาจับจ้องไปที่ทิวทัศน์อันไกลโพ้น “เจ้ารู้ไหมว่าทำไมวันแรกที่มา ข้าถึงจัดให้เจ้าค้างคืนนอกวัง”

ซูอันอ้าปากจะพูดแต่ลังเล จักรพรรดิหัวเราะ “ไม่มีอันตรายถ้าจะแสดงความฉลาดของเจ้า จักรพรรดิผู้นี้ต้องการคนที่มีสติปัญญาไม่ใช่คนโง่เขลา”

ซูอันจึงกล่าวว่า “กระหม่อมเคยลองคิดเรื่องนี้เช่นกัน แน่นอนว่าการให้กระหม่อมรออยู่นอกวังหนึ่งวันนั้นหมายถึงการเพิ่มความเสี่ยงเพิ่มขึ้นไปอีกวัน ซึ่งก็เป็นดั่งคาด เหล่านักฆ่าปรากฏตัวขึ้น ในฐานะผู้บ่มเพาะอันดับหนึ่งของโลกไม่มีทางที่พระองค์จะมองข้ามความจริงนี้ไปได้”

จักรพรรดิหัวเราะกึกก้อง “เจ้าอย่าเสียเวลาเยินยอข้าเลย”

ซูอันหัวเราะแล้วพูดต่อ “หลังจากที่ได้พบกับฝ่าบาท ทันใดนั้นข้าก็นึกขึ้นได้ว่าฝ่าบาทกำลังใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อศัตรูทั้งหมดของพระองค์ออกมาเพื่อที่จะได้จับพวกมันในคราวเดียว…”

ตอนแรกจักรพรรดิส่งอ๋องเหลียงและทูตยุทธ์เสื้อแพรเพียงไม่กี่คนไปจับกุมซูอัน แม้ว่าพวกเขาจะดูแข็งแกร่ง แต่ความลับของชีวิตนิรันดร์นั้นมันล่อตาล่อใจจนเกินไป และความแข็งแกร่งของพวกเขาเพียงอย่างเดียวก็ไม่เพียงพอที่จะหยุดการโจมตีของฝ่ายต่าง ๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะกลโกงทั้งหมดที่เขามี วัชพืชบนหลุมฝังศพของเขาคงจะสูงเสียดฟ้าไปแล้ว

“ข้าแน่ใจว่าพวกมันแบ่งผลประโยชน์กันอย่างดีมาก ไม่เช่นนั้นพวกมันคงไม่กระโจนตัวเข้ามาทั้ง ๆ ที่พวกมันควรจะรู้ว่าเป็นกับดัก”

ซูอันตอบว่า “แผนของฝ่าบาทนั้นยอดเยี่ยม ดังนั้นจึงไม่ชัดเจนว่าเป็นกับดักอย่างโจ่งแจ้ง นอกจากนี้มันไม่สำคัญเท่าไรต่อให้คนเหล่านั้นจะสงสัย เพราะความเป็นอมตะเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนาและไม่มีใครอยากให้ฝ่าบาทได้รับความเป็นอมตะ นี่คือเหตุผลที่พวกมันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพุ่งเข้าใส่ แม้ในใจจะรู้ว่ามีหลุมคอยดักอยู่ข้างหน้าก็ตาม”

จักรพรรดิรู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าข้าไม่รู้ว่าเจ้าโตมาจากข้างถนน ข้าคงสงสัยว่าจริง ๆ แล้วเจ้าเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่เดินเตร่ในแวดวงการปกครองมาหลายสิบปีแล้ว เจ้านี่ดูแผนของข้าออกจริง ๆ”

“นี่เป็นเพียงการคาดเดาโดยเปล่าประโยชน์ในส่วนของกระหม่อม” ซูอันยิ้ม อีกฝ่ายพูดไม่ผิดจริง ๆ เขาเป็นผู้ปกครองในมิติลับซากเมืองอินซวีมาหลายทศวรรษและช่ำชองในเรื่องของการวางอุบายทางการเมืองมานานแล้ว

จักรพรรดิกล่าวต่อไปว่า “เจ้าพูดถูก ข้าต้องการล่อไอ้พวกคนที่แฝงตัวอยู่ออกมา ข้าต้องหาทางจัดการพวกมันให้ได้ และด้วยเหตุการณ์พยายามลอบสังหารที่เกิดขึ้นกับเจ้าในเมืองหลวง จึงเป็นที่แน่ชัดว่าตระกูลมู่หรงไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเอง”

เสนาบดีกลางมีหน้าที่คอยดูแลเมืองหลวงและพื้นที่โดยรอบตลอดจนพระญาติของจักรพรรดิ และยังรับผิดชอบในการรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อยภายในเมืองหลวง

ซูอันตื่นตระหนก เขาจำได้เลือนลางว่าฉู่ชูเหยียนกล่าวถึงบุคคลนี้มาก่อน ยายทวดของนางดูเหมือนจะมาจากตระกูลมู่หรง!

