ตอนที่ 807 รอฟังคำสั่ง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 807 รอฟังคำสั่ง

บทที่สองหญิงสาวเน้นว่าการรู้เขารู้เราคือสิ่งสำคัญ บรรยายว่าควรนำการกระทำของคนคนหนึ่งจากประสบการณ์ในอดีตและพฤติกรรมที่เคยชินของคนผู้นั้นมาพิจารณาเพื่อเตรียมป้องกันตัวล่วงหน้า การป้องกันตัวคือการโจมตีอย่างหนึ่ง

เซียวหรงเหยี่ยนอ่านอย่างตั้งใจ…

เมื่อหยางอู่เช่อกล่าวถึงเมืองต้าหมิงก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เขากล่าวเสียงดังขึ้นกว่าเดิม “เมื่อครู่คนจากเมืองต้าหมิงส่งอาหารและเหล้ามาให้พวกเราฉลองในคืนวันสิ้นปี พวกเขาให้กองทัพที่เดินทางนำอาหารมาให้พวกเรานำจดหมายมาฉบับหนึ่ง กล่าวว่าพวกเขายินดียอมจำนนต่อองค์หญิงเจิ้นกั๋ว หวังว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะมอบยารักษาโรคระบาดให้ชาวบ้านพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าอย่างใช้ความคิด นี่ไม่เหมือนการกระทำของเฉาเหรินอี้ตอนที่เขาทำสงครามกับหรงตี๋หลายครั้งโดยไม่ยอมจำนน ไม่สนใจชีวิตของชาวบ้านอย่างที่นางให้คนสืบเรื่องของเขาแม้แต่น้อย

ที่ไป๋ชิงเหยียนไม่นำทัพบุกโจมตีเมืองต้าหมิงก็เพราะตอนที่ยึดเมืองหย่งอันได้ใกล้กับวันสิ้นปีมากแล้ว หญิงสาวอยากให้เหล่าทหารฉลองคืนวันสิ้นปีและพักผ่อนอย่างเต็มที่ก่อน จากนั้นค่อยบุกยึดเมืองต้าหมิงที่ค่อนข้างยึดได้ยากเมืองนี้ ทว่า นึกไม่ถึงเลยว่าเฉาเหรินอี้จะส่งคนมายอมจำนนเช่นนี้

หญิงสาวหรี่ตาลง มือที่วางอยู่บนโต๊ะลูบขอบโต๊ะอย่างใช้ความคิด เฉาเหรินอี้ให้คนส่งเหล้าและอาหารพื้นเมืองของต้าเหลียงมาให้…

เหล้าและอาหารพื้นเมืองของต้าเหลียง…

ลมจากด้านนอกพัดเข้ามาด้านใน ไฟในตะเกียงน้ำมันบนโต๊ะดับลงครู่หนึ่งจากนั้นสว่างขึ้นอีกครั้ง

หญิงสาวหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นเงยหน้ามองจ้าวเซิ่ง “แม่ทัพจ้าวมีความเห็นเช่นไร”

จ้าวเซิ่งขมวดคิ้วแน่น “กระหม่อมไม่เคยร่วมรบกับแม่ทัพเฉา ทว่า จากที่กระหม่อมเคยเห็นวิธีการรบของแม่ทัพเฉา เขาไม่ใช่แม่ทัพที่รักและห่วงใยชาวบ้านมากนัก ครั้งหนึ่งในสงครามกับหรงตี๋ แม่ทัพเฉาเคยแย่งเสบียงอาหารของชาวบ้านในเมืองเพื่อคุ้มกันเมืองจนถึงที่สุด เขาสั่งห้ามไม่ให้ชาวบ้านหนีออกจากเมือง สั่งให้ชาวบ้านใช้อุปกรณ์ทำนาช่วยต้านทานศัตรูพ่ะย่ะค่ะ”

“แม่ทัพหยางมีความเห็นเช่นไร” ไป๋ชิงเหยียนถามหยางอู่เช่อต่อ

ได้ยินจ้าวเซิ่งกล่าวเช่นนี้ หยางอู่เช่อก็เริ่มลังเลเล็กน้อย เขามีความสัมพันธ์อันดีกับเฉาเหรินอี้ ย่อมไม่อยากนำทัพไปเผชิญหน้ากันอยู่แล้ว ดังนั้นตอนที่เฉาเหรินอี้ส่งคนมาเจรจาสงบศึก เขาฝากคำกล่าวมาบอกว่าไม่อยากเป็นศัตรูกับหยางอู่เช่อ หยางอู่เช่อได้ยินก็ดีใจเกือบหน้ามืดตามัวเพราะความสัมพันธ์ครั้งเก่า

