War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2175
ตอนที่ 2,175 : หยิ่งผยอง? อวดดี?

พอได้รู้ว่าศิษย์ที่แท้จริงที่บุกขึ้นมาคนนั้นคือต้วนหลิงเทียน อาวุโสลาดตระเวนทั้งหลายก็รีบเลี้ยวกลับ แล้วไปลาดตระเวนต่อที่อื่นทันที

พวกมันย่อมทราบเรื่องถ้อยแถลงของจ้าวลัทธิดี แต่ไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้ากลับมาจริงๆ!

“ผ่านมาก็ 3 ปีกว่า…ไม่ทราบตอนนี้พลังฝีมือต้วนหลิงเทียนเป็นอย่างไรแล้ว…”

อาวุโสลาดตระเวนที่เหินร่างจากไปได้แต่กล่าวหารือกันด้วยความสงสัย

“มันร้ายกาจถึงขนาดไหนข้าไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆคือข้าไม่ใช่คู่มือมันแน่นอน… 3 ปีที่แล้วมันสามารถฆ่าเซี่ยจงลูกชายจ้าวราชสีห์ขนทองคนนั้นได้! แต่ข้าตอนนี้กล่าวไปยังสู้เซี่ยจงตอนนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ!!”

เรื่องนี้อาวุโสลาดตระเวนที่กล่าวออกรู้ตัวดี

ถึงแม้มันจะเป็นอาวุโสเพลิงเงินของลัทธิบูชาไฟ แต่มันก็เป็นแค่อาวุโสเพลิงเงินที่มีพลังฝีมืออยู่ในระดับปานกลางเท่าค่าเฉลี่ย พลังฝึกปรือก็แค่เพียงบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนเท่านั้น

บางทีหากเป็นต้วนหลิงเทียนเมื่อ 3 ปีก่อน มันอาจมีความหวังอยู่บ้าง

แต่ตอนนี้มันไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวความหวังว่าจะชนะ

เสียงต้วนหลิงเทียนนั้นกังกังวานออกไปโดยรอบ ยังดังก้องไปทั่วเกาะลอยเบื้องหน้าอันเป็นเกาะส่วนตัวของจ้าวลัทธิบูชาไฟ ถังซวน อีกด้วย

ที่สำคัญบนเกาะส่วนตัวของถังซวนตอนนี้ ก็ไม่ได้มีแค่ถังซวนคนเดียวเท่านั้น

“ต้วนหลิงเทียน…มัน…มันกลับมาแล้ว?”

ก่านหรูเยี่ยน ที่อยู่ในลานแห่งหนึ่งภายในตัวคฤหาสน์ พอเสียงต้วนหลิงเทียนดังขึ้น ร่างบางก็อดไม่ได้ที่จะสะดุ้งตกใจ ใบหน้ายังเผยความประหลาดใจทันที

นางเองก็ได้ยินเรื่องคำแถลงของจ้าวลัทธิเช่นกัน แต่นางไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะกลับมาเร็วถึงขนาดนี้!

ตอนนี้ไม่ใช่ว่าพึ่งจะผ่านไปแค่ 3 วันหลังออกแถลงการณ์หรือไร?

อย่างไรก็ตามนางไม่รู้เลย

ต้วนหลิงเทียนได้ยินถ้อยแถลงวันเดียวกันกับที่มีคำแถลงการณ์ออกมาด้วยซ้ำ! เพราะเขาได้ซ่อนตัวอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับลัทธิบูชาไฟ เพื่อหาโอกาสลอบเข้ามาแต่แรกแล้ว…ที่พึ่งมาวันนี้เพียงเพราะประวิงเวลาไม่ให้เร็วเกินไปจนผิดสังเกตเท่านั้น

การอดทนรอ 3 วัน ยังแทบไม่ต่างอะไรจาก 3 ปีสำหรับเขา…

และเหตุผลที่ไฉนเขาต้องอดทนรอแบบนี้ เพราะเขากลัวจะทำให้คนของลัทธิบูชาไฟสงสัยว่าไฉนเขาถึงมาเร็วนัก! ใช่มีอะไรร้อนใจหรือไม่ ใช่ยังไม่ทันได้ซ่อนตราผนึกมารจนพกติดตัวมาด้วยหรือไม่…!!

“นายน้อย!!”

