ตอนที่ 803 อาเป่าไม่ต้องเป็นห่วง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 803 อาเป่าไม่ต้องเป็นห่วง

ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว ร่างของเซียวหรงเหยี่ยนกำยำยิ่งกว่าเมื่อก่อนมาก

แม้ใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนจะไม่ได้งดงามสมบูรณ์แบบเท่ามู่หรงอวี้ ทว่า ชายหนุ่มก็ยังคงเป็นบุรุษรูปงามมากอยู่ดี ความงามของเขาเป็นความงามที่แข็งแกร่งแบบชายชาตรี ราวกับว่าขอเพียงมีเขาอยู่…ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นชายหนุ่มก็พร้อมและสามารถรับมือได้ทุกเรื่อง

เปลวไฟในเตาผิงส่องกระทบใบหน้ารูปงามของเซียวหรงเหยี่ยนให้เห็นอย่างริบหรี่ ความคมคายบนใบหน้าของชายหนุ่มเด่นชัดมากขึ้น ดวงตาล้ำลึกและนิ่งขรึมคู่นั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆ

ไม่รู้เป็นเพราะเซียวหรงเหยี่ยนใส่ชุดสีดำหรือไม่ ความสุขุมและอ่อนโยนจากใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเขาจึงปกปิดบารมีและความดุดันที่ได้มาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีของเขาไว้ไม่มิด

ไป๋ชิงเหยียนกระชับมือที่ถือถุงเงินสีแดงแน่น สองสายตาประสานกัน ความรู้สึกคิดถึงถาโถมขึ้นมาในใจของไป๋ชิงเหยียนจนหัวใจของหญิงสาวเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้

เซียวหรงเหยี่ยนเดินเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวเดินเข้าไปหาชายหนุ่มอย่างพยายามควบคุมฝีเท้าให้มั่นคงเช่นเดียวกัน ขอบตาของหญิงสาวมีน้ำตาเอ่อล้นเล็กน้อย นางกำถุงเงินในมือแน่น ทว่า สุดท้ายหญิงสาวก็เร่งจังหวะเดินเข้าไปหาชายหนุ่มสองสามก้าวอย่างทนไม่ไหว

ไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยความดีใจ ทว่า แฝงไปด้วยความกังวลเล็กน้อย หญิงสาวกลัวว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะรีบมาหานางในคืนวันสิ้นปีจนกระทบต่อสถานการณ์ของต้าเยี่ยน หญิงสาวจำได้ว่าเยว่สือกล่าวว่าจักรพรรดิต้าเยี่ยนให้เซียวหรงเหยี่ยนเป็นคนจัดการเรื่องทุกอย่าง

ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่ตรงหน้าเซียวหรงเหยี่ยน หญิงสาวพยายามควบคุมหัวใจที่เต้นแรงของตัวเอง เงยหน้าขึ้นถาม “เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่ได้”

ลมหนาวพัดผ่าน ทว่า ไม่ได้พัดเอาความร้อนบนใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนไปแม้แต่น้อย

“ต้องขอบคุณองครักษ์ลับไป๋ที่ปล่อยข้าและเยว่สือเข้ามาในค่าย…” เซียวหรงเหยี่ยนจ้องใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนนิ่ง ชายหนุ่มเอื้อมมือจับปอยผมที่ตกลงมาของไป๋ชิงเหยียนทัดไปยังใบหูด้านหลังของหญิงสาวอย่างอดไม่ได้ จากนั้นขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวพลางกระซิบเสียงแผ่วเบา “มิเช่นนั้นข้าและเยว่สือคงเข้ามาในนี้ไม่ได้”

ริมใบหูคือเสียงกระซิบอย่างอ่อนโยนของเซียวหรงเหยี่ยน ขณะกล่าว ลมหายใจร้อนของเซียวหรงเหยี่ยนเป่าลงบนใบหูขาวสะอาดของไป๋ชิงเหยียนจนใบหูของหญิงสาวแดงก่ำขึ้นมาทันที

เซียวหรงเหยี่ยนรู้เรื่องที่องครักษ์ลับของตระกูลไป๋แสร้งไล่ตามเยว่สือแล้ว ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงกล้าลอบบุกมาที่ค่ายทหารต้าจิ้นเช่นนี้

ไป๋ชิงเหยียนยังไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาก็เห็นเซียวหรงเหยี่ยนปิดปากไอออกมาสองสามทีจนสะเทือนถึงบาดแผลขึ้นเสียก่อน ชายหนุ่มกลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะมองออก ทว่า ลำตัวที่โค้งงอและสั่นเทาเล็กน้อยประกอบกับร่างกายที่เกร็งแน่นทำให้ไป๋ชิงเหยียนมองออกอยู่ดี

