บทที่ 819 ได้โปรดช่วยเขาด้วย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 819 ได้โปรดช่วยเขาด้วย

บทที่ 819 ได้โปรดช่วยเขาด้วย

บ้านเฉินอยู่ในสภาพทรุดโทรม ในบ้านไม่มีใครนอกจากหญิงชราตาบอด

ฮูหยินเกาเสียชีวิตไปแล้ว หนึ่งปีหลังจากนั้น ครอบครัวเกาก็มีฮูหยินคนใหม่เข้ามา ไม่ถึงสองปีก็ให้กำเนิดลูกชายหนึ่งคนและลูกสาวหนึ่งคน ภาระของครอบครัวก็หนักขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาต้องการเงิน

จะหาเงินมาจากไหน เกาเยว่เหมยหาเงินได้ไม่มากนัก ดังนั้นเสี่ยวเกาซื่อจึงวางแผนนี้เพื่อใช้กับเกาเยว่เหมย

เกาเยว่เหมยอายุสิบห้าสิบหกแล้ว นางสวยและมีเสน่ห์ทั้งใจดีและอ่อนโยน มีคนมากมายที่จะมาขอแต่งงาน ต้องเตรียมสินสอดทองหมั้นไว้ล่วงหน้า

ครอบครัวเฉินไม่มีชื่อเสียงวงศ์ตระกูลอีกแล้ว ดังนั้นจะคาดหวังให้ครอบครัวของพวกเขาจัดหาสินสอดได้อย่างไร ดังนั้นเสี่ยวเกาซื่อจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ และรักษาระยะห่างออกจากครอบครัวเฉิน

แต่ว่าเกาเยว่เหมยไม่รู้เรื่อง นางคิดเสมอว่าเรื่องระหว่างตัวนางกับพี่ไป๋จื่อทุกคนล้วนยอมรับแล้ว

เกาเยว่เหมยรู้สึกแย่เล็กน้อย นางพูดเบา ๆ ว่า “หวังซื่อ เจ้าไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเจ้าเป็นใบ้หรอกนะ ท่านพ่อกับท่านแม่บอกกับข้าเมื่อวานนี้ว่า เราจะไปที่ห้องขังเพื่อดูพี่จื่อไป๋”

“โอ๊ย ซ้ายก็พี่จื่อไป๋ ขวาก็พี่จื่อไป๋ เจ้าเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้เป็นฝั่งเป็นฝา พูดชื่อของผู้ชายได้โดยไม่อายปาก ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องน่าอายหรือไง” หวังซื่อตำหนิ

สิ่งที่หวังซื่อพูด ทำให้เกาเยว่เหมยหน้าแดง แท้จริงแล้วนางและเฉินจื่อไป๋ไม่มีสถานะ นางไม่มีสิทธิ์พูดถึงเรื่องนี้จริง ๆ

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เฉินจื่อไป๋คือสามีของนาง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต นางจะอยู่กับพี่จื่อไป๋แน่นอน

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เกาเยว่เหมยก็ไม่สนใจหวังซื่อ นางหันไปมองแม่เฒ่าเฉินและพูดอย่างเป็นทุกข์ “ท่านแม่เฉิน ท่านไม่ต้องกังวล พี่จื่อไป๋เป็นคนดีสวรรค์จะอวยพร เขาจะกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน”

แม่เฒ่าเฉินเหมือนจะรู้ว่าสิ่งที่เกาเยว่เหมยพูดไม่ได้เป็นการเกลี้ยกล่อมนาง ดังนั้นนางจึงพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอน เจ้ากับไป๋เอ๋อร์โตมาด้วยกัน เขาไม่ใช่คนที่พูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าอยู่แล้ว”

เกาหมิงเยว่พยักหน้า “ท่านแม่เฉิน ข้าเชื่อใจพี่จื่อไป๋เสมอ”

ในที่สุด ฉินเย่จือก็ตกลงที่จะปล่อยผู้หญิงคนนั้นไป

เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นอาโม่ไม่ได้ขวางนางเอาไว้ นางพูดอย่างฮึกเหิมอีกหนึ่งประโยคก่อนจากไป “พวกเจ้าไม่ต้องเชื่อคำพูดของข้าก็ได้ พวกเจ้าลองไปสอบถามที่ศาลาว่าการก็ได้ว่าเบื้องบนเข้มงวดมากในเรื่องการลักลอบขายเกลือ ลูกชายของเจ้าก็ไม่กลัวที่จะสัมผัสกับความโชคร้ายของนายท่านเจียง ช่างประเมินตนสูงไปจริง ๆ”

หลังจากพูดประโยคนี้จบก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกไป

เมื่อหวังซื่อจากไป แม่เฒ่าเฉินก็ทรุดตัวลงบนเตียง และถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

ถ้าไม่ใช่เพราะพวกกู้เสี่ยวหวานมาช่วยไว้ ก็ไม่รู้ว่าหวังซื่อจะนำของอะไรในบ้านออกไปอีก

นางเอาของมีค่าที่บ้านไปหมดแล้ว บอกว่าใช้มันเพื่อจ่ายค่าเช่า

ตั้งแต่ไป๋เอ๋อร์ถูกพาตัวไป นางเป็นหญิงชราอยู่ที่บ้านเพียงลำพัง ตาก็มองไม่เห็น ถ้าไม่ได้เกาเยว่เหมยนางอาจจะอดตายไปแล้ว

เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็คิดถึงไป๋เอ๋อร์ผู้น่าสงสาร แม่เฒ่าเฉินหายใจไม่ออกอีกครั้งแล้วร้องไห้อย่างน่าสงสาร “ไป๋เอ๋อร์ผู้น่าสงสารของแม่”

ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

เกาเยว่เหมยที่อยู่ด้านข้างคอยปลอบนาง

นี่ก็นานมากแล้วที่ไม่ได้ข่าวคราวของเฉินจื่อไป๋ แบบนี้จะไม่ให้แม่เฒ่าเฉินกังวลได้อย่างไร

“แม่นาง บอกพวกข้าได้ไหมว่าทำไมเฉินจื่อไป๋ถึงถูกเจ้าหน้าที่ทางการจับตัวไป พวกข้าขอบคุณมากถ้าพวกท่านจะกรุณา” กู้เสี่ยวหวานเห็นหญิงชราร้องไห้อย่างโศกเศร้าร้องไห้เหมือนเด็ก ๆทั้งยังตาบอด ถ้าเฉินจื่อไป๋ไม่ออกมา เกรงว่าหญิงชราคนนั้นคงตรอมใจตาย

ทันทีที่ได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานจะช่วยพวกเขา ใบหน้าของเกาเยว่เหมยและแม่เฒ่าเฉินก็สว่างขึ้นทันที “แม่นาง ท่านรับปากนะว่าจะช่วยพี่จื่อไป๋”

แม่เฒ่าเฉินรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น เมื่อเห็นดังนั้น เกาเยว่เหมยก็คุกเข่าลงเช่นกัน

ครั้นกู้เสี่ยวหวานเห็นก็รีบพุ่งตัวไปด้านหน้าแล้วประคองแม่เฒ่าเฉินกับเกาเยว่เหมยขึ้นมา “พวกท่านลุกขึ้นเถอะ ข้าจะหาทางทำให้ดีที่สุด ถ้าข้าสามารถช่วยได้”

ครอบครัวของเกาเยว่หมยไม่มีอำนาจ ไม่มีแม้แต่เงิน

ของมีค่าทั้งหมดถูกเสี่ยวเกาซื่อเอาไปหมดแล้ว ไม่เหลือแม้กระทั่งชื่อเสียงเงินทอง ต้องนำของพวกนี้ออกมาจำนำเพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัว

เกาชิงเต๋อไม่มีคำคัดค้าน ดังนั้นเยว่เหมยจึงได้แต่เห็นด้วยเท่านั้น

สิ่งของที่แม่ของนางทิ้งไว้ก่อนเสียชีวิต ทั้งหมดก็ทยอยให้เสี่ยวเกาซื่อไปหมดแล้ว สุดท้ายทั้งเนื้อทั้งตัวแม้แต่ปิ่นปักผมก็ไม่เหลือ

ไม่มีเงินที่จะไปประกันตัว เฉินจื่อไป๋ก็ถูกคุมขังเป็นเวลานานแล้ว แม้แต่หน้าก็ไม่ได้เห็น นับประสาอะไรกับการช่วยเหลือเขา

แม่เฒ่าเฉินแย่กว่านั้น นางตาบอดแล้วยังป่วยหนัก ไม่ต้องพูดถึงการไปศาลาว่าการ นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประตูศาลาว่าการเปิดด้านไหน

พวกเขาสองคนกระวนกระวายเหมือนมดบนกระทะร้อน

ไม่เป็นไร ครั้งนี้ได้ยินว่ามีคนพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเฉินจื่อไป๋ อย่าร้อนใจไป

โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ตรงหน้า แม้ว่านางจะยังดูเด็กมาก แต่ท่าทางของนางนั้นแตกต่างจากเด็กทั่ว ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง ท่าทางของนางเหมือนกับผู้ใหญ่ที่มีหัวคิด

นอกจากนี้ยังมีชายหนึ่งคนที่หล่อเหลาอยู่ข้าง ๆ นาง และแม้แต่ชายที่ถือผ้าห่มอยู่ด้านหลังก็หล่อมากเช่นกัน

พวกเขาอาจช่วยชีวิตของเฉินจื่อไป๋ได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เกาเยว่เหมยคิดไม่ถึงว่ากู้เสี่ยวหวานจะช่วยเหลือ นางก้มหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าและพูดว่า “แม่นาง โปรดแสดงความเมตตาช่วยพี่จื่อไป๋ด้วย เขาไม่มีทางพูดจาไร้สาระโดยไม่มีเหตุผล ช่วยเขาด้วย เขามีแม่ชราที่ป่วยหนักอยู่ที่บ้าน ถ้าไม่มีเขา แม่เฒ่าเฉินจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป ได้โปรดนะแม่นาง ได้โปรดแสดงความเมตตาด้วย”

พูดจบก็หมอบลงกับพื้นอีกครั้ง

โชคดีที่พื้นภายในบ้านนี้ยังเป็นพื้นดินแห้ง

เกาเยว่เหมยก้มศีรษะของนางเพื่อคำนับต่อพวกกู้เสี่ยวหวานไม่หยุด