ตอนที่ 815 เห็นแก่ผลประโยชน์มากเกินไป

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 815 เห็นแก่ผลประโยชน์มากเกินไป

ต่อมาจักรพรรดิต้าเหลียงไม่สนใจชีวิตของชาวบ้าน แย่งสมุนไพรจากชาวบ้าน ไม่สนใจชีวิตของทหารที่สละชีพเพื่อบ้านเมือง ต้องการให้ทหารต้าเหลียงทำศึกกับต้าจิ้นเพื่อแก้แค้นให้โอรสของตนเอง องค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นคนช่วยชีวิตชาวบ้านมากมายเหล่านี้เอาไว้ นางตั้งค่ายทหารอยู่นอกเมืองเป็นเดือนเพื่อรอให้ทหารในเมืองยอมจำนนอย่างใจเย็น

ทหารในค่ายรักษาตัวเลือดร้อนขึ้นตามๆ กันในทันที ทุกคนต่างคุกเข่าลงบนพื้น…

เสียงประกาศกร้าวว่ายินดีติดตามรับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจนวันตายดังกึกก้องกระโจม

เลือดในกายของเซียวหรงเหยี่ยนพลุ่งพล่าน ชายหนุ่มค่อยๆ ลุกขึ้นยืน มองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่มีสีหน้าเคร่งขรึม เขารู้สึกว่าไป๋ชิงเหยียนมีพลังในการโน้มน้าวใจคน นี่คือพรสวรรค์ที่แม่ทัพน้อยคนนักจะมี

เขาเดาว่าที่เจิ้นกั๋วอ๋องกล่าวว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นยอดนักรบแต่กำเนิดก็เพราะหญิงสาวมีพรสวรรค์ดังกล่าวนี้

ทว่า ในสายตาของเซียวหรงเหยี่ยน ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้เป็นเพียงยอดนักรบเท่านั้น หญิงสาวมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่และใจที่เมตตา หากวันหน้านางได้ขึ้นเป็นจักรพรรดินี นางจะต้องเป็นผู้นำที่ดีอย่างแน่นอน

ที่สำคัญแม้ไป๋ชิงเหยียนจะไม่ได้เอ่ยถึงจักรพรรดิต้าจิ้นในบทสนทนาของนางแม้แต่น้อย ทว่า เห็นได้ชัดว่านางต้องการเข้าแทนที่ราชวงศ์หลินอย่างแน่นอน

เยว่สือที่ถูกคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนปลุกเร้าจนเลือดร้อนขึ้นมาเกือบพลั้งปากตะโกนออกมาว่ายินดีติดตามองค์หญิงเจิ้นกั๋วไปจนวันตายเช่นเดียวกับทหารคนอื่นๆ ในกระโจม เขาลอบหันไปมองเจ้านายที่กำลังยืนยิ้มอยู่แวบหนึ่ง อดรู้สึกปาดเหงื่อแทนเจ้านายของตัวเองไม่ได้

เดิมทีเยว่สือรอวันที่คุณหนูใหญ่ไป๋แต่งงานกับเจ้านายของเขา กลายเป็นแม่ทัพที่ดุดันของแคว้นต้าเยี่ยน ทว่า ดูจากท่าทีของคุณหนูใหญ่ไป๋แล้ว ดูเหมือนหญิงสาวไม่ได้ต้องการจะแต่งงานไปอยู่ต้าเยี่ยน เช่นนี้จะทำเช่นไรต่อไปดี

เยว่สือรู้สึกว่าเจ้านายของตัวเองใจเย็นเกินไปแล้ว ขนาดเขายังดูออกเลยว่าคุณหนูใหญ่ไม่มีทางแต่งงานไปอยู่ต้าเยี่ยน เจ้านายของเขายังยิ้มออกได้อย่างไรกัน

คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนแพร่กระจายไปทั่วค่ายทหารในช่วงก่อนเที่ยงของวันเดียวกันอย่างรวดเร็ว

บรรดาทหารหลายหมื่นนายที่เคยมีอคติกับทหารต่างแคว้นถึงได้ยอมรับคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนที่ว่าทุกคนคือครอบครัวเดียวกันอย่างแท้จริง

ทหารต้าเหลียงสลัดความรู้สึกผิดที่เข้าร่วมกับต้าจิ้นทำลายบ้านเกิดของตัวเองทิ้งไปทันที พวกเขายินดีทำสงครามเพื่อรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ยินดีทำสงครามเพื่อความสงบสุขของใต้หล้า!