“ท่านได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนประคองเซียวหรงเหยี่ยน

“มิเป็นอันใดมาก…” เซียวหรงเหยี่ยนกุมมือของไป๋ชิงเหยียนที่กำลังประคองแขนเขาอยู่ นิ้วมือของชายหนุ่มลูบไปยังข้อมือของหญิงสาว แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งจนยากจะปกปิด “บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น อาเป่าไม่ต้องเป็นกังวล”

ไป๋ชิงเหยียนขยับเข้าไปดมร่างของเซียวหรงเหยี่ยน กลิ่นกายที่คุ้นเคยของชายหนุ่มมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ปะปนอยู่ ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่นพลางจับมือของชายหนุ่มที่จับมือนางเอาไว้ “เข้าไปให้ข้าดูแผลในกระโจม…”

เซียวหรงเหยี่ยนก้มมองดูไป๋ชิงเหยียนที่กำลังขมวดคิ้วแน่น เมื่อเห็นท่าทีเป็นกังวลของหญิงสาว รอยยิ้มของชายหนุ่มก็ยิ่งกว้างขึ้น เขาทำตามความต้องการของไป๋ชิงเหยียน ทิ้งน้ำหนักร่างกายครึ่งหนึ่งไปที่ร่างของหญิงสาวราวกับไม่อยากให้ไป๋ชิงเหยียนเห็นสภาพที่อ่อนแอของตัวเอง จากนั้นค่อยๆ เดินเข้าไปในกระโจมที่พักของหญิงสาวพร้อมกับไป๋ชิงเหยียน

ครั้งนี้เยว่สือรู้งานจึงได้แต่หลบอยู่หลังต้นไม้ ไม่ได้ออกมาขัดจังหวะเซียวหรงเหยี่ยนและไป๋ชิงเหยียน เยว่สือลอบยิ้มออกมาน้อยๆ ขณะที่กำลังครุ่นคิดว่าจะไปแอบอยู่ที่ใดก็ได้ยินเสียงผิวปากดังมาจากเหนือศีรษะ

เยว่สือเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นองครักษ์ลับไป๋กำลังนั่งยองๆ อยู่บนต้นไม้พลางมองมาทางเขา จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “ไปกันเถิดเจ้าหนุ่ม มีคนเฝ้าที่นี่คนเดียวก็พอแล้ว พวกเราไปดื่มชากันดีกว่า!”

นานๆ ทีท่านเขยที่ยังไม่ได้แต่งเข้าตระกูลไป๋จะได้พบหน้าคุณหนูใหญ่สักครั้ง ลูกน้องอย่างพวกเขาจะอยู่เป็นก้างขวางคออยู่ใต้ต้นไม้เช่นนี้ได้อย่างไรกัน ให้คนคอยเฝ้าอยู่ห่างๆ เผื่อมีผู้ใดลอบมาทำร้ายคุณหนูใหญ่เพียงคนเดียวก็พอแล้ว

เยว่สือค่อนข้างประหลาดใจ เขาเอาแต่แอบดูเจ้านายกับคุณหนูใหญ่อย่างตั้งใจจึงไม่รู้ว่าองครักษ์ลับไป๋มาอยู่บนต้นไม้เหนือศีรษะของเขาตั้งแต่เมื่อใด เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าอยู่ที่ซั่วหยางหรือที่นี่ องครักษ์ลับเหล่านี้ก็พร้อมจะเล่นเป็นเพื่อนเขาตลอดเวลา

“ดี!” เยว่สือพยักหน้ายิ้มๆ “ข้ากำลังไม่มีที่ไปอยู่พอดีเลย”

เยว่สือเดินตามองครักษ์ลับไป๋ไปยังกระโจมหลังหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไกล เมื่อเยว่สือเข้าไปด้านในกระโจมก็เห็นชายหนุ่มถั่วลิสงหน้าคุ้นกำลังทานเกี๊ยวอยู่หน้าหม้อไฟร้อนๆ

องครักษ์ลับไป๋ที่สวมผ้ากันเปื้อนซึ่งเปื้อนไปด้วยแป้งเกี๊ยวกำลังใส่เกี๊ยวลงไปในหม้อ อีกมือหนึ่งถือกระบวยไม้คนเกี๊ยวในหม้อต้ม “แหม เจ้าเด็กหนุ่มนี้แอบอยู่ใต้หม้อต้มหรืออย่างไรกัน พอเกี๊ยวต้มสุกถึงได้มาพอดีเช่นนี้ ว่าที่นายท่านเขยมาด้วยใช่หรือไม่”

