บทที่ 814 เจอเด็กคนหนึ่ง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 814 เจอเด็กคนหนึ่ง

บทที่ 814 เจอเด็กคนหนึ่ง

เธอยกยิ้มมุมปาก ลูกสาวเป็นที่รักของคนในครอบครัว ในฐานะแม่เธอมีความสุขอยู่แล้ว จากนั้นก็หันไปยิ้มให้สามี “ซานกงถึงปากจะเอาแต่บ่น แต่เขาก็ดีกับลูกเราจริง ๆ”

“ลูก ๆ บ้านเราเป็นเด็กดีกันทุกคน!” เหล่าซานมีความสุขเช่นกัน

ถึงกลับแอบคิดด้วยว่าจากนี้จะดีต่อกันให้มากกว่าเดิม ถ้าลูกหลานสามัคคีกันได้ ภายภาคหน้าครอบครัวเราก็จะรุ่งเรืองด้วย

“ซานกง อย่าตามใจน้องมากนะ เด็กคนนี้ถูกตามใจจนเสียคนมาตั้งแต่เด็กแล้ว”

“…” เสี่ยวเถียนได้ยิน แต่ทำอะไรไม่ได้

เธอก็อยากช่วยเหมือนกันนะ จะให้ทำยังไงล่ะ?

ต้องการคำตอบโดยด่วน!

“แม่สาม เสี่ยวเถียนเป็นเด็กดีน่ารัก ไม่นิสัยเสียหรอกครับ” ซานกงรีบอธิบาย

เขามัวแต่ปกป้องน้องจนลืมไปเสียสนิทว่าเสี่ยวเถียนเพิ่งจะทำตัวดื้อไป

เหลียงซิ่วได้ยินก็ยิ้มพลางส่ายหัว ทำไมเด็ก ๆ เป็นแบบนี้กันหมดเลยนะ ไม่ไหวเลยจริง ๆ แต่ก็ต้องขอบคุณที่ลูกสาวเป็นเด็กดีด้วย ไม่งั้นอนาคตบ้านเราจะทำเรื่องไม่ดีเช่นไรในสภาพแบบนี้

ขณะที่กำลังจะออกเดินทาง สองสามีภรรยาตู้ก็เดินทางมาถึง พวกเขาถือกระเป๋าไว้ในมือ ไม่รู้ว่ามีอะไรในนั้นถูกยัดมาจนแน่น

“โชคดีจริง ๆ มาทันเวลาพอดี!” ตู้ถงเหอยกยิ้มใจดีให้เสี่ยวเถียน

หลานสาวคนดีกำลังจะออกเดิทางแล้ว ยังไงเขาก็ต้องไปส่งสักหน่อย

“คุณปู่คุณย่าบุญธรรม มาได้ยังไงกันคะ?” เสี่ยวเถียนวิ่งเข้าไปทักทายทันที

อวี่รุ่ยหยวนลูบผมหลานด้วยรอยยิ้ม “เด็กคนนี้ หนูกำลังจะเดินทางไกล เราคงไม่ได้เจอกันอีกนาน จะไม่มาส่งได้ยังไงล่ะ?”

“ไม่ถึงเดือนหนูก็กลับมาแล้วน้า” เสี่ยวเถียนแหย่

หลายปีที่ผ่านมาผู้อาวุโสทั้งสองมองเสี่ยวเถียนเป็นลูกแท้ ๆ ส่วนเสี่ยวเถียนก็เห็นพวกเขาไม่ต่างจากญาติมิตรเช่นกัน

“ในนี้เป็นพวกของจำเป็นในชีวิตประจำวันและอาหารเสริมให้หลานทั้งสองคนด้วย ออกเดินทางไปอยู่ที่อื่นก็เตรียมไปเยอะสักหน่อย เผื่อฉุกเฉิน”

ไม่รู้ไปอยู่ที่นู่นจะเป็นยังไง

ซานกงรู้สึกหนักอึ้งหลังจากเห็นกระเป๋าในมือตู้ถงเหอ และกระเป๋าที่ตัวเองต้องถือ เขาว่าพวกเราต้องรีบไปกันเถอะ ถ้าอยู่ต่อไปอาจจะต้องมีเพิ่มอีก แล้วเขาจะถือไหวได้ยังไง?

ตอนนั้นเองที่เสิ่นจื่อเจินมาถึง

ตอนนี้เสิ่นจื่อเจินเป็นผู้มีบุคคลสำคัญชั้นนำของมหาวิทยาลัยเกษตรกรรม รวมถึงโครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในมือก็ด้วย ทางมหาวิทยาลัยให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง จึงส่งรถมารับคนทั้งสามไปสถานีรถไฟเป็นพิเศษ

เสิ่นจื่อเจินลงจากรถก่อนกล่าวทักทายผู้อาวุโสบ้านซู ผู้อาวุโสบ้านตู้ พ่อแม่เสี่ยวเถียน จากนั้นก็หลานทั้งสองคน

“พวกเราไปสถานีกันเถอะ รถไฟไม่คอยท่า อาอยากไปให้ถึงก่อนเวลาน่ะ!”

“จื่อเจินเอ้ย มีหลานไปด้วยคงจะลำบากเธอไม่น้อยเลยนะ” คุณปู่ซูเอ่ยอย่างสุภาพยิ่ง

“ดูท่านพูดสิครับ เด็ก ๆ ไปช่วยผมนะ จะสร้างปัญหาได้ยังไง?”

