War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2171
ตอนที่ 2,171 : การกลับมาของต้วนหลิงเทียน!

“พี่หญิงตอนนี้เขาอยู่ที่ใด แล้วเป็นอย่างไรบ้าง?”

หลังสูดอากาศเข้าเฮือกใหญ่ เค่อเอ๋อที่สงบอารมณ์และระงับความตื่นเต้นในใจได้แล้ว ก็เร่งส่งเสียงผ่านพลังกล่าวถามก่านหรูเยี่ยนออกไปทันที

“สื่อเอ๋อบอกข้าว่า…ครั้งสุดท้ายที่มันปรากฏตัวก็อยู่ที่นครแห่งบาป”

ก่านหรูเยี่ยนเริ่มกล่าวบอกเค่อเอ๋อออกมาหลังได้ฟังรายงานเรื่องราวจากสื่อเอ๋อ “เมื่อ 3 ปีก่อนมันเข้า…”

และทุกสิ่งอย่างที่นางกำลังกล่าวบอกเค่อเอ๋อ ก็คือข่าวที่แพร่กระจายไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบนตอนนี้

ทว่าสำหรับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียน ปลิดชีพเซี่ยคังฉวินจ้าวราชสีห์ขนทองของลัทิอารามทมิฬใน 3 กระบี่นั้น ก่านหรูเยี่ยนเลือกที่จะละไว้ไม่กล่าวเล่าออกมาให้เสียเวลา เพราะในสายตาของนางเรื่องนี้มันหาสาระไม่ได้จริงๆ…

“สามีของเจ้ารอดหายนะมาได้เช่นนี้ย่อมเป็นเพราะฟ้าคุ้มครอง…เช่นนั้นเจ้าอย่าได้กังวลไปเลย”

หลังจากเล่าจบแล้วก่านหรูเยี่ยนก็เร่งปลอบขวัญเค่อเอ๋อทันที

“3 ปีก่อนเขาเข้าไปในกับดักที่ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะสร้างไว้ แต่พึ่งรอดกลับออกมาได้หรือ…”

หลังได้รับฟังเรื่องราวที่บุรุษของตัวเองเผชิญมา หน้างามของเค่อเอ๋ออดไม่ได้ที่จะซีดลงทั้งเผยความหวาดกลัวออกมา ถึงแม้นางจะไม่ได้อยู่ข้างกายบุรุษของนางยามเกิดเรื่อง แต่นางนึกภาพออกเลยว่าบุรุษของนางต้องผ่านพ้นความยากลำบากมาขนาดไหน…

จังหวะนี้ใจเค่อเอ๋ออดไม่ได้ที่จะเป็นทุกข์ ทั้งยังโทษตัวเองนัก เพราะการที่บุรุษของนางต้องมาเจออะไรแบบนี้ ล้วนเพราะชะตากรรมของนางทั้งสิ้น!

“นายน้อย…”

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่สองตาเค่อเอ๋อยามนี้เริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา พร่ามัวไปดั่งเมฆหมอกบดบัง

……

ในภูมิภาคตะวันตก ณ น่านฟ้าเหนือแนวเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากลัทธิบูชาไฟอีกไม่ไกลแล้ว

ปรากฏร่างในชุดสีม่วงลอยล่องตัวตรงอย่างสง่าผ่าเผย

ร่างในชุดสีม่วงนี้แลไปหน้าตายังเยาว์วัยนัก ด้วยคิ้วโค้งดั่งดาบทั้งดวงตาที่กระจ่างใสปานดาราระยับ ตอบรับกับเค้าโครงรูปหน้าอันเกลี้ยงกลาปานหยกเสลาอย่างหมดจด เพียงมองก็ให้ความรู้สึกถึงสายลมฤดูใบไม้ผลิ

เพียงลอยร่างค้างกลางหาวเฉยๆไม่ได้ทำอะไร ทว่าทั่วกายกลับแผ่ความรู้สึกน่าเกรงขามทั้งสูงส่ง พาลให้สภาพแวดล้อมโดยรอบหม่นลงถนัดตา…

“ไม่คิดเลยว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟนั่นมันจะออกจากการปิดด่านบ่มเพาะแล้ว แถมออกจากการปิดด่านครั้งนี้ พลังฝึกปรือของมันยังทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนอีก!”

