“มีวิธีหนึ่ง!”จู่ๆนัทธีก็พูด
วารุณีมองเขา แล้วก็มีจิตวิญญาณขึ้นมาทันที“วิธีไหน?”
“ไปจากจังหวัดจันทร์ ไปจากพงศกร ยิ่งไกลยิ่งดี แค่พงศกรหาเธอไม่เจอ เธอก็จะคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัย และเลี้ยงลูกจนโตได้ แน่นอนว่า เธอพาพ่อแม่เธอไปได้ด้วย แบบนี้พงศกรก็จะขู่เธอไม่ได้ แต่เธอยอมไหมเท่านั้นแหละ?”
นัทธีมองวารุณี“ไปแบบนี้ หมายความว่าเธอกลับมาไม่ได้เลยตลอดชีวิต ได้แต่ทำแบบนี้ เธอถึงแน่ใจได้ว่าพงศกรจะหาไม่เจอ แต่ขณะเดียวกัน เธอก็จะเจอพงศกรอีกไม่ได้ ดังนั้นผมถึงพูดไง เธอจะทำได้ไหม ถ้าเธอทำได้ งั้นนี่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ ถ้าไม่ได้ ก็ไม่มีใครช่วยเธอได้แล้ว”
คำนี้ทำให้วารุณีเงียบไป นานมากกว่าจะพูดออกมา“ฉันก็ไม่รู้เธอจะทำได้ไหม เธอรักพงศกรมากขนาดนั้น ดังนั้นถ้าไม่ได้เจอพงศกรทั้งชีวิต ฉันไม่รู้ด้วยเธอจะยอมไหม และก็ ถ้าเธอยอม งั้นฉันก็จะไม่ได้เจอเธออีกด้วยใช่ไหม?”
“ไม่ คุณยังเจอได้”นัทธีส่ายหน้า“ถ้าปาจรีย์อยากไปจากจังหวัดจันทร์ พงศกรต้องสงสัยแน่นอนว่าคุณช่วยเธอ เพื่อจะหาปาจรีย์ให้เจอ เขาต้องจับตาดูคุณแน่ แต่ไม่เป็นไร มีผมอยู่นี่ ถึงเขาจะจับตาดูคุณ ก็ไม่สามารถหาปาจรีย์เจอจากคุณได้ ดังนั้นคุณยังติดต่อหรือเจอกับปาจรีย์ได้”
พอได้ยิน วารุณีก็โล่งอกทันที“งั้นก็ดี ดังนั้นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้ ก็คือปาจรีย์จะไม่เจอพงศกรไปตลอดชีวิตได้ไหม แค่เธอทำได้ ปัญหาเธอก็จะไม่ใหญ่”
“ถูกต้อง”นัทธีเงยคางขึ้น“ดังนั้นต่อไป คุณโน้มน้าวเธอให้ดีๆ แค่เธอยอม ผมก็สามารถหาสถานที่ให้พวกเขาพักทั้งครอบครัวได้ และยังช่วยปกปิดร่องรอยให้พวกเขาด้วย ให้พงศกรหาไม่เจอ”
“ขอบคุณนะสามี”วารุณีมองชายหนุ่มอย่างประทับใจ
ชายหนุ่มลูบผมของเธอ“คุณคือภรรยาผม แค่คุณไม่ไปจากผม คุณอยากทำอะไร ผมทำให้คุณได้หมด ถึงเป็นเพื่อนที่คุณแคร์ ผมก็สามารถช่วยได้อย่างเต็มที่”
เพราะว่ารักเธอ ดังนั้น เขายอมทำทุกอย่างให้เธอ
“คุณดีจัง”ได้ยินคำนี้ของเขา วารุณีก็กอดชายหนุ่มไว้ เอาหน้าซุกไปที่แผ่นอกชายหนุ่ม
ชายหนุ่มโอบเธอเบาๆ ก้มหน้าจูบไปที่หน้าผากเธอ“ผมก็ดีมาเสมอไม่ใช่เหรอ?”
