War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2166
ตอนที่ 2,166 : จ้าวราชสีห์ขนทองมาถึงแล้ว!

“เมื่อปีที่แล้วชิงยอดศาสตราเซียนทั้ง 2 ชิ้นไปจากข้างั้นเหรอ?”

เมื่อเห็นเหล่าผู้ฝึกตนอิสระมองจี้มาด้วยสายตาจับผิด ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังลั่น “แล้วทำไมกระทั่งตัวข้าเองแท้ๆ ยังไม่เห็นจะรู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยเล่า!?”

“นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าข้าได้กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วรึไง? ว่าเรื่องราวที่ข้าจะประกาศออกมาให้พวกเจ้าฟังวันนี้ หากมีคำโกหกแม้แต่ครึ่งคำก็ให้ฟ้าพิฆาตร่างข้าตายตก! แล้วตอนนี้พวกเจ้ามีใครคนไหนเห็นข้าถูกฟ้าผ่าบ้างหรือไม่?”

กล่าวถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าด้วยความละเหี่ยใจ ยังคิดว่าเหล่าผู้ฝึกตนพวกนี้ช่างโง่งมทั้งเลอะเลือนเกินไปแล้ว…

พวกมันไปฟังคำพูดของใครที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ไม่ฟังคนสาบาน?

ยังเหลวไหลได้อีก!

แน่นอนว่าสำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว เข้าไม่ค่อยเข้าใจความสำคัญและความยิ่งใหญ่ของตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนในใจของผู้ฝึกตนในภูมิภาคเบื้องบนสักเท่าไหร่ หาไม่แล้วเขาคงไม่คิดแบบนี้

ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนในสายตาของผู้ฝึกตนในภูมิภาคเบื้องบนนั้น เป็นตัวตนที่เปรียบได้ดั่งเทพเจ้า!

พวกมันทั้งหลายมองว่า ตัวตนเช่นนั้นมีหรือเพื่อที่จะฮุบยอดศาสตราเซียนสองชิ้นไว้เป็นของตัวเอง ถึงกับเลือกจะเล่นละครฉากใหญ่ประกาศหลอกลวงคนทั้งแดนดิน?

ถึงแม้ว่าตอนที่อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬประกาศเรื่องนี้ออกมา จะมีหลายคนสงสัยอยู่บ้างก็ตามที

อย่างไรก็ตามลึกลงไปในใจของคนที่สงสัยเหล่านี้ ก็ยังคงเชื่ออยู่บ้าง และพอจ้าวราชสีห์ขนทองปรับลดของรางวัลนำจับต้วนหลิงเทียนลง ความสงสัยในใจสุดท้ายของพวกมันก็หายไปทันที

เมื่อเสียงกล่าวของต้วนหลิงเทียนดังขึ้น เหล่าผู้ฝึกตนอิสระทั้งหลายก็เงียบกริบไปเป็นแถบ แต่ละคนถึงกับไร้คำจะกล่าว!

ครู่ต่อมาเหล่าผู้ฝึกตนอิสระหลายคนก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลุกวาว เรียกว่าแทบจะลุกไหม้เป็นกองไฟอยู่รอมร่อ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นคาดหวัง “เช่นนั้นหมายความว่า…ยอดศาสตราเซียนทั้ง 2 ชิ้นนั่น ยังอยู่ที่ตัวเจ้าอย่างงั้นหรือ!?”

ต้วนหลิงเทียนเองกก็สัมผัสได้ว่าสายตาของผู้ฝึกตนอิสระทั้งหลายที่มองมาเริ่มเต็มไปด้วยความโลภ

อีกทั้งเขายังรู้ดีแก่ใจ

ว่าหากไม่ใช่เพราะมีบทเรียนที่เขาจัดการกงเจิ้นก่อนหน้านี้ น่ากลัวว่าคงมีผู้ฝึกตนอิสระหลายคนอดใจไม่ไหว ต้องลงมือหมายช่วงชิงยอดศาสตราเซียนที่พวกมันคิดว่าเขามีไปแล้วแน่นอน!!

“ไม่”

ต้วนหลิงเทียนพลันส่ายหัวพลางกล่าวปฏิเสธออกมา หลังเผชิญกับคำจี้ถามของผู้ฝึกตนอิสระทั้งหลาย

“ไม่รึ?”