เยว่สือยิ้มออกมาแห้งๆ ใช้มือลูบศีรษะของตัวเองเล็กน้อย ทว่า ไม่ได้เกรงใจสักเท่าใด “ข้ายังไม่ทานข้าวพอดี เจ้านายของข้ารีบร้อนมาพบคุณหนูใหญ่ ลูกน้องอย่างข้าจะมัวทานอาหารอยู่ได้อย่างไรกัน”

“เช่นนั้นมัวยืนทำอันใดอยู่ตรงนั้นเล่า รีบไปล้างมือแล้วมานั่งตรงนี้เร็ว…” องครักษ์ลับไป๋ที่กำลังใส่เกี๊ยวลงไปในหม้อเอ่ยเรียกเยว่สือ

เยว่สือไม่เคยพบกลุ่มองครักษ์ลับที่เป็นกันเองและดูเหมือนครอบครัวเดียวกันเช่นนี้มาก่อน เขาเติบโตมากับจักรพรรดิต้าเยี่ยนมู่หรงอวี้และเซียวหรงเหยี่ยน องครักษ์ลับที่เขาเคยพบล้วนอยู่ในกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ทุกคนมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ยิ้มแย้มแม้แต่น้อย เอาแต่หลบอยู่ในที่มืดเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้เจ้านาย บางคนเป็นองครักษ์ลับมาทั้งชีวิตก็ยังไม่รู้จักหรือเคยเห็นหน้าสหายคนอื่นๆ เลยด้วยซ้ำ

เยว่สือล้างมือเสร็จเรียบร้อยจึงไปนั่งรวมกลุ่มกับองครักษ์ลับไป๋หน้ากองไฟ เมื่อนั่งลงก็มีคนยัดถุงเงินใบหนึ่งใส่มือของเขา ในนั้นเต็มไปด้วยเนื้อหมักแห้งอย่างดี

“หากหิวก็กินเนื้อไปก่อน เจ้าอยู่ในวัยกำลังโตต้องกินเยอะๆ จะได้มีแรงปกป้องคุ้มครองว่าที่นายท่านเขยของพวกเรา!” องครักษ์ลับไป๋ที่ไปพาเยว่สือมาที่กระโจมกล่าวยิ้มๆ

เยว่สือรู้สึกว่าคำกล่าวนี้ฟังดูทะแม่งๆ ทว่า เมื่อคิดได้ว่าองครักษ์ลับไป๋เหล่านี้ยอมรับเจ้านายของเขาเป็นว่าที่นายท่านเขยของพวกเขาแล้ว เยว่สือก็ดีใจขึ้นมาทันที เขาหยิบเนื้อแห้งออกมาจากถุงเงินพลางยัดใส่ปาก รสชาติอร่อยมากจริงๆ

ภายในกระโจม ไป๋ชิงเหยียนประคองให้เซียวหรงเหยี่ยนนั่งลงบนเตียงที่ปูด้วยพรมขนจิ้งจอกสีขาวผืนหนา จากนั้นดันเตาผิงไปใกล้ชายหนุ่ม หญิงสาวนั่งลงข้างกายเซียวหรงเหยี่ยนพลางสำรวจบริเวณหน้าอกของเขาโดยอาศัยแสงจากเปลวไฟ หญิงสาวเห็นเพียงเสื้อผ้าบริเวณหน้าอกของชายหนุ่มมีสีเข้มกว่าบริเวณอื่น

มือของไป๋ชิงเหยียนยังไม่ทันสัมผัสโดนหน้าอกของเซียวหรงเหยี่ยนก็ถูกมือร้อนของชายหนุ่มกุมไว้ในฝ่ามือเสียก่อน เซียวหรงเหยี่ยนออกแรกกระชากไป๋ชิงเหยียนเข้ามาในอ้อมกอด

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองเซียวหรงเหยี่ยน หญิงสาวเห็นเขามองมาทางตนด้วยแววตาจริงจัง จากนั้นค่อยๆ ก้มหน้าลงมาใกล้ราวกับกำลังจะจูบนาง เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวเสียงแหบพร่า “อาเป่า ข้าเป็นบุรุษ…”

ปลายนิ้วมือเรียวเล็กของไป๋ชิงเหยียนสัมผัสโดนเสื้อสีเข้มบริเวณอกของเซียวหรงเหยี่ยน หญิงสาวรู้สึกว่าบริเวณนั้นเปียกชื้น…

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าลงมองปลายนิ้วมือของตัวเอง นิ้วมือของนางมีสีแดงติดมาอย่างที่คิดไว้จริงๆ ทว่า เป็นเพราะเสื้อของเซียวหรงเหยี่ยนเป็นสีดำ ดังนั้นหากไม่ตั้งใจมองอย่างละเอียดก็คงไม่รู้ว่าบาดแผลของขายหนุ่มมีเลือดออก