เป็นจริงดั่งที่จ้าวเซิ่งกล่าว เฉาเหรินอี้ไม่ใช่แม่ทัพที่ให้ความสำคัญกับชาวบ้าน ทว่า ครั้งนี้กลับขอให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วมอบยาให้ชาวบ้าน นี่คือพิรุธใหญ่ที่สุดในครั้งนี้

หยางอู่เช่อไม่กล้าตอบคำถามของไป๋ชิงเหยียยน เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นกล่าวขึ้น “แม้กระหม่อมจะไม่อยากต่อสู้กับสหายเก่า ทว่า แม่ทัพจ้าวกล่าวมีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ”

กล่าวจบ หยางอู่เช่อกำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียนอย่างจริงจัง “หากองค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงเชื่อพระทัยกระหม่อม ให้กระหม่อมนำกองกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปสืบข่าวในเมืองต้าหมิงก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ หากเฉาเหรินอี้ต้องการยอมจำนนต่อองค์หญิงจริงๆ พวกเราค่อยนำทัพเข้าไปในเมืองต้าหมิง หากไม่ใช่ กระหม่อมจะจับเป็นเฉาเหรินอี้มาให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วให้ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“แม่ทัพหยางไม่จำเป็นต้องไปยังเมืองต้าหมิงหรอก เกรงว่าคืนนี้แม่ทัพเฉาเหรินอี้ผู้นี้คงบุกมาที่ค่ายทหารของเราแน่” ไป๋ชิงเหยียนยิ้มพลางชักมือที่วางอยู่บนโต๊ะกลับ จากนั้นกล่าวต่ออย่างไม่รีบร้อน “คืนนี้คือคืนวันสิ้นปี ไม่ว่าทหารต้าจิ้นหรือต้าเหลียงก็คงลดการป้องกันตัวลง เฉาเหรินอี้ส่งเหล้าและอาหารพื้นเมืองของต้าเหลียงมาให้ที่ค่ายทหารเช่นนี้ บรรดาทหารต้าเหลียงจะรู้สึกคิดถึงบ้านเมือง คิดถึงบ้านเกิดของตัวเองหรือไม่ พวกเราจะถูกปิดล้อมทั้งสี่ทิศหรือไม่นะ”

จ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อมองสบตากัน พวกเขาเกิดความระแวงขึ้นมาทันที

“สายที่เราส่งไปสืบข่าวในเมืองต้าหมิงกลับมาแล้วหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนถาม

จ้าวเซิ่งได้สติทันที “ยังพ่ะย่ะค่ะ”

เช่นนี้แสดงว่าสายที่ถูกส่งไปสืบข่าวในเมืองต้าหมิงคงถูกเฉาเหรินอี้สังหารไปแล้ว

มิเช่นนั้นเขาคงกลับมารายงานที่ค่ายทหารก่อนที่เฉาเหรินอี้จะให้คนส่งอาหารและเหล้ามายังค่ายทหารต้าจิ้นแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนใช้มือสองข้างยันโต๊ะเพื่อลุกขึ้นยืน จากนั้นเดินไปหยุดอยู่หน้าแผนที่โต๊ะทรายตรงกลางกระโจม จ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อรีบตามไปทันที

เมื่อกวาดสายตามองแผนที่ทั้งหมดอย่างละเอียดแล้ว ไป๋ชิงเหยียนชี้ไปยังตำแหน่งระหว่างเมืองหย่งอันและต้าหมิงที่ค่ายทหารต้าจิ้นตั้งค่ายอยู่บนแผนที่โต๊ะทราย จากนั้นกล่าวอย่างรวดเร็วและมั่นคง “การเดินทางออกจากค่ายทหารไปยังเมืองต้าหมิงใช้เวลาไปกลับรวมกันเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น แม่ทัพจ้าวจงส่งสายสืบไปยังเมืองต้าหมิงอีก แบ่งเป็นกลุ่มและสองคน ออกเดินทางทุกๆ ครึ่งก้านธูป รวมทั้งหมดสี่กลุ่ม บอกพวกเขาว่าหากพบสิ่งผิดปกติระหว่างทางหรือในเมืองต้าหมิงให้พวกเขารีบกลับมารายงานทันที หากไม่มีกลุ่มใดรอดกลับมาเลยแสดงว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้วจริงๆ”

จ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อพยักหน้า หากเฉาเหรินอี้ตั้งใจบุกมาโจมตีค่ายทหารต้าจิ้นจริงๆ เพื่อความไม่ประมาท พวกเขาต้องวางกับดักไว้ตามทางเพื่อขัดขวางสายลับของต้าจิ้นแน่นอน