วารุณีหัวเราะเบาๆ“ใช่ สามีฉัน ดีที่สุดในโลกเลย”
เธอกอดเขาไว้แน่น
ชายหนุ่มรู้สึกถึงแรงของเธอ ขณะเดียวกันก็รวบแขนแน่นไปด้วย กอดเธอไว้แน่น“คุณก็ดีที่สุดในโลกเหมือนกัน”
“อี๋……“ตรงมุมบันไดที่อยู่ไม่ไกลนั้น ลีน่าได้ยินคำพูดของทั้งสอง ก็รู้สึกตัวสั่น ถูแขน จากนั้นก้มหน้ามองเด็กหนุ่มที่แอบมองกับตัวเองด้วย พูดไปเสียงเบา:“อารัณ พ่อแม่หนูนี่เลี่ยนมาก”
อารัณพยักหน้าเห็นด้วย“ใช่ พ่อกับหม่ามี๊ทำตัวเลี่ยนจริงๆ แค่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ก็แยกไม่ออกเหมือนแฝดตัวติดกัน แต่ผมก็ชอบพ่อกับหม่ามี๊แบบนี้”
เพราะพ่อกับหม่ามี๊รักกัน ลูกที่พวกเขาให้กำเนิดมา จึงรู้สึกปลอดภัย
“เรานี่เป็นเด็กกตัญญูจริงๆ”ลีน่าลูบหัวเด็กชาย
เด็กชายถอนหายใจ“คุณน้าลีน่า น้าก็รู้ที่หม่ามี๊พูดถึงใช่ไหม เรื่องระหว่างแม่บุญธรรมกับพ่อบุญธรรมผม?”
“รู้สิ”ลีน่าพยักหน้า
ใบหน้าอ่อนเยาว์ของอารัณนั้นก็ดูเศร้าไป“ไม่รู้จริงๆว่าทำไมพ่อบุญธรรมกับแม่บุญธรรมถึงทรมานกันแบบนี้”
ลีน่ายักไหล่“เอาล่ะเด็กหนุ่ม นี่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เราจะไปยุ่งมากมายแบบนี้ทำไมกัน แค่มีความสุขให้มากก็พอแล้ว”
อารัณทำปากมุ่ย“เพราะผมชอบพ่อบุญธรรมกับแม่บุญธรรมมาก ไม่อยากให้พวกเขาเป็นแบบนี้”
“ก็ทำอะไรไม่ได้ พวกเขาเป็นแบบนี้ไปแล้ว เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ อย่าแอบฟังที่นี่เลย เดี๋ยวพ่อแม่เราเห็นเข้า พวกเราคงอธิบายไม่ถูก”ลีน่าพูดไป ก็อุ้มเด็กชายไปด้วย หันกลับขึ้นไป
แต่คาดไม่ถึงว่า ถึงทั้งสองคนจะหลบๆซ่อนๆแค่ไหน ก็ถูกเห็นเข้าโดยนัทธี
นัทธีเหลือบมองไปทางบันไดชั้นสอง ก็เม้มริมฝีปากบางๆอย่างไม่พอใจ
วารุณีเห็น ก็จับหน้าเขาแล้วถาม“ทำไมเหรอ?”
“เปล่า แค่มีลูกแมวตรงนั้น”ริมฝีปากบางๆของนัทธียกขึ้นมาพูด
“ลูกแมว?”วารุณีตะลึง จากนั้นมองซ้ายมองขวา“ไม่มีนี่ มีลูกแมวที่ไหนกัน?”