ผู้ฝึกตนอิสระพากันตกใจไม่น้อย “อ้าว? มิใช่เจ้ากล่าวว่าตัวเจ้าติดอยู่ในระนาบเทียมที่ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะนั่นสร้างไว้ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาหรือไร? ด้วยวิธีนี้หมายความว่าอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬก็มิได้ชิงยอดศาสตราของเจ้าไปจริงๆ…”

“เป็นเจ้ากล่าวถึงเรื่องนี้ออกมาเองแท้ๆ แต่ไฉนมาตอนนี้เจ้ากลับบอกว่ายอดศาสตราเซียนทั้ง 2 ไม่ได้อยู่กับเจ้าเล่า?”

ผู้ฝึกตนอิสระที่กล่าวถามแลดูงุนงงไม่น้อย

กระทั่งผู้ฝึกตนอิสระที่อยู่รอบๆก็สงสัยและไม่เข้าใจเช่นกัน

“ข้าบอกว่าไม่ นั่นหมายถึงที่ตัวข้าไม่ได้มียอดศาสตราเซียนถึง 2 ชิ้น…ที่ตัวข้ามียอดศาสตราเซียนเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น และนั่นก็คือตราผนึกมาร! สำหรับยอดศาสตราเซียนอย่างกระบี่ไร้ลักษณ์ที่พวกเจ้าว่า ข้าไม่แม้แต่จะเคยเห็นมันมาก่อนด้วยซ้ำ!”

“และตราผนึกมารนี้เดิมทีก็เป็นของข้าแต่แรก กล่าวไปข้าก็แค่ชิงมันกลับมาหลังฆ่าเซี่ยจงลูกชายของจ้าวราชสีห์ขนทองนั่นเท่านั้น…สำหรับเรื่องที่ข้ามีกระบี่ไร้ลักษณ์อะไรนั่น ทั้งหมดเป็นจ้าวราชสีห์ขนทองมัน ‘ป้ายสี’ ข้า”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

แต่เนื่องจากข้อจำกัดจากคำสาบานก่อนหน้า ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดรู้ดีว่าวาจาที่กล่าวออกอย่างไร้แยแสนี้ของต้วนหลิงเทียน ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด!

“จะว่าไป…ข้าจำได้ว่าเมื่อ 3 ปีก่อน จ้าวราชสีห์ทองคำเซี่ยคังฉวินคล้ายจะบอกเพียงว่า…กระบี่ในมือของต้วนหลิงเทียนอาจจะเป็นกระบี่ไร้ลักษณ์ แต่มิเคยกล่าวยืนยันออกมาว่าเป็นเช่นนั้นเต็มสิบส่วน!”

ตอนนี้เอง พลันมีผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่งกล่าวถึงเรื่องที่จดจำได้ออกมา

“จริงสิ…ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงๆด้วย!”

ผู้ฝึกตนอิสระทั้งหลายเริ่มพยักหน้า

“เช่นนั้น…หรือว่ากระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนมี จะเป็นกระบี่ 9 สวรรค์!?”

ผู้ฝึกตนอิสระบางคนฉุกคิดอะไรได้ กล่าวโพล่งออกมาพลางมองจี้ต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาคมกล้าไม่วาง ราวกับเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นสมบัติล้ำค่า

“โทษที แต่ข้าไม่ได้มียอดศาสตราเซียนอย่างกระบี่ 9 สวรรค์อะไรนั่นเช่นกัน”

อย่างไรก็ตามวาจาประโยคต่อมาของต้วนหลิงเทียน ก็ทำลายความหวังของพวกมันอย่างไร้ปราณี!

และทันใดนั้นเอง

“ต้วนหลิงเทียน!!”

เสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดหนึ่งราวกับเสียงราชสีห์คำรามพลันระเบิดดังมาแต่ไกล!!

และสิ้นเสียงคำรามนั่น ก็มีรางหนึ่งวูบมาปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคนอย่างสุดที่จะมีผู้ใดทันได้ตั้งตัว! ราวกับคนทั้งคนผุดโผล่ออกมาจากอากาศว่างเปล่า!!

เรื่องนี้เผยให้ทั้งหมดทั้งมวลทราบได้กระจ่าง…

ว่าความเร็วของผู้มาใหม่นั้น เป็นอะไรที่เหนือล้ำสุดที่พวกมันทั้งหลายจะเทียบเทียมได้!

เป็นชายชราร่างใหญ่ มองกะความสูงจากสายตาไม่น่าจะต่ำกว่า 2 หมี่ และไม่เพียงแต่ร่างมันจะสูงเท่านั้น เนื้อตัวยังบึกบึนแลดูกำยำแข็งแกร่ง! มองไกลๆแทบไม่ต่างอันใดจากสัตว์ร้ายที่มีรูปร่างคล้ายผู้คน!!