ไป๋ชิงเหยียนประมวลผลอย่างรวดเร็วพลางกล่าวขึ้น “แม่ทัพจ้าวและแม่ทัพหยางจงเรียกรวมกำลังพลทั้งหมด บอกพวกเขาว่าคืนนี้เฉาเหรินอี้อาจพาทหารบุกมาโจมตีค่ายทหาร จำไว้ว่าต้องบอกพวกเขาอย่างระมัดระวัง”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางหยิบธงเล็กที่เขียนคำว่าจ้าวและหยางไว้อย่างละด้านขึ้นมา จากนั้นมองไปทางจ้าวเซิ่ง กล่าวเสียงจริงจัง “หากสายลับทั้งสี่กลุ่มไม่ได้กลับมา แม่ทัพจ้าวจงนำทัพใหญ่ห้าหมื่นนายไปรออยู่ที่ฝั่งขวาของค่ายทหารเพื่อรอคำสั่งจากข้า”

กล่าวจบไป๋ชิงเหยียนปักธงเล็กที่เขียนคำว่าจ้าวลงบนตำแหน่งด้านขวาของค่ายทหารในแผนที่โต๊ะทราย จากนั้นปักธงเล็กที่เขียนคำว่าหยางลงบนตำแหน่งซ้ายของค่ายทหารแล้วมองไปทางหยางอู่เช่อ “แม่ทัพหยางนำทัพทหารห้าหมื่นนายรออยู่ทางฝั่งซ้ายของค่ายทหาร ข้าจะนำทหารที่เหลือทั้งหมดรออยู่กลางค่ายทหาร เมื่อกองทัพของเฉาเหรินอี้บุกเข้ามาในค่ายทหาร พวกเราค่อยจัดการกับพวกเขา!”

ไป๋ชิงเหยียนวางแผนเรื่องทุกอย่างได้อย่างเป็นระบบและรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น จ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อรู้สึกเลือดร้อนขึ้นมาทันที

จ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อกำหมัดรับคำ

แผนการของไป๋ชิงเหยียนคือการวางแผนล่อ หากเฉาเหรินอี้ยกทัพบุกค่ายทหารต้าจิ้นในคืนนี้จริงๆ เมื่อกองทัพของพวกเขาเข้ามาในค่ายทหารนี้ทั้งหมด หยางอู่เช่อและจ้าวเซิ่งจะปิดประตูตีแมว ทำให้เฉาเหรินอี้ไม่มีโอกาสรอดกลับไปได้อีก

ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปยังแผนที่โต๊ะทรายนิ่ง มองดูเส้นทางราบเรียบที่เมืองต้าหมิงและหย่งอันใช้ไปมาหาสู่กันมากที่สุดและมีระยะทางใกล้ค่ายทหารต้าจิ้นมากที่สุด หญิงสาวเลือกสองเส้นทางนี้ จานั้นปักธงเล็กที่มีสี่หน้าลงบนสองข้างทางของถนน

“สองเส้นทางนี้คือเส้นทางที่เดินทางจากเมืองหย่งอันไปยังเมืองต้าหมิงได้เร็วที่สุด เหมาะแก่การอำพรางตัวและหลบซ่อนทหารมากที่สุด แม่ทัพจ้าวแบ่งทหารออกเป็นสี่กลุ่มแล้วส่งไปสำรวจเส้นทางบริเวณนี้ว่าทหารดักซุ่มอยู่หรือไม่ หากมีอย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น รีบกลับมารายงานที่ค่ายทหารก่อน”

สายตาของไป๋ชิงเหยียนหยุดอยู่ที่ภูเขาที่อยู่บริเวณรอบค่ายทหาร จากนั้นหยิบธงสีแดงไปปักบนยอดเขาสองสามที่ซึ่งสามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในค่ายทหารต้าจิ้นได้อย่างชัดเจน “บริเวณรอบค่ายทหารของเราต้องมีสายลับของเฉาเหรินอี้คอยจับตาดูอยู่แน่ แม่ทัพหยางสั่งให้เหล่าทหารดับไฟ สวมชุดเกราะและเตรียมอาวุธให้พร้อม จากนั้นรอคำสั่งจากข้าอย่างสงบ”

“เมื่อค่ายทหารของเราดับไฟลงแล้ว สายลับของเฉาเหรินอี้ต้องกลับไปรายงานเขาอย่างแน่นอน แม่ทัพจ้าวถือโอกาสนี้ส่งคนคลำทางไปตามความมืดเพื่อสร้างกับดักบริเวณนี้ไว้ก่อน” ไป๋ชิงเหยียนชี้ไปยังจุดวางกับดักที่อยู่บนถนนที่ทอดยาวจากเมืองหย่งอันไปยังต้าหมิง หญิงสาวก้มหน้าต่ำ แววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร “เมื่อปล่อยสายลับกลุ่มแรกกลับไปรายงานที่เมืองต้าหมิงแล้ว…”