บทที่ 787 การซักถามต่อพงศกร

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

เมื่อได้ยินคำวิจารณ์ของลีน่า วารุณีก็เกิดความสนใจ “สกปรกขนาดไหน?”

ลีน่าเบ้ปากพูด: “ทุกอย่างที่เธอนึกถึง ข้างในนั้นมีหมด แต่แง่มุมในประเทศนี้เปิดกว้างมาก ดังนั้นถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าคลับเฮ้าท์นี้คือตัวมะเร็ง แต่ก็ไม่มีใครไปสร้างเรื่องหรือปราบปรามได้”

วารุณีพยักหน้า “อย่างนี้นี่เอง คิดไม่ถึงเลยว่าสุชาดาจะอยู่ในนี้”

“ข้างล่างยังมีรูปนะ” ทันใดนั้นลีน่าก็เห็นอะไรบางอย่าง เป็นนัยน์ให้วารุณีเลื่อนเมาส์ลงมาด้านล่าง

วารุณีทำตาม เลื่อนลงข้างล่าง หลังจากนั้นก็พบว่าด้านล่างมีรูปจริงๆ

คนในรูป คือสุชาดาจริงๆ สวมชุดกระต่ายเซ็กซี่ ใบหน้าแต่งหน้าฉูดฉาด มองแล้วทำให้รู้สึกรังเกียจ

ลีน่าผิวปากวี๊วีด “ฉันไป นึกไม่ถึงเลยว่าเธอทำงานที่นี่ ไม่น่าล่ะสถานที่ที่อารัณส่งมา เป็นคลับเฮ้าท์”

วารุณียิ้ม “อาชีพนางแบบของเธอพังยับเยิน แถมยังไม่มีความชำนาญ บวกกับเมื่อก่อนตอนที่เธอยังเป็นนางแบบ ยังพอทำเงินได้อยู่บ้าง แล้วยังเคยคบกับลูกเศรษฐี เพราะฉะนั้นเลยชินกับชีวิตหรูหรา ตอนนี้เลิกกับลูกเศรษฐีแล้ว งานนางแบบก็ไม่ได้ทำแล้ว เงินเก็บในมือก็คาดว่าจะหมดแล้วเหมือนกัน กลับไปใช้ชีวิตหรูหราเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ ก็เลยเหลือตัวเลือกแค่งานแบบนี้ ยังไงซะก็ได้เงินเร็วไม่ใช่เหรอ?”

ลีน่าเองก็ยิ้มขึ้น “พูดถูก”

“เอาล่ะ ในเมื่อตอนนี้หาเธอเจอแล้ว งั้นฉันก็ควรให้เธอได้ชดใช้ได้แล้ว” วารุณีหรี่ตา

สุชาดากล้ายุยงให้จุ๊บแจงใส่ร้ายเธอเรื่องลอกเลียนแบบ แล้วยังกล้าทำเรื่องต่างๆ กับเธอหลังจากนี้อีก

ในเมื่อตอนนี้หสุชาดาเจอแล้ว งั้นเธอก็จะจับสุชาดามาเป็นอำนาจต่อรองแบบลับๆ บีบให้ตายยคาเปล

เมื่อก่อนเธอใจอ่อนเกินไป ที่ไม่ยอมกดขยานีให้ตายไปเลยทีเดียว เลยก่อให้เกิดโอกาสให้ขยานีไปฆ่าแม่ตัวเอง

ครั้งนี้ เธอจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

คิดอยู่ วารุณีก็เรียกพวกบิ๊กเข้ามา “ไปที่นี่ ไปจับผู้หญิงคนนี้มา”

เธอชี้ไปที่คอมพิวเตอร์

พวกบิ๊กเดินเข้าไปดูใกล้ๆ หลังจากจำที่อยู่และใบหน้าของสุชาดาเสร็จ ก็พยักหน้าตอบรับ “ครับคุณหญิง”

“หลังจับเสร็จ ติดต่อนัทธี ดูว่านัทธีจะจัดการให้พวกนายพาเธอไปที่ไหน” วารุณีหลับตาพูดน้ำเสียงเบา

จากนิสัยของนัทธี จะต้องส่งสุชาดาไปที่ที่กลับประเทศไม่ได้ และที่ที่มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอได้อีก

และที่นั่น และทำให้ชีวิตสุชาดาเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย

แต่แล้วยังไง?