ผู้ชราที่มาถึงนั้น เส้นผมขนคิ้วรวมถึงเคราของมันเป็นสีทองอ่อน ศีรษะของมันยังใหญ่โตมหึมา กอปรด้วยมีเคราคล้ายแผงคอนั่น ทำให้แลคล้ายหัวสิงโตไปกันใหญ่!

นอกจากนี้ใต้คิ้วคู่ดุดัน ดวงตาของมันที่แม้ไม่ได้มีโทสะหากทว่าแลดูดุดันน่าเกรงขามนั่น หากมองผ่านๆพาลให้นึกถึงคิงคองขึ้นมาตงิดๆ!

และพรอมๆกันกับที่ชายชราร่างสูงใหญ่แลดูดุร้ายน่าเกรงขามผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงพลังกดดันขุมหนึ่งที่บีบคั้นกำจายอยู่ในบรรยากาศ! ยังมีอานุภาพราวกับจะทำให้มวลอากาศรอบกายของมันแข็งตัวนิ่งค้าง!

“จ้าวราชสีห์ขนทอง! เป็นจ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ!!”

ทันทีที่ชายชราร่างใหญ่ผู้นี้ปรากฏกายขึ้นมา เหล่าผู้ฝึกตนอิสระหลายคนก็จดจำมันได้ตั้งแต่แรกเห็น!

“ข้าคาดไม่ถึงจริงๆว่าจ้าวราชสีห์ขนทองจะมาถึงที่นี่รวดเร็วเพียงนี้! ดูเหมือนสายข่าวของมันจะร้ายกาจไม่เบา…นอกจากนี้ยังเผยให้รู้ว่าลัทธิอารามทมิฬเองก็มีหูตาสอดส่องนครแห่งบาปของพวกเราตลอดเวลา”

“มันสมควรรีบมาทันทีที่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้นในนครแห่งบาป เพราะนี่นับเป็นโอกาสอันประเสริฐที่สุดในรอบ 3 ปี ไม่ว่าเป็นธุระอันใดมันก็สมควรโยนทิ้งไว้ด้านหลัง! หาไม่แล้วคงพลาดโอกาสล้างแค้นให้ลูกชายของมันแน่!!”

“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ เกรงว่าวันนี้คงถึงคราวเคราะห์แล้วล่ะ…”

… …

เหล่าผู้ฝึกตนอิสระเริ่มสนทนากันเซ็งแซ่ ตอนนี้หลายคนอดไม่ได้ที่จะมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสงสาร

ราวกับพวกมันตัดสินกันไปแล้ว ว่าต้วนหลิงเทียนต้องตกตายอย่างไร้หนทางต่อต้านภายใต้เงื้อมมือของจ้าวราชสีห์ขนทองแน่นอน…

และตอนนี้พวกมันทั้งหมดคล้ายจะลืมเลือนไปเสียสิ้น…

ว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งออกมาจากระนาบเทียม ที่ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะร่วมกันสร้างขึ้น…

และการที่จะกลับมายังภูมิภาคเบื้องบนจากภายในระนาบเทียมนั่นได้ อย่างน้อยๆก็ต้องมีพลังอำนาจมากพอจะฉีกเปิดกำแพงมิติ!

และกำแพงมิติที่ว่า โดยทั่วไปแล้วก็ต้องมีพลังอำนาจขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเสียก่อน ถึงจะสามารถฉีกเปิดช่องว่างให้ผู้คนผ่านเข้าออกได้!!

“ต้วนหลิงเทียน ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าเจ้าจะกล้าปรากฏตัวออกมาในลักษณะนี้…”

ชายชราที่ศีรษะใหญ่โตทั้งมีเคราดั่งแผงคอ มองสบตาต้วนหลิงเทียนพลางเปิดประเด็นสนทนา “แต่ไม่ว่าเจ้าจะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ด้วยเหตุผลอันใด…เจ้าต้องตาย!!”

ต้วนหลิงเทียนตอนนี้ไม่ได้ปลอมแปลงรูปโฉมอะไร เช่นนั้นจ้าวราชสีห์ขนทองจึงจดจำเขาได้ในพริบตา

หลังจากที่ยืนยันได้แล้วว่าเป็นเขา พลังเซียนต้นกำเนิดทั่วร่างของจ้าวราชสีห์ขนทองก็โคจรแล่นพล่าน ปลดปล่อยกลิ่นอายพลังขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนออกมาสะท้านกดดันในบรรยากาศ! พาลให้ผู้ฝึกตนอิสระที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยถึงกับต้องเร่งรุดล่าถอยกันจ้าละหวั่น เพราะแรงกดดันจากกลิ่นอายพลังระดับนี้ สุดที่พวกมันจะทานทนรับไหว!!

