บทที่ 718 ความปรารถนาที่จะปลดพันธนาการ (4)
นางมีเส้นผมยาวสีแดงอ่อน ดวงตาสีแดงเข้ม สวมกระโปรงสั้นและเสื้อสตรีสั้น มันดูไม่เหมือนกับคำว่า ‘หัวโบราณ’ แต่นางก็ดูไม่มีเสน่ห์หรือให้ความรู้สึกนุ่มนวลอ่อนโยนเลย
และทั่วทั้งร่างของนางยังแผ่พุ่งกลิ่นอายลมปราณดุร้ายออกมาตั้งแต่หัวจรดเท้า…
นางสวมเครื่องกักอายุยืนที่รอบลำคอของนาง และเครื่องกักอายุยืนนั้นก็กะพริบวิบวับเบาๆ
ก่อนที่เขาจะมา ราชาฉินกวงได้กล่าวว่าความคิดชั่วร้ายและความปรารถนาได้ถูกราชินีโฮ่วถู่ระงับเอาไว้ด้วยเครื่องมือเวท
เห็นได้ชัดว่าเครื่องมือเวทนั้นหมายถึง เครื่องกักอายุยืน
“เฮ้ เจ้า”
เด็กสาววางค้อนในมือลง นางเอียงศีรษะ และเชิดคางขึ้นมองปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่
“มานี่ มานอนบนร่างข้าสิ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ถึงกับมีเส้นสายสีดำสองสามเส้นผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเขาด้วยอาการพูดไม่ออก
เขาประสานมือคารวะและกล่าวว่า “ศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน…”
“ไม่เต็มใจหรือ?”
เด็กสาวกล่าวอย่างเย็นชา จากนั้นนางก็ตบเท้าเปล่าของนางเบาๆ แล้วหายวับไป!
บัดนั้น คิ้วกระบี่ของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ขมวดมุ่นเป็นตัวอักษร “ช่วน[1]” เขาโบกเสื้อแขนยาวของเขา และจากนั้นแผนภาพไท่จี๋ก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขาและหมุนไปเบาๆ
เพียงเมื่อได้ยินเสียงครวญครางดังอู้อี้ แล้วร่างอันงดงามก็หลุดออกมาจากด้านหลังของหลี่ฉางโซ่ว
จากนั้นกระบี่ส่องแสงแวววาวก็พุ่งเป้าไปที่ลำคอของหลี่ฉางโซ่ว และปลายกระบี่ก็อยู่ห่างลำคอออกไปเพียงสามชุ่น!
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
ดุร้ายอะไรเช่นนี้?
เขาไม่ได้เอ่ยวาจาใดสักคำ เขาตกเป็นเป้าหมายเพียงเพราะเขาดูเหมือนรังแกง่าย?!
โชคดีที่เขาพาปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มาที่นี่ด้วย!
ไม่เช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ไม่รู้จริงๆ ว่า คราวนี้ความคิดชั่วร้ายของราชินีโฮ่วถู่จะเจาะหัวใจของเขากี่รู!
ทันใดนั้นพลังปราณหยิน-หยางก็หมุนวนเวียนอยู่เหนือแผนภาพไท่จี๋ และกักเด็กสาวเอาไว้ทันทีโดย “ดูด” นางไปที่แผนภาพไท่จี๋
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ และหลี่ฉางโซ่วหันกลับมาและยิ้มเล็กน้อย ในขณะนั้นราชาฉินกวงก็ได้ผลักแผ่นหินบนร่างกายของเขาออกไปแล้ว และราชาฉู่เจียงก็ได้ถอดผ้าโพกศีรษะออกแล้วรีบพุ่งไปอย่างรวดเร็ว
“ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ โปรดเมตตาด้วย! องค์ราชินีได้ระงับความคิดชั่วร้ายส่วนใหญ่ของนางด้วยตัวนางเองแล้ว ตอนนี้นางเพียงแค่กลั่นแกล้งผู้อื่นเล่นเท่านั้น นางไม่ได้ทำร้ายผู้คนจริงๆ ขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะลงมองไปที่กระบี่ และเขาก็พบว่า กระบี่นั้นดูเหมือนจะไม่ได้ทำมาจากโลหะ
ในขณะนั้นมันบิดเบี้ยวและงอลงไปกับพื้นแล้ว และมันก็อ่อนนุ่มผิดปกติ…
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่พยักหน้า ทว่าไม่ได้ถอนพลังปราณหยินและหยางของเขา
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “พวกเราจะพบร่างหลักขององค์ราชินีได้อย่างไร?”