เสียงอุทานหนึ่งดังขึ้นแผ่วเบา จากภายในห้องหับปรากฏร่างสตรีนางหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกันกับก่านหรูเยี่ยนไม่ผิดเพี้ยนรีบร้อนวิ่งแจ้นออกมาหน้าประตู และทันทีที่นางปรากฏตัวสภาพแวดล้อมโดยรอบก็ดูหมองลงถนัดตา

สตรีนางนี้ก็คือ เค่อเอ๋อ ที่พึ่งกล่อมซือหลิงเข้านอน…

ทว่าวันนี้นางพึ่งกล่อมซือหลิงเข้านอนได้ไม่ทันไร อยู่ๆเสียงที่นางได้แต่ฝันถึงมาทุกคืนวันตลอดหลายปีที่ผ่าน พลันดังขึ้นในหู

บ่งบอกให้นางรู้ ว่านายน้อยของนางได้หวนกลับมาถึงลัทธิบูชาไฟแล้ว!

“อวี่เยี่ยน เจ้าอย่าได้วู่วาม! หากเจ้ายังทำแบบนี้จนเผยให้ผู้อื่นรู้ว่ามันเป็นบุรุษของเจ้าล่ะก็…ไม่ต้องถึงจ้าวลัทธิ กระทั่งอาจารย์ข้าก็ไม่ปล่อยมันไปแน่!”

เมื่อเห็นน้องสาวฝาแฝดถึงกับวิ่งแจ้นออกมาอย่างลืมตัว สีหน้าก่านหรูเยี่ยนซีดลงทันที นางยังเร่งพุ่งร่างไปหยุดเค่อเอ๋อไว้ ก่อนที่เค่อเอ๋อจะทันได้ออกมาจากชายคาเรือนพัก เร่งกล่าวเตือนออกด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

“พี่หญิงข้ารู้…ข้ารู้…”

เค่อเอ๋อเร่งพยักหน้ารับคำอย่างหนัก

นั่นคือบุรุษที่นางที่นางยึดถือว่าสำคัญยิ่งกว่าชีวิต ไหนเลยนางจะวู่วามจนทำให้อีกฝ่ายตกอยู่ในอันตรายได้

ถึงแม้ตอนนี้นางจะพลั้งเผลอไปบ้าง แต่นั่นเพราะนางแทบทนรอพบหน้าอีกฝ่ายไม่ไหวแล้วเท่านั้น

ทว่าเมื่อนึกถึงผลที่อาจจะตามมา นางก็สงบใจลงได้ทันที

ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ใบหน้าเค่อเอ๋อท่วมท้นไปด้วยหยาดน้ำตา “นายน้อย…ท่านรู้หรือไม่เค่อเอ๋ออยู่นี่ ท่านอย่าได้ตำหนิเค่อเอ๋อ…ไม่ใช่เค่อเอ๋อไม่อยากพบท่าน…แต่เค่อเอ๋อมิอาจออกไปพบท่านได้! อย่างน้อยๆเค่อเอ๋อก็ไม่อาจออกไปพบท่านตอนนี้ได้!!”

ใจเค่อเอ๋อเจ็บปวดเสมือนมีมีดกรีดแทง ได้แต่กล่าวรำพันอยู่ในลำคออย่างน่าเวทนา

‘หืม?’

ดั่งคำที่กล่าวไว้ สามีภรรยาใจเชื่อมถึงใจ ต้วนหลิงเทียนอยู่ๆก็รู้สึกใจสั่นขึ้นมาอย่างประหลาด ถึงแม้เขาจะไม่อาจอธิบายได้ว่าไฉนอยู่ดีๆใจก็หวิวๆไปแบบนี้ แต่เขาก็พยายามสงบอารมณ์ลง ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ ลอยร่างรอจ้าวลัทธิบูชาไฟอย่างสงบ

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนที่รอจ้าวลัทธิบูชาไฟ ไม่ทันได้พบคนที่เฝ้ารอ พลันมีแขกไม่ได้รับเชิญ 3 ร่างลุมาถึงเสียก่อน

วูบ! วูบ! วูบ!