เสิ่นจื่อเจินยิ้มแล้วมองซานกงกับเสี่ยวเถียนด้วยความพึงพอใจ

เด็กสองคนนี้เก่งขึ้นทุกวัน ๆ ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าซานกงยังไม่มีใจในการเรียนรู้เท่าไร แต่ตอนนี้ไม่คิดเช่นนั้นอีกแล้ว

เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ที่สำคัญมันคือเขาเพียรพยายาม ตราบใดที่เขาเต็มใจทำงานลงแรงก็สามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้า และไปถึงจุดหมายปลายทางได้ในที่สุดด้วย!

ส่วนเสี่ยวเถียนไม่มีอะไรต้องห่วง เธอเป็นเด็กเก่ง อนาคตไกล ไม่สามารถผูกมัดอยู่แค่ที่การผลิตเมล็ดพันธุ์เล็ก ๆ นี่ได้หรอกนะ

เดิมทีคนที่บ้านอยากไปส่งด้วย แต่เสิ่นจื่อเจินโน้มน้าวเอาไว้

“ต่อให้ไปส่งยังไงเรก็ต้องแยกกันอยู่ดีครับ ทุกคนอยู่ที่บ้านเถอะ ผมจะดูแลพวกเขาอย่างดีแน่นนอนครับ”

เขาให้คำมั่นสำคัญญไว้แล้ว คนอื่น ๆ เลือกที่จะเชื่อในตัวเขาเท่านั้น

ทุกคนยืนมองรถเคลื่อนตัวออกไปอย่างไม่เต็มใจ มองกระทั่งไกลสายตาถึงค่อยกลับบ้าน ตอนนั้นเองทที่เห็นสองสามีภรรยาถานมาหา

“เสี่ยวเถียนกับซานกงล่ะ?” ถานจื่อสือถามเมื่อไม่เห็นหลานทั้งสอง

คุณย่าซู “พวเขาไปแล้วล่ะ”

“ไปแล้วเหรอ? เมื่อเช้าฉันทำซาลาเปามาให้ ตั้งใจจะให้พวกเขาเอาไปกินบนรถไฟ!” หลีอวี๋เหนียงกระทืบเท้า

ขนาดรีบแล้วก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง

“ไม่เป็นไรหรอก ๆ อาหารที่พี่ซูกับพี่สะใภ้ให้ไปคงไม่น้อยอยู่แล้วล่ะ”

ถานจื่อสือปลอบใจ แต่อีกฝ่ายกลับกลอกตาใส่

“มันจะเหมือนกันได้ยังไงล่ะ?”

เอาเถอะ มันไม่เหมือนอยู่แล้ว

เพราะที่ภรรยาทำมันไม่อร่อยเท่าที่พี่สะใภ้ทำไงล่ะ!

แต่เขาไม่กล้าพูดออกไปหรอกนะ ตอนนี้เขากลายเป็นทาสรับใช้ภรรยาเต็มตัวแล้ว เชื่อฟังทุกอย่าง ราวกับจะชดเชยข้อบกพร่องที่เคยทำไว้สมัยหนุ่ม ๆ

อวี่รุ่ยหยวน “พวกคุณทั้งสองไม่ใช่คนที่จะมาจวนเจียนเวลานี่นา ทำไมวันนี้มาสายล่ะ?”

“เราเจอขอทานที่ข้างถนนน่ะ ก็เลยมาช้า” หลีอวี๋เหนียงตอบ “ถ้ารู้เร็วกว่านี้ คงให้เขาเอาซาลาเปามาให้ก่อนแล้วล่ะ!”

เจอขอทานเหรอ?

หญิงชราอธิบายเหตุการณ์ให้ฟังสั้น ๆ

ที่แท้ระหว่างเดินทางมาก็เจอขอทานที่กำลังจะหมดสติเพราะหิวโหยอยู่ข้างถนน

ทั้งคู่ทนไม่ไหวเลยพาเขากลับบ้าน และให้การดูแลจากนั้นก็รีบมา แต่ใครจะรู้เล่าว่ากลับช้าจนเสี่ยวเถียนเดินทางไปแล้ว?

“พวกคุณทำความดีนะ ถ้าเสี่ยวเถียนรู้เธอรับได้อยู่แล้วล่ะ!” อวี่รุ่นหยวนยิ้ม

“เราคิดว่าจะมาทันนี่นา ที่ไหนได้เขาไปกันแล้ว” ถานจื่อสือเสียใจ

“แล้วอาการของเด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ?” อวี่รุ่นหยวนถามต่อ

เราต่างไม่มีลูก จึงรักเด็ก ๆ มากกว่าคนอื่นหน่อย เพราะงั้นก็เลยไม่เข้าใจว่าทำไมบางคนถึงไม่ใส่ใจลูกของตัวเอง ปล่อบให้เขากลายเป็นขอทาน กระทั่งข่มเหงรังแกด้วย

“ฉันไม่มีเวลาถามเลยจ้ะ ไว้กลับไปยังจัดการให้นะ คงจะดีถ้าตามหาครอบครัวได้” หลีอวี๋เหนียง

แต่มองจากสภาพแล้วน่าจะยาก เพราะเขาเพิ่งจะประมาณสี่ขวบเอง ตามความรู้สึก เด็กวัยแค่นี้อาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านตัวเองอยู่ไหน ไม่รู้ว่าหลงทางออกมาได้ยังไง ไม่มีใครดูแลเขาเลยเหรอ?

ทุกคนถอดถอนหายใจ จากนั้นสองสามีภรรยาถานก็รีบกลับไปดูเด็กคนนั้น

ส่วนสองสามีภรรยาตู้ตามคุณปู่คุณย่าซูไปหออีหมิง ระหว่างทางยังถามถึงสองปู่หลานบ้านฉือด้วยว่าทำไมถึงไม่มา