ชายหนุ่มกล่าวพึมพำเบาๆ “โชคดีนัก ที่แม้มันจะออกมาจากการปิดด่าน แต่มันก็ไม่ได้ตัดสินโทษเค่อเอ๋อกับลูกสาวข้า…แต่ไม่ว่าจะเพราอะไรก็ช่าง ข้าต้องหาทางช่วยพวกนางแม่ลูกออกมาให้ได้! ปล่อยให้พวกนางอยู่ในลัทธิบูชาไฟอีกวัน ข้าก็กังวลเพิ่มอีกวัน”

ฟังจากวาจาที่ชายหนุ่มพึมพำกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง ก็สามารถคาดเดาตัวตนได้ทันที

เป็นคนที่พึ่งเร่งรุดเดินทางกกลับมาจากนครแห่งบาป ต้วนหลงเทียน

ระหว่างเดินทางออกจากนครแห่งบาป ต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินข่าวเรื่องที่จ้าวลัทธิบูชาไฟออกจากการปิดด่านฝึกตนแล้ว แถมออกจากการปิดด่านครั้งนี้ พลังฝึกปรือของมันยังทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเป็นที่เรียบร้อย!

ทันทีที่ได้รับทราบเรื่องนี้ ใจต้วนหลิงเทียนก็เป็นกังวลร้อนรนดั่งเพลิงไฟ ด้วยห่วงความปลอดภัยของเค่อเอ๋อและลูกสาว

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาจึ่งเร่งรุดเดินทางกลับมาลัทธิบูชาไฟด้วยความเร็วสูงสุด จนในที่สุดก็มาถึงสถานที่ๆอยู่ใกล้เคียงกับอาณาเขตลัทธิบูชาไฟ หลังจากที่สืบข่าวและสถานการณ์ดีแล้ว พอพบว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟยังไม่ได้ลงโทษเค่อเอ๋อกับลูกสาว เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ในขณะที่ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาก็เริ่มซ่อนตัวนอกเขตลัทธิบูชาไฟ เพื่อหาโอกาสที่จะลอบเข้าไปช่วยเหลือเค่อเอ๋อแม่ลูกออกมาจากลัทธิบูชาไฟ

‘ด้วยพลังของข้าตอนนี้ต่อให้ใช้กระบี่นิลสวรรค์ด้วยพลังทั้งหมด แต่ก็ยังไม่น่าจะจัดการจ้าวลัทธิบูชาไฟได้…เมื่อยืนยันตำแหน่งเค่อเอ๋อกับลูกได้แล้ว มีโอกาสดีๆเมื่อไหร่ข้าต้องลอบเข้าไปช่วยพวกนางให้ได้!’

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

เขาย่อมรู้พลังฝีมือของตัวเองดี

หากเขาใช้ออกด้วยทุกสิ่ง ด้วยพลังของกระบี่นิลสวรรค์ ต่อให้เป็นสุดยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนเขาก็ฆ่าได้แน่!

แต่ทว่าพลังระดับนี้ เมื่อต้องปะทะกับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเห็นทีจะยังเอามันไม่ลง!

‘หรือข้าต้องกลับไปปิดด่านบ่มเพาะในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอีกกัน…ข้าต้องทนบ่มเพาะพลังอีกปีครึ่งเพื่อที่จะทะลวงให้ถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนงั้นหรือ?’

คิดถึงจุดนี้ คิ้วต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะย่นยู่เป็นปม

เพราะเวลา 1 ปีครึ่งที่เขาคำนวณนั้น มันเป็นเวลาในโลกภายนอก

เวลาผ่านไปอีกตั้งปีครึ่ง แล้วใครจะยืนยันให้เขาได้ว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟจะไม่ทำอะไรเค่อเอ๋อแม่ลูก?

ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่กล้าเสี่ยงเดิมพัน!

หากเขาแพ้เดิมพันขึ้นมา แล้วเค่อเอ๋อกับลูกสาวเป็นอะไรไป เขาไม่มีวันอภัยให้ตัวเองชั่วชีวิตแน่!

