เธอปากก็บอกว่ารักเขา รักแบบไหนกันทำไมถึงกลายแบบนี้
รักเขา แต่ยังคบหากับผู้ชายคนอื่น!
หึ ตอแหลจริงๆ
มือทั้งสองข้างของพงศกรกำหมัดแน่น และแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนมันสั่นสะท้านไปด้วยความไฟโทสะที่เผาผลาญใจอยู่ในเวลานี้
สายตาเขาจ้องเขม็งไปที่ชุดนอนผู้ชายบนเตียงใหญ่ จนดวงตาแทบถลนออกมาจากเบ้า
ในห้องของปาจรีย์มีชุดนอนของรพีทิ้งเอาไว้ แล้วจะมีสิ่งของอะไรของผู้ชายคนนั้นอยู่อีกบ้าง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ไฟโทสะในใจของพงศกรยิ่งทวีคูณ ไฟนั่นแทบลุกท่วมศีรษะ เผาผลาญเขาทั้งเป็น
เขาอดทนไม่ไหวอีกต่อไป เริ่มขุดคุ้ยไปทั่วห้อง ต้องการค้นหาสิ่งของทุกอย่างที่เกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น
ด้วยเหตุนี้ พงศกรจึงค้นหาไปทั่วคอนโดทุกซอกทุกมุมไม่ให้ตกหล่น
แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือ คอนโดของปาจรีย์สะอาดมาก และนอกจากชุดนอนชุดนี้ ก็ไม่มีของใช้ส่วนตัวอย่างอื่นของผู้ชายคนนั้นอีก
หมายความว่า ปาจรีย์ไม่ได้อาศัยอยู่กับรพีงั้นเหรอ
เมื่อคิดได้ดังนี้ ความเดือดดาลในใจของพงศกรก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย
แต่เพียงไม่นาน ความโกรธก็ปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
แม้ว่ารพีจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่กลับมีชุดนอนของเขาวางอยู่ แสดงว่าผู้ชายคนนั้นต้องเคยมาค้างแรมอยู่ที่นี่เป็นแน่
พวกเขาต่างเป็นชายโสดกับหญิงหม้าย มิหน่ำซ้ำยังเป็นแฟนกันอีก ไม่แน่ว่าอาจจะ…
เมื่อคิดว่าปาจรีย์ร่วมหลับนอนกับชายอื่นไปแล้ว อัตราการหายใจของพงศกรเริ่มถี่ขึ้น ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโมโห
จากนั้น คว้าชุดนอนผู้ชายที่แผ่หลาอยู่บนเตียงขึ้นมาแล้วฉีกทึ้งอย่างบ้าคลั่ง และเหวี่ยงลงพื้นห้องอย่างแรง เสียงคำรามราวกับสัตว์ป่าติดกับดักดังออกมาจากริมฝีปากของชายหนุ่ม
เสียงคำราม เผยให้เห็นความโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ของพงศกรในเวลานี้
เขาไม่รู้จริงๆ ว่า เหตุใดเมื่อเห็นชุดนอนชายอื่นในห้องปาจรีย์แล้ว ตัวเองจึงเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้
ยิ่งเมื่อคิดถึงเรื่องที่ปาจรีย์อาจทำอะไรต่อมิอะไรกับผู้ชายคนอื่น ภายในใจยิ่งเจ็บปวด และความเจ็บปวดนั้นรุนแรงขึ้นจนเขาแทบหายใจไม่ออก ไม่รู้ทำไมตนเองถึงเป็นเช่นนี้ได้
เขารู้เพียงแค่ เขาอยากฆ่าใครสักคน ฆ่าผู้ชายชื่อรพีคนนั้น!
ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีวันสงบลงได้
ขณะคิดพงศกรเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีแดงฉาน ชายหนุ่มเหยียบชุดนอนของรพีแล้วขยี้มันด้วยปลายเท้า ก่อนจะเดินอาดๆ ออกไปจากคอนโดของปาจรีย์ จากนั้นขับรถมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลนวาธีทันที
เพราะรพีเข้ารับการรักษาอยู่ที่นั่น
และนัทธีก็อยู่ที่นั่นเช่นเดียวกัน
คราแรกนัทธีตั้งใจว่าจะไปพบเถ้าแก่ที่โรงแรม แต่เมื่อรถขับมาได้ครึ่งทาง มารุตที่กำลังขับรถอยู่ได้รับโทรศัพท์จากเชอรีน
บอกว่า ขณะที่เชอรีนกำลังเดินแบบ ถูกเพื่อนนางแบบด้วยกันใส่ลูกแม็กไว้ในรองเท้าส้นสูง จนทำให้ได้รับบาดเจ็บ
มารุตเป็นห่วงเชอรีนมาก นัทธีจึงสั่งให้มารุตขับรถล่วงมายังโรงพยาบาลก่อน แล้วค่อยรอไปพบเถ้าแก่ทีหลัง
ถึงไม่ได้พูดคุยกัน ก็ไม่ใช่ธุรกิจสำคัญอะไรมากมาย
เพราะเหตุนี้ พวกเขาจึงเปลี่ยนใจเดินทางมาที่โรงพยาบาลนวาธี
แม้ว่านัทธีจะไม่เต็มใจตั้งแต่แรกก็ตามที
“ท่านประธาน คุณรอผมอยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ ผมจะเข้าไปดูเชอรีนสักหน่อย” หลังจากเดินเข้ามาภายในโรงพยาบาล มารุตหันกลับมาพูดกับชายหนุ่ม
ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย “นายไปเถอะ ฉันจะไปเอนหลังรอที่ห้องพิชิต เสร็จธุระแล้วก็ไปหาฉันที่นั่นแล้วกัน”
“ครับ ขอบคุณครับท่านประธาน” มารุตยิ้มขอบคุณ จากนั้นวิ่งเหยาะๆ ไปทางนั้นเพื่อไปหาเชอรีน
นัทธีเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง สาวเท้าก้าวไปยังลิฟต์ที่อยู่อีกด้าน
เมื่อเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว สายตาพลันเห็นร่างร่างหนึ่งเดินเข้ามาจากประตูข้างหน้าที่อยู่ไม่ไกล
พงศกร!
นัทธีคิ้วขมวด ความสงสัยฉายขึ้นมาในแววตา
ทำไมพงศกรถึงมาอยู่ที่นี่?
โรงพยาบาลของเขาคือโรงพยาบาลรุ้งจรัสไม่ใช่หรอกหรือ
และอีกอย่างท่าทางขึงขังแบบนั้น อาจมาที่นี่เพื่อก่อปัญหาก็เป็นได้
เพียงแต่ว่า เรื่องอะไรที่ทำให้พงศกรกลับต้องมาก่อกวนถึงที่นี่
นัทธีหลับตาลงพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม เพียงไม่นานความเป็นไปได้ก็ผุดขึ้นมาในหัว รพี!
ดูเหมือนเขาจะจำได้ว่ารพีรักษาตัวอยู่ที่นี่
นั่นคือเป้าหมายของพงศกรที่เขามา และมีความเป็นไปได้ว่า ที่เขารีบวิ่งตะบึงเข้ามาเพราะกำลังไปหารพี
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นัทธีก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดโทรหาพิชิต
ไม่นานก็ได้เสียงพิชิตตอบกลับมา “นัทธี โทรมาหาฉันมีธุระอะไรเหรอ”
สายเรียกเข้าจากนัทธี เป็นสิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจที่สุด
เพราะถึงอย่างไรเขากับนัทธี ก็ตัดขาดความสัมพันธ์กันไปแล้ว
ตั้งแต่ตัดขาดกัน เว้นเสียแต่ตอนฝังศพของหม่ามี้ พวกเขาก็พูดคุยกันน้อยลง และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันและกันอีกเลย
คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ นัทธีจะเป็นฝ่ายโทรมาหาเขาก่อน และสิ่งนี้ทำให้เขาอดดีใจขึ้นมาเสียไม่ได้
“ฉันอยากถามนาย รพีรักษาตัวอยู่แผนกไหน” นัทธีขมวดคิ้วถาม
เมื่อพิชิตได้ยินคำถามของเขา พลันชะงักไปชั่วครู่ “รพี?”