“เจ้าน่ะเหรอ จ้าวราชสีห์ขนทอง…เซี่ยคังฉวิน?”

ในขณะที่จ้าวราชสีห์ขนทองมองสำรวจต้วนหลิงเทียน ด้านต้วนหลิงเทียนก็มองพินิจจ้าวราชสีห์ขนทองกลับเช่นกัน เพราะวันนี้นับเป็นครั้งแรกจริงๆที่เขาได้เห็นหน้าค่าตาของ 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬคนนี้!

ในอดีตเขาเองก็เคยเห็น 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬอย่างจ้าวค้างคาวปีกเขียวมาก่อน…

ทว่าจ้าวค้างคาวปีกเขียวผู้นั้น ได้ตกตายอยู่ในระนาบเทียมที่เหลือทิ้งไว้โดย 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะเรียบร้อย…

“ฮู่มมม!!”

อย่างไรก็ตามจ้าวราชสีห์ขนทองกลับไม่ต้อบคำถามของต้วนหลิงเทียน มันกลับคำรามออกมาเสียงต่ำอย่างดุร้ายแทน!

ฟังจากเสียงคำรามนี่ เผยให้รู้ว่ามันมีโทสะมากมายเพียงไร!!

พริบตาต่อมา ภายใต้สายตาที่จับจ้องมองของทุกคน พลังเซียนต้นกำเนิดของจ้าวราชสีห์ขนทองก็ปะทุระเบิดออกมาดั่งเพลิงไฟ บังเกิดเป็นแสงพลังส่องสว่างเจิดจ้าแสบตา ยังผลให้จ้าวราชสีห์ขนทองตอนนี้คล้ายเป็นตะวันดวงย่อมๆ!!

“จ้าวราชสีห์ขนทองคิดลงมือแล้ว!!”

เห็นฉากเรื่องราวดังกล่าวใจของผู้ชมทุกคนก็เต้นไปไม่เป็นจังหวะทันที!

ซุ่มมม!!

ปรากฏเสียงดังสนั่นหนึ่งลั่นขึ้น ร่างมหึมาของจ้าวราชสีห์ขนทองโจนทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างเกรี้ยวกราด จนมวลอากาศแตกระเบิดดังสนั่น! เป็นความเร็วอันสูงล้ำนัก!!

“หะ…หายไปแล้ว!?”

ในสายตาของผู้ฝึกตนอิสระหลายต่อหลายคน ร่างจ้าวราชสีห์ขนทองอยู่ๆก็อันตรธานหายไปในอากาศว่างเปล่า!!

แน่นอนว่าในความเป็นจริงจ้าวราชสีห์ขนทองไม่ได้หายไปที่ใด แต่เป็นเพราะความเร็วในการโจนทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนของมัน เป็นความเร็วสุดที่สายตาของผู้ฝึกตนอิสระอันมีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยเหล่านี้จะจับจ้องมองตามได้ทัน!!

สำหรับในสายตาของผู้ฝึกตนอิสระที่มีพลังฝึกปรือสูงขึ้นมาหน่อย ร่างจ้าวราชสีห์ขนทองเพียงพร่าเลือนวูบไปดั่งภูตพรายเท่านั้น!

อนิจจาแม้พวกมันจะถ่างตามองเต็มที่ หากแต่ก็เห็นเพียงภาพติดตาที่ตกค้างอยู่ด้านหลังเท่านั้น!

“ระ…เร็วยิ่ง! นี่น่ะหรือ 1 ใน 4 มหาธรรมราชาแห่งลัทธิอารามทมิฬ จ้าวราชสีห์ขนทองผู้รั้งอยู่ในอันดับที่ 18 ของรายนามยอดเซียน! ช่างร้ายกาจสมคำร่ำลือนัก!!”

เซี่ยคังฉวิน จ้าวราชสีห์ขนทองผู้นี้ กระทั่งต่อให้มองไปทั่วทั้งแดนดินถิ่นเทพยุทธ์เซียนเต๋า มันก็ถือเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้า

ทว่าวันนี้มันกลับลงมือกับศิษย์อัจฉริยะท้าทายสวรรค์ของลัทธิบูชาไฟ ต้วนหลิงเทียน!

การกระทำดังกล่าว หากจะพูดว่า ผู้ใหญ่รังแกเด็ก ก็ไม่เกินเลย!