บรรยากาศภายในค่ายทหารต้าจิ้นปรองดองกว่าที่ผ่านมามาก

ไป๋ชิงเหยียนที่อ่อนเพลียมาทั้งวันหลับสนิทจนตื่นขึ้นมาอีกทีในยามเซิน[1]

ไป๋ชิงเหยียนมองเห็นเซียวหรงเหยี่ยนนั่งอ่านตำราไม้ไผ่อยู่บนโต๊ะที่มีแสงเทียนสว่างริบหรี่ผ่านม่านมุ้งของเตียง หญิงสาวเอื้อมมือนวดขมับของตัวเองเบาๆ

เมื่อได้ยินเสียงตื่นนอนของไป๋ชิงเหยียน เซียวหรงเหยี่ยนจึงวางม้วนไม้ไผ่ลง “ตื่นแล้วหรือ…”

“อืม” ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกหลับสบายมาก หญิงสาวเอื้อมมือนวดคอของตัวเอง “ยามใดแล้ว”

“ยามเซินแล้ว” เซียวหรงเหยี่ยนรินน้ำชาลงในถ้วยช้าๆ จากนั้นยกถือมาที่เตียง

ชายหนุ่มรวบมุ้งไปแขวนไว้ที่ตะขอทองแดงบนหัวเตียง จากนั้นนั่งลงบนเตียงพลางส่งถ้วยชาให้ไป๋ชิงเหยียน “ดื่มชาร้อนสักนิด”

ไป๋ชิงเหยียนรับมาดื่มสองอึก จากนั้นมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยน “ท่านไม่ไปรับซีไหวอ๋องอย่างนั้นหรือ”

“ข้าให้เยว่สือไปแล้ว” เซียวหรงเหยี่ยนรับถ้วยชาจากไป๋ชิงเหยียนไปวางบนโต๊ะเล็กข้างเตียง จากนั้นจ้องหน้าหญิงสาวนิ่ง “เมื่อเจ้ากลับมาถึงก็สลบไปทันที ข้าไม่วางใจ”

แม้ท่านหมอหงจะมาตรวจอาการให้แล้ว กล่าวว่าหญิงสาวแค่เหน็ดเหนื่อยเกินไปเท่านั้น ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนก็ยังอยู่เฝ้าไป๋ชิงเหยียนที่นี่โดยไม่ยอมจากไปที่ใดอยู่ดี

“อาเป่า…” เซียวหรงเหยี่ยนกุมมือไป๋ชิงเหยียน จากนั้นเอ่ยถาม “เจ้าอยากเป็นจักรพรรดินีอย่างนั้นหรือ”

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้หลบตาเซียวหรงเหยี่ยน “ท่านคิดว่าไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ”

“ข้าไม่ได้คิดว่าไม่เหมาะสม หากอาเป่าต้องการเป็นผู้นำแคว้น ลำพังแค่ตำราของซางจวินยังไม่เพียงพอ ตำราของซางจวินเน้นเรื่องการใช้ใจคน ทว่า เรื่องอื่นของเขาโหดร้ายเกินไป จักรพรรดิจิ๋นในตอนนั้นทำตามตำราเล่มนี้ พระองค์จึงถูกขนามนามว่าเป็นจักรพรรดิผู้โหดร้าย ท่านแม่ของข้าเขียนตำราไว้ชุดหนึ่ง ท่านแม่บอกข้าว่าท่านไม่ได้เขียนตำราเหล่านั้นด้วยตัวเองทั้งหมด ข้าเคยอ่านแล้ว เนื้อหาเหมาะสมกว่าตำราของซางจวินมาก เนื้อหาในตำราส่วนใหญ่เป็นเรื่องปรัชญาและการปกครองภายในแคว้น เป็นตำราลับวิเศษที่สืบทอดต่อกันมาของแคว้นต้าเยี่ยน!”

เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนอย่างไม่คิดปิดบัง “หากอาเป่าสนใจ เมื่อกลับไปถึงต้าเยี่ยน ข้าจะให้คนคัดลอกและส่งมาให้อาเป่าชุดหนึ่ง”

ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีมาโดยตลอดว่าเซียวหรงเหยี่ยนไม่เคยดูถูกนาง ทว่า นางคิดไม่ถึงเลยว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะเปิดเผยกับคนที่วันข้างหน้าอาจยืนกันคนละฝั่งกับเขาอย่างนางมากถึงเพียงนี้

“ท่านไม่กลัวว่าเมื่อข้าอ่านตำราวิเศษของต้าเยี่ยนจบ วันหน้าข้าจะบุกไปโจมตีต้าเยี่ยนหรืออย่างไร” ไป๋ชิงเหยียนถามยิ้มๆ

เซียวหรงเหยี่ยนกุมมือไป๋ชิงเหยียนไว้ จากนั้นลูบไล้หลังมือของหญิงสาวเบาๆ “ข้าเห็นอาเป่าเป็นดั่งดวงใจ เป็นดั่งสหาย เป็นดั่งคนรู้ใจ ที่สำคัญที่สุดคือข้าเห็นอาเป่าเป็นดั่งคู่แข่งที่ไร้เทียมทาน อาเป่าอนุญาตให้ข้าอ่านตำราบนโต๊ะนั่นได้ทั้งหมด ข้าจะปกปิดอาเป่าได้เช่นไร”