“อืม”
“รอสักครู่ เดี๋ยวฉันดูให้” พิชิตกล่าว ก่อนจะเริ่มค้นหาข้อมูลเข้ารับการรักษาของรพีบนเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวเอง
รพีคนนี้ เขาเคยได้ยินมาว่า เป็นนักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรง และยังเป็นแฟนหนุ่มของปาจรีย์อีกด้วย
แล้วเขารู้ได้อย่างไรนะหรือว่ารพีเป็นแฟนหนุ่มของปาจรีย์ เพราะตอนที่รพีถูกย้ายมาจากโรงพยาบาลรุ้งจรัส ผู้ช่วยของเขาพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ และพิชิตบังเอิญได้ยินเข้าพอดี
ในขณะเดียวก็ได้รับรู้ถึงสาเหตุการบาดเจ็บของรพีอีกเสียด้วย นั่นคือ เพราะเขาถูกพงศกรทำร้ายร่างกาย
พงศกรบังคับให้ปาจรีย์ทำแท้งเด็กที่อยู่ในท้อง รพีในฐานะแฟนย่อมต้องปกป้องปาจรีย์แฟนสาวของตัวเอง จากนั้นจึงเกิดการปะทะกันระหว่างทั้งคู่
และเป็นไปไม่ได้ที่รพีจะเข้ารักษาตัวอยู่โรงพยาบาลรุ้งจรัส เพราะที่นั่นเป็นอาณาเขตของพงศกร ดังนั้นผู้ช่วยของรพีจึงย้ายเขามาที่นี่ภายในชั่วข้ามคืน
ขณะกำลังครุ่นคิด พิชัยพลางค้นหาข้อมูลของรพีไปด้วย ในที่สุดก็เจอ และส่งต่อให้นัทธี
หลังจากนัทธีได้อ่าน ริมฝีปากพลันเม้มเป็นเส้นตรง
ถ้าพงศกรต้องการไปหารพี สถานที่ที่เขาต้องไปคือ แผนกผู้ป่วยตึกสอง
“ฉันรู้แล้ว” พูดจบ นัทธีกำลังจะกดวางสาย
พิชัยรีบร้องห้าม “เดี๋ยวก่อนนัทธี นายถามแบบนี้ ไม่ใช่ว่าตอนนี้นายอยู่ที่โรงพยาบาลฉันหรอกนะ”
นัทธีตอบเพียง “อืม” เบาๆ
พิชิตถามต่อ “แล้วนายอยู่ตรงไหน ฉันจะไปหา อีกอย่างฉันมีเรื่องอยากคุยกับนาย”
“เรื่องอะไร”
“ไว้ค่อยคุยตอนเจอหน้ากัน นายอยู่ที่ไหน”
“ห้องโถงใหญ่” นัทธีตอบกลับ
“เข้าใจแล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” พูดจบพิชิตก็รีบวางสาย
เรื่องที่ต้องการพูดคุยกับเขา คงสำคัญมากๆ สินะ
นัทธีครุ่นคิดพลางขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ไปหารพีทางด้านนั้น แต่ยืนรอพิชิตอยู่ที่เดิม
รอได้ประมาณสองนาที ก็เห็นพิชิตกำลังวิ่งหน้าตั้งเข้ามา
และหยุดลงตรงหน้านัทธี มือสองพยุงเอาไว้ตรงหัวเข่า พลางหายใจอย่างเหนื่อยหอบ
นัทธีจ้องมองการกระทำของเขา คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน แต่ไม่ได้พูดอะไร รอให้การหายใจของอีกฝ่ายกลับเข้าสู่ภาวะปกติเสียก่อน
เวลาผ่านไปสักพัก ในที่สุดพิชิตก็หายเหนื่อย การหายใจสงบลง จากนั้นยืดตัวขึ้นมายืนตัวตรงมองไปยังนัทธี
“มีอะไรจะพูด” นัทธีเอ่ยปากถามก่อน
พิชัยดันแว่นให้กระชับขึ้น “นัทธี ฉันจะบอกว่า ฉันกำลังจะลาออกจากงานที่ทำอยู่ตอนนี้”
“อะไรนะ” นัทธีเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “นายจะบอกว่า นายไม่อยากเป็นหมอแล้วงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่” พิชิตส่ายหัว “ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันเพียงแค่ลาออกจากตำแหน่งที่ทำอยู่ตอนนี้ แต่ไม่ได้เลิกเป็นหมอ”
“ความหมายว่ายังไง” นัทธีจ้องมองเขา
พิชิตสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ฉันวางแผนว่าจะไปเป็นหมอลงพื้นที่”
“หมอลงพื้นที่?” นัทธีอดแปลกใจขึ้นมาเสียไม่ได้
หมอลงพื้นที่เขารู้ว่าเป็นอย่างไร เดินทางไปเรื่อยไม่มีที่อยู่อาศัยแน่นอน เป็นหมอที่คอยฝึกฝนฝีมือการรักษาอยู่นอกโรงพยาบาล
หมอแบบนี้ ในวงการแพทย์แผนจีนมีค่อนข้างเยอะ แต่การแพทย์แผนตะวันตกหายากมาก
เนื่องจากการแพทย์แผนตะวันตกต้องมีการผ่าตัด เมื่อไม่มีเครื่องมือผ่าตัด จึงเป็นเรื่องยากสำหรับการทำศัลยกรรมใหญ่
ดังนั้นการแพทย์แผนตะวันตกจึงมีผู้ที่เป็นหมอลงพื้นที่น้อยมาก