“นี่…” ราชาฉินกวงขมวดคิ้ว
“ข้าต้องได้รับความยินยอมจากองค์ราชินีก่อน”
“ขอร้องข้าสิ”
เด็กสาวที่ถูกแผนภาพไท่จี๋จับแช่แข็ง เยาะหยันและหันไปทางด้านข้างอย่างสงบ
“ข้าคือ ต้าเต๋อโฮ่วถู่ และต้าเต๋อโฮ่วถู่ก็คือ ข้า ต่อให้ข้าทำชั่วมากเพียงใดก็ไม่มีใครกล้ากำจัดข้า
นี่คือ สิ่งที่ศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าของพวกเจ้าพูดถึงการฆ่า ปีศาจ กำจัด ปีศาจ?
เชอะ เจ้าพวกสวะ”
“บรรพบุรุษ!”
ราชาฉินกวงและราชาฉู่เจียงรีบก้าวออกไปข้างหน้าและพยายามเกลี้ยกล่อมนางด้วยคำพูดดีๆ หลากหลายทุกประเภท
ในยามนั้น หลี่ฉางโซ่วจ้องมองไปที่เครื่องกักอายุยืนที่ลำคอของเด็กสาวอยู่พักหนึ่งและครุ่นคิดในใจ
ดังที่หลี่ฉางโซ่วได้กล่าวไว้ ราชินีโฮ่วถู่เองก็มีอิทธิพลต่อร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กสาวที่ชั่วร้ายผู้นี้ ซึ่งในขณะนี้ นางยังคงถูกเครื่องมือเวทของโฮ่วถู่กำราบเอาไว้
ในไม่ช้า เด็กสาวก็สบถออกมาอย่างหมดความอดทนและกล่าวว่า “ก็ได้ ก็ได้ น่าขยะแขยงจริงๆ! ตามข้ามา!”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ปลดการควบคุมพันธนาการเด็กสาวและมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว พวกเขาทั้งคู่มองหน้าสบตากัน และพวกเขาแต่ละคนต่างก็เห็นคำว่า ‘ระวัง’
ราชาฉินกวงและกษัตริย์ชูเจียงถอนหายใจอย่างโล่งอก และเดินตามเด็กสาวไป พวกเขาเดินออกจากห้องโถงที่ทรุดโทรมและบินไปไกล
หลังจากบินไปได้ระยะหนึ่ง ก็เห็นค่ายกลใหญ่ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา
ค่ายกลใหญ่นั้น ครอบคลุมพื้นที่ระยะทางราวสิบลี้ มีรูปปั้นโฮ่วถู่ขนาดใหญ่อยู่ข้างในนั้น
มีหอเก็บสมบัติสองแห่งอยู่ที่ด้านหน้าของรูปปั้นนั้น มันให้ความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่อย่างไร้ที่สิ้นสุด
ในขณะนั้นเด็กสาวร้องเพลงเบาๆ และนำพวกเขาไปที่ด้านหน้าค่ายกล
“เข้าไปเลย ข้าเปิดที่นี่ไม่ได้”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยกมือขึ้นเล็กน้อยและชี้ออกไป แล้วแผนภาพไท่จี๋ก็ปรากฏขึ้นและพันธนาการเด็กสาวเอาไว้อีกครา และในขณะเดียวกันนั้น มันก็ยังละลายให้เป็นช่องเปิดเข้าสู่ค่ายกลที่ด้านหน้าได้อย่างง่ายดาย
จากนั้นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ผายมือทำท่าทางเชื้อเชิญ เด็กสาวผู้ชั่วร้าย ดูเหมือนจะโกรธจัด นางกัดฟันและก่นด่าสาปแช่งสองสามครั้ง แต่นางก็หันศีรษะไปทางด้านข้างและแสดงความเหยียดหยามทุกรูปแบบ
ราชาฉินกวงและราชาฉู่เจียงต้องคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะโน้มน้าวเด็กสาวให้เป็นผู้นำทาง..