นี่ข้าเป็นบ้าอะไร ข้าให้ร้ายครอบครัวแม่ยายของข้าเอง…

จักรพรรดิยิ้มอย่างคลุมเครือ “มาถึงคำถามสำคัญสำหรับเจ้า เจ้าคิดว่าข้าควรจะจัดการกับเจ้าอย่างไรดี?”

ซูอันหัวเราะ “หากพิจารณาถึงความร่วมมือที่กระหม่อมมีมาตลอดตั้งแต่เดินทางออกจากเมืองจันทร์กระจ่างและความดีส่วนหนึ่งที่กระหม่อมช่วยฝ่าบาทจับหนอนได้มากมายขนาดนี้ กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทเพียงแค่แต่งตั้งให้กระหม่อมเป็นอ๋องหรืออะไรทำนองนั้นก็เพียงพอแล้ว”

จักรพรรดิหัวเราะขบขัน

ไอ้คนนี้คิดว่าตำแหน่งอันสูงส่งจะถูกแจกเหมือนกะหล่ำปลีงั้นหรือ?

เขายิ้ม “เจ้าเป็นคนที่ค่อนข้างฉลาด ข้าคิดว่าอนาคตเจ้าน่าจะเป็นขันทีที่ข้าไว้ใจได้…”

ดวงตาของซูอันแทบถลนออกจากเบ้า

เขาหุบขาทั้งสองเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกหนาวที่หว่างขาในทันใด

ซูอันโบกมือทันทีและพูดว่า “กระหม่อมไม่ใช่คนฉลาด และอ่านคนไม่ออกด้วยพะย่ะค่ะ! ทั้งยังงุ่มง่ามคงไม่สามารถดูแลผู้ยิ่งใหญ่อย่างฝ่าบาทได้!”

มุมริมฝีปากของจักรพรรดิโค้งขึ้นในขณะที่เขามองท่าทางประหม่าของซูอัน “เจ้าสามารถเรียนรู้ได้ แต่ถ้าหากเจ้ากังวลว่าจะเรียนรู้ช้า ข้ามีขันทีผู้มากประสบการณ์มากมายในวังที่สามารถประกบสอนเจ้านานนับปีแบบตัวต่อตัวได้”

ซูอันกัดฟันและพูดว่า “กระหม่อมแน่ใจว่าฝ่าบาทต้องการตัวกระหม่อมเอาไว้รับใช้ แต่ถ้าฝ่าบาทเปลี่ยนข้าเป็นขันที จะไม่มีการเจรจาอะไรต่อจากนี้ กระหม่อมขอยอมตายดีกว่า!”

จักรพรรดิหรี่ตาลง และบรรยากาศในห้องก็เย็นลงเล็กน้อย “เจ้าขู่ข้าหรือ?”

ซูอันรั้งตัวเองและพูดว่า “กระหม่อมแค่พูดออกมาจากใจจริง”

จักรพรรดิพูดเสียงดังกึกก้อง “เจ้านี่มันช่างบ้าบิ่นจริง ๆ งั้นก็ช่างเถอะ ข้าจะให้เจ้าเก็บเนื้อชิ้นน้อยนั้นไว้ตอนนี้ แต่เมื่อไรเจ้าทำให้ข้าไม่พอใจ ข้าจะส่งเจ้าไปที่ห้องตอนทันที”

ซูอันไม่รู้สึกขบขัน

เนื้อชิ้นนี้ของข้าไม่ใช่เนื้อชิ้นน้อย ถ้าเจ้าได้เห็นเจ้าอาจน้อยเนื้อต่ำใจไปจนตาย!

จักรพรรดิถอดหมวกสีเขียวออกจากศีรษะ หลังจากลูบไล้มันเบา ๆ เขาก็หยิบหนังสือขึ้นมาจากโต๊ะแล้วโยนให้ซูอัน “ท่องจำเนื้อหา แล้วหาวิธีนำมันไปอยู่ในมือราชันลมปราณ”

ซูอันคว้ามันไว้โดยสัญชาตญาณ หน้าปกของหนังสือเล่มนี้ดูเหมือนทำมาจากทองคำ แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนไม่เป็นเช่นนั้น มันเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หนังสือเล่มนี้ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่เก่าคร่ำครึราวกับว่ามันมีอยู่มานานกว่าหมื่นปี

ทว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุด สิ่งที่ทำให้ตกตะลึงมากจนแทบอ้าปากค้างคือตัวอักษรที่เขียนบนหน้าปก ‘วิชาวัฏจักรหงส์อมตะ’!

นี่จักรพรรดิตามหาวิชาวัฏจักรหงส์อมตะเจอมานานแล้วจริง ๆ หรือ?

ซูอันเหงื่อออกทันที อย่างไรก็ตาม เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าหากจักรพรรดิรู้จักวิชาวัฏจักรหงส์อมตะจริง ๆ เขาคงตายไปแล้ว

จักรพรรดิขมวดคิ้ว “ทำไมเจ้าถึงดูประหม่า?”

จากระดับการบ่มเพาะของเขา ความเร็วของอัตราการเต้นของหัวใจหรือขนที่ลุกชันก็ไม่สามารถหลบหนีการสังเกตของเขาได้