นี่คือคฤหาสน์หลังเดียว เธอพักที่นี่มาหลายวันแล้ว อย่าว่าแต่แมวเลย นกตัวหนึ่งยังไม่เคยเห็น
“ไม่มีเหรอ?ผมน่าจะมองผิดไป เอาล่ะ หิวยัง?”นัทธีตบไหล่วารุณีเบาๆ เปลี่ยนเรื่อง
วารุณีก้มหน้ามองท้องตัวเอง“ก็หิวหน่อยๆ”
“ไป ไปห้องครัว ให้คนทำอาหารอร่อยๆหน่อย”นัทธีพูดไป ก็จับมือของเธอ เดินไปที่ครัว
วารุณีก็ไม่ปฏิเสธ
ยังไงตอนนี้ก็ยังพอมีเวลากว่าจะถึงมื้อค่ำ เธอหิวแล้ว ทำอะไรกินก่อนได้ เพื่อรองท้อง
ตอนค่ำ ถือโอกาสที่นัทธีกำลังอาบน้ำ วารุณีเดินออกจากห้อง มาที่ห้องของเด็กทั้งสองคน
เด็กทั้งสองคนคนหนึ่งนอนดูทีวีที่เตียง อีกคนนั่งที่พรม ในมือถือเครื่องเล่นเกมกำลังเล่นเกมอยู่
เห็นวารุณีเข้ามา เด็กทั้งสองคนรีบวางแท็บเล็ตกับเครื่องเล่นเกมในมือ เรียกอย่างเสียงหวาน“หม่ามี๊”
วารุณีได้ยินเสียงนุ่มๆของลูกทั้งสอง ก็ใจละลาย ขณะเดียวกันก็เฝ้าคอยอย่างมาก ถึงตอนนั้นสภาพที่สุขใจก็เรียกเธอว่าหม่ามี๊
“ยังไม่นอนเหรอ?”วารุณีปิดประตูห้องแล้วเดินไป
เธอมาที่ข้างเตียงก่อน ลูบหัวเล็กๆของไอริณ จากนั้นมองไปที่อารัณ“สี่ทุ่มแล้ว อย่าเล่นเกมสิ ไอริณก็ด้วย รีบนอน อย่าดูการ์ตูน”
“เข้าใจแล้วหม่ามี๊”เด็กทั้งสองคนเชื่อฟังมาก เธอพูดแบบนี้ พวกเขาก็ทำตาม
ดังนั้น คนหนึ่งเลยปิดเกม อีกคนเลยปิดทีวี
“หม่ามี๊ พ่อล่ะคะ?”ไอริณมองไปทางประตู ก็ไม่เห็นร่างของนัทธี ถามอย่างเสียใจหน่อยๆ
วารุณีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม:“พ่อกำลังอาบน้ำ หม่ามี๊เลยถือโอกาสมาดูพวกหนู”
“หม่ามี๊มีอะไรสินะครับ”อารัณมองวารุณีแล้วถาม
วารุณีตกใจ“ลูกรู้ได้ไง?”
อารัณกอดแขนสั้นๆสองข้างไว้ ทำท่าเหมือนนักสืบ“เพราะว่าปกติตอนนี้ หม่าม๊ะจะไม่มา และก็ยิ่งไม่มาตอนที่พ่ออาบน้ำด้วย ดังนั้นตอนนี้หม่ามี๊มา จะต้องมีอะไรที่มาหาพวกเราแน่ ไม่สิ พูดให้ถูกก็คือ มาหาผม”
เขาเงยคางขึ้น ด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง
ไอริณเบะปากอย่างไม่พอใจ“พี่หลงตัวเองมาก หม่ามี๊อาจมาหาไอริณก็ได้ ใครว่าจะต้องมาหาพี่อย่างเดียวล่ะ ใช่ไหมหม่ามี๊?”
เธอเขย่าแขนของวารุณี หวังว่าวารุณีจะยืนข้างตัวเอง
วารุณีเห็นทั้งสองหึงกันไปมาแบบนี้ ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย กำลังจะพูด อารัณก็แย่งพูดก่อน“หม่ามี๊มาหาพี่แน่นอน พี่ฉลาดกว่าตัวเอง และยังช่วยหม่ามี๊ได้ แต่ตัวเองทำอะไรไม่ได้สักนิด”
คำนี้ทำให้ไอริณเสียใจทันที เบะปากเล็กๆ เบ้าตาแดงก่ำ รีบถาม:“พี่นิสัยไม่ดี บอกว่าไอริณโง่ ไอริณโง่ตรงไหน?ไอริณไม่โง่เลยสักนิด ไอริณก็ช่วยหม่ามี๊ได้ ใช่ไหมหม่ามี๊?”
เห็นลูกสาวจะร้องไห้ วารุณีก็สงสารอย่างมาก รีบโอบเด็กสาวมาไว้ในอ้อมแขน เอาใจและเช็ดน้ำตาให้ลูกสาว:“ใช่ ไอริณก็ช่วยหม่ามี๊ได้ ไอริณไม่โง่เลยสักนิด ไอริณก็ฉลาดมาก”