และเหล่าผู้ฝึกตนอิสระทั้งหลาย เมื่อเห็นจ้าวราชสีห์ขนทองมาถึงก็ลงมือดุดันเช่นนี้ พวกมันก็ได้แต่อุทานออกมาด้วยความเวทนา…

เพราะต้องมาเผชิญหน้ากับจ้าวราชสีห์ขนทองที่เกรี้ยวกราดแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้วนหลิงเทียนต้องตายแน่!!

ทว่าความจริงจะเป็นแบบนั้นหรือไม่?

“เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนงั้นเหรอ…พลังฝึกปรือไม่เบาเลยนี่!”

ในสายตาของผู้ฝึกตนอิสระทั้งหลาย ทันทีที่จ้าวราชสีห์ขนทองลงมือ ไม่ว่าร่างของมันอยู่ๆก็อันตรธานหายไปก้ดี หรือบางคนสามารถเห็นได้แค่ภาพติดตาก้ดี…ทว่าในสายตาต้วนหลิงเทียนนั้น ความเร็วเพียงเท่านี้ไม่ได้นับเป็นอะไร! เขาเห็นทุกอริยาบทของมันชัดตา กล่าวได้ว่าความเคลื่อนไหวของมันเขามองเห็นชัดกระจ่างนัก!!

“ปฐมเวทย์กลืนกิน!”

ก่อนที่จ้าวราชสีห์ขนทองจะโจนทะยานเข้ามา พลังเซียนสุริยันของต้วนหลิงเทียนก็ถูกโคจรไว้พร้อมพรั่งเตรียมปะทุระเบิดได้ทุกเมื่อ!

และวินาทีเดียวกันกับที่ร่างจ้าวราชสีห์ขนทองระเบิดพลังกล้าแข็งโจนทะยานเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด ปฐมเวทย์กลืนกินพลันสำแดงเดชต่อหน้าผู้คนอีกครา!!

ทันใดนั้นเอง ‘วังวนพลัง’ พลันปรากฏขึ้นรอบกายต้วนหลิงเทียน และยังเป็นวังวนพลังดูดรั้งอันน่าสะพรึงกลัว ราวกับจะสูบกลืนได้ทั้งแผ่นฟ้า!!

พริบตาที่วังวนพลังดูดรั้งอุบัติขึ้นรอบกายต้วนหลิงเทียน พลังวิญญาณฟ้าดินในอาณาบริเวณโดยรอบก็ถูกสูบเข้าร่างต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ!

และเวลาเพียงชั่วพริบตา พลังเซียนสุริยันในร่างต้วนหลิงเทียนก็ถูกเพิ่มพูนไปจนถึงจุดสูงสุดเท่าที่จะเพิมพูนได้!!

พลังอำนาจของพลังเซียนสุริยันที่เดือดพล่านทั่วกายของเขายามนี้สูงล้ำเหนือกว่าพลังเซียนต้นกำเนิดของขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน และแทบจะทรงพลังทัดเทียมกับพลังเซียนต้นกำเนิดของเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนอยู่รอมร่อ!

ฟู่มมม!!

และแทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกิน เซี่ยคังฉวินที่โจนทะยานมาถึงครึ่งทางแล้วก็ใช้เวทย์พลังหนุนเสริมของมันด้วยเช่นกัน

ทันใดนั้นพลังเซียนต้นกำเนิดทั่วร่างของมันก็ยกระดับสูงขึ้นในพริบตาเช่นกัน!

ยังเพิ่มพูนสูงขึ้น จนพลังเซียนต้นกำเนิดของมันแข็งแกร่งเกือบเทียบได้กับพลังเซียนต้นกำเนิดของเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!!

ในแง่ความแข็งแกร่งของพลังแล้ว มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย!!

“ช่างสมแล้วที่เป็นถึง จ้าวราชสีห์ทองคำ 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ…เวทย์พลังสนับสนุนนับว่าไม่ใช่ชั่วจริงๆ…อย่างไรก็ตามหากเจ้ามีพลังสามารถแค่นี้ เรื่องที่คิดจะล้างแค้นให้ลูกชายเกรงว่าเจ้าคงทำได้แค่ฝัน!”

ฟังจากน้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนแล้ว ช่างเฉยเมยไร้แยแสนัก คล้ายไม่ยี่หระอันใดกับจ้าวราชสีห์ขนทองที่วูบร่างมาฉับไวปานภูตพรายแม้แต่น้อย

และวาจานั่น พอฟังให้ดีก็พบว่าเขาไม่ได้เห็นจ้าวราชสีห์ขนทองอยู่ในสายตาเลย!