สุชาดาเคยร่วมมือกับพิชญาจัดการเธอ แถมเจตนาทำให้เธอแท้ง แถมตอนนี้อยากจะแก้แค้นเธอ

อย่างนั้นเธอก็ต้องโต้กลับ

อย่าหาว่าเธอโหดร้าย บางครั้ง ถ้าไม่โหด คนที่เสียเปรียบก็จะมีแต่ตัวเองกับคนรอบข้าง

หลังจากผ่านนวิยา พิชญา ขยานี นิรุตติ์คนเหล่านี้ เธอก็เรียนรู้ที่จะโหดร้ายและไม่แยแสมานาน

ถ้าตัวเองไม่โหดร้าย เธอจะปกป้องตัวเอง ปกป้องลูกชายลูกสาวข้างกายได้อย่างไร

ถ้าไม่อยากได้ยินข่าวเรื่องลูกๆ เกิดอุบัติเหตุอีก และไม่อยากได้ยินข่าวการหายตัวไปของนัทธีอีก และไม่อยากให้ตัวเองเกิดเหตุการณ์เกือบกลับไม่ถึงงบ้านอีกครั้ง ถูกทิ้งโดดเดี่ยวไว้ที่ไหนสักที่บนโลกอย่างสิ้นหวัง

ดังนั้น เธอทำได้แค่ต้องจัดการอย่างโหดร้ายมากขึ้น

“ครับ คุณหญิง!” หลังจากพวกบิ๊กได้ยินคำสั่งของวารุณี และพยักหน้าตอบรับ ก็หันหลังเดินออกจากห้องสมุด ไปทำตามมคำสั่ง

บนรถ พวกเขาติดต่อไปหานัทธี บอกที่วารุณีสั่งให้นัทธีฟัง

หลังจากนัทธีฟัง ไม่เพียงแต่ไม่คิดว่าวิธีของวารุณีมีปัญหา กลับกันยังชื่นชมมาก

เขารู้จักนิสัยของวารุณี เพราะเมื่อก่อนเธอมีเมตตามากเกินไป จึงใจอ่อนกับทุกๆ เรื่อง และทุกทีที่ใจอ่อน ก็จะถูกคนอื่นรังแก

วันนี้เธอเติบโต เขาดีใจไม่ไหว

เพราะเธอที่เป็นแบบนี้ ถึงทำให้เขาวางใจ ว่าเธอมีกำลังมากพอที่จะปกป้องตัวเอง

“หลังจับเธอ ส่งไปขุดเหมืองที่แอฟริกา” นัทธีขยับริมฝีปากบาง พูดเบาๆ

ขุดเหมืองที่นั่น ก็หมายความว่าชาตินี้หนีไปไหนไม่ได้อีก ชีวิตหลังจากนี้ นอกจากจะขุดเหมือนทุกๆ วันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็จะถูกคนรังแกไม่เว้นวัน

เชื่อว่าวันนั้น จะให้สุชาดาผู้หญิงคนนี้ สร้างความประทับใจให้เธออย่างลึกซึ้ง

หลังวางสาย นัทธีก็วางโทรศัพท์ลง แล้วใช้นิ้วเคาะลงเบาๆ ที่โต๊ะ

เวลานี้ มารุตก็เข้ามาพอดี เดินไปหน้าโต๊ะทำงานเขา “ประธานนัทธีครับ”

“มีธุระอะไร?” นัทธีเงยหน้ามองเขา

มารุตผลักแว่นแล้วพูด: “พงศกรมาแล้วครับ”

“ห้ะ?” นัทธีหรี่ตา

พงศกรมาจริงๆ

ในตอนแรก เขาก็เดาได้ว่าพงศกรต้องมาหาเขาแน่ๆ

ไม่คิดว่าจะมาไวขนาดนี้!

“ให้เขาเข้ามา” นัทธีเงยหน้า

มารุตพยักหน้า แล้วหันหลังออกไป

แต่ไม่นาน เขาก็เข้ามาอีกครั้ง ตามด้วยคนข้างหลังหนึ่งคน นั่นก็คือพงศกร

พงศกรไม่ได้ใส่ชุดคลุมสีขาว สวมชุดไปรเวทธรรมดา

เขามาถึงตรงหน้านัทธี ก้มหน้าเล็กน้อย มองที่นัทธี และไม่อ้อมค้อม ถามตรงๆ : “นายส่งปาจรีย์กับครอบครัวไปที่ไหน?”

