บทที่ 816 เป็นปีศาจ

บทที่ 816 เป็นปีศาจ

เวลาย่าทำซาลาเปา แกไม่เคยปั้นลูกเล็ก ๆ เลย แต่จะทำขนาดเท่ากำปั้นผู้ใหญ่ตลอด ส่วนตัวไส้ไม่ได้ใส่เนื้อล้วน แต่จะผสมผักเข้าไปสี่ส่วน เวลากินแล้วจะไม่รู้สึกเลี่ยนเลย

“ลุงอายุเยอะแล้ว กินได้มากสุดแค่สองลูกเท่านั้นแหละ ถ้ากินมากกว่านี้คืนนี้คงนอนไม่หลับแน่”

เสิ่นจื่อเจินยิ้ม เสี่ยวเถียนพลันรู้สึกว่าร่องรอยบนใบหน้าแกลึกกว่าแต่ก่อนมาก

เห็นได้เลยว่าช่วงนี้แกเหนื่อยขนาดไหน

“ลุงเขยดื่มนมมอลต์สักหน่อยนะคะ ย่าเอามาให้กระป๋องใหญ่แน่ะ” เสี่ยวเถียนเลื่อนถ้วยไปหา

“เมื่อคืนป้าเถาฮวาบอกว่าไม่ต้องเตรียมของกินให้ลุงเลย ที่แท้คุณป้าก็ทำให้หมดแล้ว”

เสิ่นจื่อเจินจิบนมมอลต์พร้อมกินซาลาเปาอย่างเอร็ดอร่อย

“ถ้าเป็นน้ำเต้าหู้คงจะดีไม่น้อยเลยค่ะ แต่มันเอาขึ้นรถไฟไม่ได้”

เด็กสาวเสียใจ

อีกหลายสิบปีข้างหน้าทุกอย่างจะค่อย ๆ พัฒนาขึ้น อาหารการกินซื้อสะดวก ไม่เหมือนตอนนี้ที่ยังลำบาก

หลังกินเสร็จก็มีผลไม้จ่อคิวรอ

เสิ่นจื่อเจินถอดถอนใจ

“กินข้าวบนรถไฟดีกว่ากินในห้องปฏิบัตการอีก”

เวลาที่พวกเรายุ่ง แทบไม่มีเวลาให้กินข้าวด้วยซ้ำ

“ลุงเขยบอกว่าตัวเองอายุมากขึ้นแล้ว แต่จะทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะคะ” เสี่ยวเถียนเสียใจ

“บางเรื่องต้องทำด้วยตัวเองถึงจะวางใจน่ะ ยังดีที่ซานกงขยันมาก อีกสองสามปีข้างหน้า ลุงคงปล่อยวางได้แล้วล่ะ!” เสิ่นจื่อเจินมองหลานชายอย่างภูมิใจ

ในบรรดาเด็กทั้งหมดเขาชื่นชมซานกงมากที่สุด

จริง ๆ เสี่ยวเหมยก็ไม่ได้แย่นะ แต่พอแต่งงานแล้วคงยากที่จะกลับมาทำ เกรงว่าต่อไปคงต้องให้ความสำคัญกับครอบครัวมากขึ้นแล้ว

จากนั้นก็เบนสายตามามองเสี่ยวเถียน เธอยังเด็ก ไม่รู้ว่าอนาคตจะมีความสนใจสร้างครอบครัวหรือเปล่า

ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ก็น่าเสียดาย

“ผมจะตั้งใจนะครับอาจารย์” ซานกงเอ่ยด้วยความเคารพ

“เสี่ยวเถียนเตือนอาแล้ว อีกสักพักรีบเข้านอนกันเถอะ เวลาอยู่บนรถไฟจะนอนหลับไม่สนิท ถ้าพักผ่อนไม่พอจะเหนื่อยมากนะ!” เสิ่นจื่อเจินยิ้ม

ตั้งแต่กลับมาทำงาน เขาเคยชินกับการเดินทางไปนู่นไปนี่ตลอด

แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา

ด้วยสภาพภูมิอากาศในแต่ละภูมิภาคของประเทศแตกต่างกันมาก ถ้าเขาจะวิจัยการผลิตเมล็ดพันธุ์ก็ต้องทำให้มันสามารถใช้ได้ทุกที่ และนั่นหมายความว่าต้องเดินทางไปมาตลอดทั้งปี

โชคดีที่มีเถาฮวาคอยดูแล เลยไม่มีอะไรต้องกังวลใจ พอกลับถึงบ้านก็จะได้ดื่มซุปร้อน ๆ กับข้าวสวย ซึ่งมันอร่อยมาก ๆ เลย

เรากินไปด้วยพูดคุยเรื่องงานไปด้วย วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ทางฝั่งฉืออี้หย่วนสภาพเหมือนคนนั่งอยู่บนเข็มหมุด รู้สึกอึดอัดใจมาก

เสี่ยวเถียนเดินทางออกจากเมืองหลวงและกำลังลงใต้ เขารู้สึกว่างเปล่าในหัวใจ

สิ่งที่ไม่ควรไปก็ไป สิ่งที่ไม่ควรมาก็มา

คนที่เขาเรียกว่าพ่อแม่กลับมาจากต่างประเทศพร้อมลูกอีกสองคน

เด็กคนนี้เป็นสายเลือดเดียวกันกับเขา แต่อี้หย่วนไม่รู้สึกถึงความใกล้ชิดสักนิด ซึ่งโดยปกติมันควรจะมีบ้าง

แต่เขาไม่รู้สึกเช่นนั้น น้องชายน้องสาวก็เช่นกัน เหมือนกับว่าพวกเขามีความไม่ชอบใจพ่วงมาเสียด้วยซ้ำ