ความจริงไป๋ชิงเหยียนไม่ได้อ่านเพียงตำรา ‘พ่อค้า’ ของซางจวินเท่านั้น หญิงสาวอ่านตำราโบราณเกือบทั้งหมดเพราะไม่อยากพลาดโอกาสเรียนรู้

หญิงสาวไม่เคยคิดว่าจะกลายเป็นผู้นำของแคว้นได้เพียงเพราะอ่านตำราเหล่านี้เพียงเล่มใดเล่มหนึ่งหรือด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น

สาเหตุที่ลัทธิขงจื๊อเป็นลัทธิเดียวที่มีคนยึดมั่นมากที่สุดก็เพราะชาวบ้านเคารพนับถือลัทธินี้มากที่สุด

นักกฎหมายและลัทธิดำเห็นแก่ผลประโยชน์มากเกินไป พวกเขามองเห็นแค่ความก้าวหน้าตรงหน้า ไม่ได้มองในระยะยาว ทว่า การที่จะทำให้แคว้นๆ หนึ่งดำรงอยู่ต่อไปได้อย่างยาวนานนั้น ผลประโยชน์และคุณธรรมต้องสมดุลกัน

เมื่อกล่าวถึงความสมดุลก็ต้องเอ่ยถึงลัทธิเต๋า ตำราโบราณเกี่ยวกับลัทธิเต๋าที่ถูกเผาทำลายทิ้งมากมาย บัณฑิตในยุคนี้ไม่ใช่ว่าเรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะธรรมชาติเป็นตัวกำหนด

ตระกูลไป๋มีตำราโบราณเกี่ยวกับลัทธิเต๋าอย่าง ‘คัมภีร์กฎหมาย’ ‘คัมภีร์สิบหกบท’ ‘สมญานาม’ และ ‘ลัทธิเต๋า’ ทั้งสี่เล่มที่หายากไว้ในครอบครองทั้งหมด

‘คัมภีร์กฎหมาย’ กล่าวว่าการปกครองแคว้นต้องอาศัยกฎหมาย ส่วน ‘คัมภีร์สิบหกบท’ บรรยายถึงรูปแบบการปกครองแคว้นและทหาร ‘สมญานาม’ กล่าวถึงการคานอำนาจระหว่างกฎหมายและรูปแบบการปกครอง ส่วน ‘ลัทธิเต๋า’ กล่าวถึง มุมมองทางศาสนา

ไป๋ชิงเหยียนคิดว่าคำอธิบายในตำราสามในสี่เล่มนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ปรับเปลี่ยนเนื้อหาให้ดูจับต้องได้มากขึ้น แม้จะไม่สามารถนำมาปรับใช้กับยุคสมัยนี้ได้ทั้งหมด ทว่า อย่างน้อยก็สามารถนำส่วนที่เป็นประโยชน์มาใช้ได้

ไป๋ชิงเหยียนเคยอ่านตำราเหล่านี้มาก่อน ทว่า หญิงสาวไม่ได้วิเคราะห์เนื้อหาอย่างจริงจัง บัดนี้หญิงสาวจึงค้นตำราเหล่านี้ออกมาอ่านวิเคราะห์อีกครั้ง หญิงสาวจะจับประเด็นที่มีประโยชน์ในตำราเหล่านี้ออกมา และตัดส่วนที่ไม่จำเป็นทิ้งไป นำคำแนะนำของนักปราชญ์ทั้งหลายมาประยุกต์ใช้ในวันที่รวบรวมใต้หล้าได้เป็นหนึ่งเพื่อประโยชน์สูงสุดของบ้านเมืองและชาวบ้าน การคานอำนาจระหว่างผู้นำและชาวบ้านจะให้ทำการปกครองยืนยาว ทว่า เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยระยะเวลาและความสามารถอย่างมาก หญิงสาวรู้สึกว่ามีเรื่องที่นางต้องทำอีกมากมาย

เสิ่นชิงจู๋เดินเข้ามาในกระโจม จากนั้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยน “คุณหนูใหญ่ เซียวเซียนเซิง เยว่สือกลับมาแล้วเจ้าค่ะ เขากล่าวว่าแขกผู้สูงศักดิ์ได้ยินคนในโรงเตี๊ยมลือกันว่าคุณหนูใหญ่เป็นคู่หมั้นของเซียวเซียนเซิง เขาจึงอยากพบคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”

เซียวหรงเหยี่ยนลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย เขารู้ดีว่าเหตุใดซีไหวอ๋องจึงอยากพบไป๋ชิงเหยียน เขาจึงกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “คงเป็นเรื่องของแคว้นเว่ย หากเจ้าไม่อยากพบ ข้าจะไปบอกปฏิเสธเขาเอง”

“ท่านตั้งใจจะพาแขกสูงศักดิ์ผู้นี้เดินทางไปพร้อมกองทัพต้าจิ้นหรือพาเขาแยกจากไปก่อน” ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นนั่ง จากนั้นสวมรองเท้าที่วางอยู่ข้างเตียง

[1] ยามเซิน เวลาระหว่าง 15.00-17.00 นาฬิกา