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังระดมเซลล์สมองครุ่นคิดแผนการทุกอย่าง ไม่เว้นร้อยพันสถานการณ์เบี่ยงเบนความสนใจ เพื่อหาวิธีช่วยเค่อเอ๋อแม่ลูกออกมานั้นเอง…

ลัทธิบูชาไฟพลันออกมาประกาศคำแถลงเรื่องราวหนึ่ง!

อีกทั้ง จ้าวลัทธิบูชาไฟ ถังซวนยังเป็นผู้ออกคำแถลงนี้ด้วยตัวเอง!

เนื้อความในถ้อยแถลงมีว่า…

จ้าวลัทธิบูชาไฟ ได้เชิญศิษย์อัจฉริยะท้าทายสวรรค์ ต้วนหลิงเทียน ให้หวนกลับมายังลัทธิบูชาไฟ และให้คำมั่นว่าลัทธิบูชาไฟ จะไม่ปล่อยให้ใครทำร้ายต้วนหลิงเทียนเพื่อช่วงชิงยอดศาสตราเซียนอย่าง ตราผนึกมาร ที่อยู่ในความครอบครองของต้วนหลิงเทียนเด็ดขาด!

หากต้วนหลิงเทียนไม่วางใจ สามารถซ่อนตราผนึกมารเอาไว้ก่อน และย้อนกลับมาลัทธิบูชาไฟตัวเปล่าได้

ถึงตอนนั้นจ้าวลัทธิบูชาไฟ ถังซวน ยินดีกล่าววาจาสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ เพื่อพิสูจน์ความจริงใจต่อต้วนหลิงเทียน!

แทบจะทันทีที่ถ้อยแถลงนี้แพร่กระจายออกมา ไม่เพียงแต่เหล่าศิษย์เท่านั้น กระทั่งชนชั้นอาวุโสทั้งหลายของลัทธิบูชาไฟยังตกใจทั้งอึ้งไปเป็นไก่ตาแตก!

“ท่านจ้าวลัทธิ…เพียงเพื่อให้ต้วนหลิงเทียนกลับมา ถึงขั้นต้องออกมาแถลงการณ์เช่นนี้เลยหรือ?”

“เหลือเชื่อ! ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!!”

“ด้วยถ้อยคำแถลงการณ์ของท่านจ้าวลัทธิ มีโอกาสสูงที่ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนจะย้อนกลับมา เพราะไม่ต้องกลัวใครลงมือทำร้ายแย่งชิงยอดศาสตราเซียนอีก! และเมื่อศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนย้อนกลับมา เกรงว่าคงไม่ใช่อัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 2 อีกต่อไป แต่ต้องเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1!!”

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว! เมื่อ 3 ปีก่อนศิษย์พี่กระทั่งฆ่าเซี่ยจง บุตรชายของจ้าวราชสีห์ขนทองแห่งลัทธิอารามทมิฬลงได้!ทว่าศิษย์อัจฉริยะท้าทายสวรรค์อัรนดับ 1 ของพวกเราไม่แม้แต่จะเป็นคู่มือให้เซี่ยจงได้ด้วยซ้ำ!!”

“และด้วยพรสวรรค์ของศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน ผ่านมา 3 ปีเช่นนี้ พลังฝีมือสมควรก้าวหน้าขึ้นครั้งใหญ่แล้วแน่ๆ! ต้องร้ายกาจกว่าเมื่อ 3 ปีก่อนอย่างเทียบไม่ติด!!”

“ข้าล่ะตั้งหน้าตั้งตารอให้ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนกลับมาเลย! ตั้งแต่ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนไม่อยู่ ลัทธิบูชาไฟของพวกเราช่างจืดชืดน่าเบื่อปานสระสงบ ไม่ได้มีคลื่นลมอันใดให้เร้าใจข้าพเจ้าเลย…”

เมื่อเหล่าศิษย์ของลัทธิบูชาไฟรับทราบเรื่องนี้หลายคนที่ชื่นชมต้วนหลิงเทียนรวมถึงกกลุ่มคนทั่รู้สึกดีๆกับต้วนหลิงเทียนกระทั่งชมชอบวีรกรรมดุร้ายของต้วนหลิงเทียน ต่างพากันคึกคักอักโขปานลิงโลด

“น้องหลิงเทียน…มีโอกาสกลับมาได้แล้ว?”