ดังนั้น กลุ่มคนทั้งห้าจึงก้าวเข้าไปในค่ายกลอย่างระมัดระวังและบินไปที่หอใหญ่
ทว่าที่หน้าประตูหอนั้น จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็ยกมือขึ้นและทำท่าทางให้หยุด จากนั้นเขาก็มองไปยังเด็กสาวที่อยู่ข้างหน้าเขาซึ่งถูกพลังปราณหยินหยางควบคุมพันธนาการเอาไว้
เขาเผยรอยยิ้มขื่นเล็กน้อยและเอ่ยปากกล่าวว่า “องค์ราชินี แม้ความคิดชั่วร้ายของท่านจะถูกกำราบเอาไว้ แต่ท่านก็ไม่ควรมีอารมณ์อย่างเห็นได้ชัดเยี่ยงนี้ เช่น โกรธ หดหู่ และประนีประนอมใช่หรือไม่?
เจ็ดอารมณ์เหล่านั้นต่างก็มีร่างจำแลงเป็นของตัวมันเอง และไปสู่จุดสุดขีดขั้วของตัวมันเอง เมื่อเทียบกับความเศร้าแล้ว ความชั่วร้ายของท่านก็ดูเหมือนจะไม่บริสุทธิ์”
เด็กสาวที่เดินอยู่ข้างหน้าหันกลับมา และรอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ค่อยๆ เลือนหายไปทีละน้อย บัดนี้ใบหน้าของนางดูเย็นชาและอ้างว้าง แต่นางก็เผยรอยยิ้มที่น่ากลัวออกมา
“จริงหรือ? ถึงเจ้ารู้ แต่ก็ยังสายเกินไปแล้ว”
ดูเหมือนว่า ทันใดนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะเห็นอะไรบางอย่าง เขาแบมือขวาออก และก็มีลำแสงพุ่งออกมาจากหอและหยุดอยู่ในฝ่ามือของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่
มันเป็นเครื่องกักอายุยืน ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับที่ลำคอของเด็กสาว
มีความแตกต่างคือ เครื่องกักอายุยืนนี้ได้ถูกเปิดออกแล้ว และมันไม่มีแสงส่องกะพริบวิบวับอีกต่อไป
ราชาฉู่เจียงและราชาฉินกวงตัวสั่นทันที และใบหน้าของพวกเขาก็ซีดเซียวยิ่ง
“แย่ แย่แล้ว!”
“เร็วเข้า! พวกท่านทั้งสองคน รีบออกไปเร็วเข้า!”
ทว่าก่อนที่พวกเขาจะทันได้กล่าวจบประโยค ทั่วทั้งหอก็เต็มไปด้วยเสียงเสื่อม และควันสีชมพูก็ลอยมาจากทั่วทุกที่ และเสียงแค่นคำรามฮึดฮัดที่ไม่พอใจเล็กน้อย ก็ทำให้กระดูกของผู้ฟังอ่อนลง และเส้นเลือดก็ขยายปูดโปนออกมา
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ขมวดคิ้วมุ่นในขณะที่หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าอย่างสงบ ไม่มีอันใดผิดปกติ
………………………………………………………………..
[1] ตัวอักษร 川