นัทธียกกาแฟขึ้นจิบ “นายจะรู้ไปทำไม?”

“นายรู้อยู่แล้วยังจะถาม?” พงศกรหรี่ตา

นัทธีตอบเบาๆ : “ฉันก็รู้อยู่แล้วถามจริงๆ นั่นแหละ แต่อยากรู้อีก นายอยากรู้ที่อยู่ของพวกเขา จะเอาไปทำอะไร?จะบีบบังคับให้ปาจรีย์เอาเด็กออกต่อเหรอ?หรือจะลงมือกับพ่อแม่เธอ?”

“นี่ไม่จำเป็นต้องให้นายถามต่อ นายแค่ตอบคำถามฉัน ว่าพวกเขาอยู่ไหน” พงศกรพูดเสียงเย็นชา

ปากบางของนัทธีโค้งออกมาอย่างเยือกเย็น “ขอโทษนะ ฉันบอกนายไม่ได้หรอก ครอบครัวปาจรีย์ คือคนที่ภรรยาฉันห่วงใย ฉันเลยต้องปกป้องเป็นธรรมดา และที่พวกเขาไป สำหรับนายแล้ว มันเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ?”

“เรื่องดี?” พงศกรขำอยางโกรธจัด “นายบอกฉันว่า นี่เรื่องดีเหรอ?”

“ไม่ใช่หรือไง?” นัทธีวางกาแฟลง สบตากับเขาอย่างเงียบสงบ “นายเกลียดปาจรีย์ เกลียดครอบครัวเธอ เพราะนายคิดว่าการตายของพ่อแม่นาย เพราะตระกูลจิรดำรงค์เป็นคนทำ นายเลยยอมรับปาจรีย์ไม่ได้ และก็รับเด็กในท้องปาจรีย์ไม่ได้ ถึงแม้ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นลูกของนายเหมือนกัน”

“พอได้แล้ว นายจะพูดอะไรกันแน่” พงศกรตะโกนด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว

นัทธีเอนพิงไปด้านหลัง “ฉันแค่จะบอกว่า นายเกลียดพวกเขา พวกเขาหายไปจากชีวิตนายแล้ว เรื่องดีไม่ใช่เหรอ?แบบนี้ ยจะได้ไม่ต้องเห็นพวกเขาอีก พวกเขาก็จะได้ไม่มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้านาย ถึงแม้ว่าปาจรีย์จะคลอดลูกนาย นายก็ถือได้ว่านายไม่มีลูก แบบนี้ นายก็ถือได้ว่าคนตระกูลจิรดำรงค์ได้ตายจากไปแล้ว ไม่ต้องเพราะเห็นตระกูลจิรดำรงค์ แล้วนึกถึงการตายอย่างอนาถของพ่อแม่นาย ดีจะตาย”

“นายพูดบ้าอะไร?มันไม่ใช่อย่างที่นายพูด!” อารมณ์ของพงศกรกระตุ้นขึ้นทันที

อารมณ์บนหน้าของนัทธียังคงเหมือนเดิม ยังคงนิ่งเหมือนเดิม “ไม่ใช่อย่างที่ฉันพูด แล้วแบบไหน?หรือฉันพูดผิดเหรอ?ครอบครัวปาจรีย์ไปแล้ว ไม่ปรากฏอยู่หน้านายแล้ว นายถือได้ว่าเขาตายไปแล้วจริงๆ ไม่ต้องเพราะพวกเขา แล้วเจ็บแค้นในใจ ทำไมตอนนี้ถึงตื่นตัวจังล่ะ?”

นัยน์ตาพงศกรสั่นเทา

ใช่ ทำไมเขาต้องตื่นตัวขนาดนี้?

จริงๆ ครอบครัวปาจรีย์ไปแล้ว ไม่มาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาตลอดกาล เขาก็ต้องดีใจสิถึงจะถูก

เขาสามารถถือว่าโลกใบนี้ ไม่มีตระกูลนี้อยู่อีกต่อไปแล้ว

แต่ทำไมกัน เขากลับไม่ดีใจเลยสักนิด กลับกันกลับเต็มไปด้วยความโกรธ

โกรธที่ปาจรีย์จากไปโดยไม่ลา โกรธที่เธอจากเขาไปจากที่นี่!