“เช่นนี้ศิษย์น้องหลิงเทียนต้องกลับมาแน่!”

ไม่เว้นหลิวอวิ๋นและหลิวมู่ที่ค่อนข้างสนิทกับต้วนหลิงเทียน หลังได้ยินคำแถลงการณ์ของจ้าวลัทธิบูชาไฟ พวกมันรู้สึกตื่นเต้นกันนัก

“ท่านจ้าวลัทธิ ไฉนออกแถลงการณ์เช่นนี้มาได้?”

ดังคำกล่าว มีคนสุขก็ย่อมมีคนทุกข์ เมื่อได้รับทราบถ้อยแถลงของถังซวน ศิษย์เอกของจ้าวแท่นบูชามังกรคราม ปู้หง ใบหน้าของมันบัดนี้อัปลักษณ์ปั้นยากนัก

สีหน้าของหลูเถี่ย จ้าวแท่นบูชามังกรครามเองก็ไม่ได้ดีกว่ามันสักเท่าไหร่…

แม้ว่ามันจะต้องการยอดศาสตราเซียนที่ต้วนหลิงเทียนมี หรือไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่ต้วนหลิงเทียนมี ทว่าด้วยวาจานี้ของถังซวน เกรงว่าให้มันมีความกล้ามากกว่านี้อีก 100 เท่า มันก็ไม่กล้าคิดแย่งชิง กระบี่ ที่ร้ายกาจไม่ต่างจากยอดศาสตราเซียนนั่นอีก…

“บัดซบ! ไฉนจ้าวลัทธิถึงได้ออกมาแถลงการณ์เลอะเลือนเช่นนี้!?”

ณ ห้องพักภายในหอคุมกฏ ต่งหลิน อาวุโสเพลิงทองแดงของหอคุมกฏ ถึงกับหน้าเสียไปทันทีหลังได้ยินคำประกาศของถังซวน สีหน้ายังบิดเบี้ยวไปร้าวเคี้ยวข้าวถูกแมลงวัน

“ต้วนหลิงเทียน…”

นอกจากต่งหลินแล้ว บิดาของมันอย่างต่งหยวนจิ้น พอได้รับทราบเรื่องนี้ก็หยีตาลงทันใด แววตายังเผยประกายเยียบเย็นอันน่ากลัว

นอกเขตลัทธิบูชาไฟ

“จ้าวลัทธิบูชาไฟนั่น ช่างดีดลูกคิดรางแก้วมาดีนัก…เข้าใจพูดจริงๆ!”

หลังได้รับทราบถ้อยแถลงของจ้าวลัทธิบูชาไฟ ไหนเลยต้วนหลิงเทียนจะมองวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของมันไม่ออก ยังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยอะออกมาด้วยความขบขัน

แน่นอนว่าคำรับประกันของถังซวนไม่มีปัญหา

ทว่าหากมองให้ดี ไม่ใช่ว่าถังซวนนั้นต้องการปกป้องคุ้มครองเขาจากใจจริง…

เขาย่อมรู้ดีแก่ใจ

ทั้งหมดที่ทำให้ถังซวนกล่าวออกมาเป็นทำนองปกป้องเขา เพราะเขามีตราผนึกมารอยู่ในมือ! และตราผนึกมารก็คือยอดศาสตราเซียนที่เด่นล้ำในเรื่องปราบปีศาจสยบมาร!!

เมื่อถึงตอนที่เผ่าพันธุ์ปีศาจยกทัพขึ้นมารุกรานภูมิภาคเบื้องบน ลัทธิบูชาไฟที่มีตราผนึกมาร ย่อมเป็นดั่งฝันร้ายของเผ่าพันธุ์ปีศาจทันที! กระทั่งในระดับหนึ่ง ถังซวนอาจกลายเป็นวีรบุรุษผู้กล้าของมวลมนุษย์ชาติ!!!