ส่วนอี้หย่วนก็อายุเยอะเกินกว่าจะคุยเล่นกับพวกเขาได้

ซึ่งเด็กสองคนนี้ไม่คิดเช่นนั้น

พวกเขาแสดงความรักต่อหน้าพ่อแม่เสมอ แต่บางครั้งก็ต่อว่าอี้หย่วนในฐานะที่เป็นพี่ชายที่ไม่ได้เรื่อง

แถมสองสามีภรรยาคู่นี้ก็แปลกมาก เป็นลูกที่มีมาด้วยกันแท้ ๆ กลับไม่สามารถปฏิบัติได้อย่างเท่าเทียม

ขอแค่เด็ก ๆ พูดอะไรไม่ดีใส่อี้หย่วน พ่อแม่จะต่อว่าลูกชายคนโตทันทีโดยไม่ถามอะไรสักคำ

“ฉืออี้หย่วน แกอายุเท่าไรแล้ว? ไม่รู้จักให้น้อง ๆ ก่อนบ้างหรือไง?”

“ฉืออี้หย่วน แกนี่นิสัยแย่จริง ๆ”

“ฉืออี้หย่วน แกทำแบบนี้ได้ยังไง?”

“ฉืออี้หย่วน แกยังมีหัวใจบ้างไหม หรือมันเป็นของคนอื่นไปแล้ว?”

สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว หลังจากนั้นเขากลับเข้าห้องจัดกระเป๋า แล้วออกไปพร้อมกับมัน

“ปู่ครับ ผมจะไปอยู่ที่อื่นสักหลาย ๆ วันนะ!”

เขาทนอยู่ในบ้านหลังนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว

ฉือเนี่ยนตงโมโหจนเลือดขึ้นหน้าตอนเห็นลูกชายเดินออกไปโดยไม่ทักตนเองด้วยซ้ำ

“พ่อครับ ดูเด็กคนนี้ซิ โดนพ่อตามใจจนเคยตัวแล้ว!”

“ลูกไม่ดีเป็นความผิดของพ่อ” ฉือเก๋อเหลือบตามองลูกชาย

ฉือเนี่ยนตงหมดคำจะพูด

เขาผิดหรือ?

“พ่อครับ ผมไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปต่างประเทศนี่ ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากไปหรอกนะ!”

ทว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูดด้วยซ้ำ

ฉือเก๋อยิ้มบาง ๆ

“งั้นหรือ? เจ้าฮั่วมันกลับมาตั้งกี่ปีแล้วล่ะ?”

ลูกชายเขาไม่ใช่ลูกคนนั้นอีกต่อไปแล้ว

“พ่อ เรื่องบางเรื่องมันก็ช่วยไม่ได้”

“งั้นก็ทำดีกับเด็กคนนั้นสักหน่อยเถอะ อย่าให้จิตใจเขาต้องแตกสลายไปมากกว่านี้เลย”

ว่าจบก็คร้านจะสนใจลูกชายแล้วกลับห้องไป

ฉือเนี่ยนตงนั่งนิ่งไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนั้นเองที่อวี๋ซีเยว่เดินปึงปังออกมาด้วยความโมโห

“ที่รัก สภาพบ้านหลังนี้มันแย่เกินไปแล้ว อาคารตะวันตกหลังเก่าก็ดีอยู่แล้วแท้ ๆ ทำไมต้องมาอยู่ในที่แบบนี้ด้วย? ฉันไม่ชินเลยสักนิด ลูกเราก็เหมือนกัน!”

อวี๋ซีเยว่ชินกับการอยู่คอนโดจึงไม่ชอบลานบ้านที่พ่อสามีอยู่ตอนนี้สักนิด

แค่ห้องน้ำก็ไม่สะดวกแล้ว อย่าว่าแต่การอาบน้ำเลย

“อดทนไว้ เราไม่ได้อยู่ที่นี่นานหรอก!” ฉือเนี่ยนตงว่า “คุณกับลูกดีกับเสี่ยวหย่วนมันหน่อยนะ ในฐานะพ่อแม่ เราเป็นหนี้บุญคุณเขามาตั้งหลายปี!”

“อะไรนะ ให้ฉันทำดีกับเขา? แล้วทำไมไม่บอกให้มันทำตัวดี ๆ กับน้อง กับแม่อย่างฉันบ้าง?”

อวี๋ซีเยว่โกรธจัด รอบก่อนที่มาก็ไม่มีความประทับใจต่อกันเลยสักนิด

เด็กคนนี้โดนสั่งสอนมาไม่ดีโดยแท้!

“เราทิ้งเขาไปตั้งแต่เด็ก ๆ เลยนะ!” ฉือเนี่ยนตงว่า

“แล้วพวกเราต้องยอมอยู่ที่นี่หรือไง? จำไม่ได้หรือว่าสถานการณ์ตอนนั้นมันเป็นยังไงน่ะ?” ฝ่ายภรรยาไม่ยอมรับ

“ฉันรู้ แต่ไม่ว่าเราจะลำบากมากแค่ไหน เราก็ขังเขาไว้ในประเทศแบบนี้ไง”

“ฉือเนี่ยนตง พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? คุณคิดว่าตัวเองเป็นหนี้เขา? นี่คิดจะพาเขากลับเยอรมันด้วยใช่ไหม?” อวี๋ซีเยว่มองด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ รู้สึกว่าสามีทำตัวแปลกเหลือเกิน

จู่ ๆ ฉือเนี่ยนตงก็รู้สึกว่าการพาลูกไปต่างประเทศอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีก็ได้

เขาเริ่มขบคิดขึ้นมาว่า ถ้าพาฉืออี้หย่วนไปด้วย พวกเราจะสนิทกับขึ้นบ้างไหม?