เพราะในช่วงเวลาสำคัญ ไม่ว่าจะด้วยสถานการณ์คับขันหรืออะไรก็ตามที ถังซวนย่อมสามารถอ้างคุณธรรมหยิบยืมตราผนึกมารจากเขาได้ คราวนี้ให้ยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจร้ายกาจแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา!

แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่อาจปฏิเสธคำขอยืมได้ เพราะนี่คือเรื่องของส่วนรวม!

“สำหรับถังซวนแล้ววันไหนที่เผ่าพันธุ์ปีศาจถูกขับไล่ไปได้…คุณค่าของตราผนึกมารในสายตามัน น่ากลัวว่าสู้ศาสตราพันอาคมเซียนสักชิ้นยังไม่ได้ด้วยซ้ำ!”

ต้วนหลิงเทียนยังกระจ่างเรื่องนี้ดี

เพราะด้วยพลังฝึกปรือของถังซวนตอนนี้ หากศัตรูไม่ใช่เผ่าพันธุ์ปีศาจ มันไม่มีความจำเป็นต้องใช้ตราผนึกมารเลย

สำหรับผู้ฝึกมารในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ไม่ต้องกล่าวถึงพลังฝีมือส่วนตัวด้วยซ้ำ ด้วยฐานะทั้งอำนาจของถังซวนยังต้องใช้ตราผนึกมารอีกหรือ?

“เหอะ! ลองให้ข้ามีกระบี่ 9 สวรรค์ รวมถึงกระบี่ไร้ลักษณ์อะไรนั่นจริงๆ เกรงว่ามันคงไม่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ใจดีแบบนี้หรอก…”

ต้วนหลิงเทียนพ่นลม ทั้งกล่าวค่อนแคะออกมาด้วยน้ำเสียงรังเกียจ

และต้วนหลิงเทียนก็พูดถูกจริงๆ

หากไม่ใช่เพราะในตัวเขามีตราผนึกมารเป็นยอดศาสตราเซียนเพียงชิ้นเดียว แต่ดันมีกระบี่ไร้ลักษณ์หรือกระบี่ 9 สวรรค์อะไรนั่นอยู่อีกจริง…ถังซวนไม่มีวันออกแถลงการณ์แบบนี้แน่!

เพราะไม่ว่าจะเป็นกระบี่ไร้ลักษณ์ หรือกระบี่ 9 สวรรค์ เกรงว่าแม้แต่ถังซวนเองก็ทนแรงเย้ายวนไม่ไหว!

“ในเมื่อเป็นแบบนี้…ข้าก็กลับไปพบจ้าวลัทธิบูชาไฟผู้นี้หน่อยแล้วกัน”

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองวูบ เขาตัดสินใจได้ไม่ยาก

สำหรับเรื่องที่ต้องซ่อนตราผนึกมารไว้อะไรนั่น ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่ามันเกินจำเป็นอยู่บ้าง

เขาเชื่อว่าถังซวนไม่มีวันเสี่ยงลงมือแน่นอน เพราะมันไม่กล้าเดิมพันว่าตราผนึกมารอยูในมือเขาหรือไม่!

นอกจากนั้นถึงแม้พลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนจะด้อยกว่าถังซวน แต่ในฐานะที่เขาเองก็บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนแล้ว ย่อมไม่กลัวทักษะควาญวิญญาณอะไรทั้งสิ้น เขาไม่กลัวว่าถังซวนจะใช้วิธีนี้สืบค้นความจริงจากเขา

“ลัทธิบูชาไฟ…ข้ากลับมาแล้ว!”

3 วันต่อมาร่างต้วนหลิงเทียน ก็พุ่งเข้าเขตลัทธิบูชาไฟโดยตรง

คราวนี้เขาเหินร่างตรงดิ่งเข้าสู่ประตูหน้าของลัทธิบูชาไฟโดยไม่ต้องหลบๆซ่อนๆอันใด เรียกว่าต่างจากตอนลอบออกจากลัทธิบูชาไฟเมื่อไม่กี่ปีก่อนลิบลับ

เหตุผลที่ไฉนถึงได้ต่างกันขนาดนี้…

เพราะความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ไม่ใช่อะไรที่ในอดีตจะเทียบได้เลย!