ดั่งสายลมแรงกรรโชก 3 สายพัดผ่านมา…

ชั่วพริบตาก็ปรากฏร่าง 3 ร่างขึ้นกลางหาวไม่ใกล้ไม่ไกลจากต้วนหลงเทียน

หลังจากที่ร่างทั้ง 3 ปรากฏตัวปานภูตพราย ต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นหน้าค่าตาของพวกมันได้ชัด

ชายชรามาในชุดสีเขียว ชายหนุ่มในชุดสีม่วง และสตรีในชุดสีแดง

ชายชรานั้นทั้งเส้นผมขนเคิ้วขาวโพลน ให้ความรู้สึกประหนึ่งเทพเซียนอมตะพ้นโลกีย์วิสัย

ส่วนชายหนุ่มในชุดสีม่วงนั้น ให้ความรู้สึกสบายๆ เสมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ

ส่วนสตรีชุดแดงนั้น ไม่เพียงแต่งดงาม นางยังเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม ได้ยลโฉมเพียงครั้งชวนให้เฝ้าคิดคำนึง

“ผู้พิทักษ์ชิงหั่ว”

เมื่อทั้ง 3 ปรากฏกายขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็จดจำชายชราในชุดสีเขียวที่ให้บรรยากาศคล้ายเทพเซียนอมตะนั่นได้ทันที

เพราะในอดีตเขาเคยสนทนาพบหน้ากับชายชราผู้นี้ครั้งหนึ่ง

ในตอนนั้นชายชราคนนี้คิดรับเขาเป็นลูกศิษย์ แต่เขาก็ได้ปฏิเสธอีกฝ่ายไป…

ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายก็คือ 1 ใน 3 ผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ ชิงหั่ว!

‘ผู้พิทักษ์ทั้ง 3 ของลัทธิบูชาไฟนั้นรู้จักกันในนาม 3 ผู้พิทักษ์ ลม ไฟ เมฆ ได้แก่ สื่อเฟิง ชิงหั่ว และ หงอวิ๋น…ชายหนุ่มชุดม่วงนั่นสมควรเป็น สื่อเฟิง ส่วนสตรีงดงามนั่นก็คือหงอวิ๋นสินะ…’

ในขณะที่ทักทายชิงหั่ว ต้วนหลิงเทียนก็นึกถึงอัตลักษณ์ของคนอื่นในใจ

‘ในบรรดา 3 ผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ เห็นว่าสื่อเฟิงพลังฝีมือกล้าแข็งที่สุด ด่านพลังฝึกปรือยังบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนแล้ว เป็นดั่งเสาหลักคนหนึ่งของลัทธิบูชาไฟ’

‘ส่วนชิงหั่วอาจารย์ของก่านหรูเยี่ยน แม้เป็นเพียงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน แต่พลังฝีมือนับว่าร้ายกาจถึงขั้นติดอยู่ใน 20 อันดับแรกของรายนามยอดเซียน’

‘สุดท้ายก็หงอวิ๋นนั่น ถึงนางจะเป็นสตรีแต่ก็สามารถบ่มเพาะพลังจนบรรลุเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้ ซึ่งนับว่าเป็นยอดฝีมือสตรีที่หาได้ยากยิ่งในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าคนหนึ่ง’

ต้วนหลิงเทียนเคยได้ยินเรื่อง 3 ผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟมาตั้งแต่เมื่อไม่กี่ปีก่อน เช่นนั้นจึงเดาได้ทันทีว่าผู้มาพร้อมชิงหั่วไม่พ้นเป็นสื่อเฟิงกับหงอวิ๋นแน่นอน

หากเป็นก่อนหน้านี้ การต้องมาเผชิญหน้ากับ 3 ผู้พิทักษ์เขาไม่พ้นคงต้องบังเกิดความรู้สึกหวั่นใจอยู่บ้าง

ท่าวตอนนี้ในใจเขาไม่รู้สึกถึงแรงกดดันใดๆทั้งสิ้น

เพราะสุดท้ายแล้วหากให้สู้แตกหักกับทั้ง 3 จริงๆ ก็ไม่มีใครในนี้ทำให้เขาหวาดกลัวได้!

“ต้วนหลิงเทียน ในที่สุดเจ้าก็ยอมกลับมาแล้วหรือ…”

ผู้พิทักษ์ชิงหั่วมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง

ต้วนหลิงเทียนค่อยๆคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนที่จะมองไปยังร่างอีก 2 ร่างข้างๆชิงหั่ว “หากข้าเดาไม่ผิด…2 ทานนี้สมควรเป็นผู้พิทักษ์สื่อเฟิง กับผู้พิทักษ์หงอวิ๋นใช่หรือไม่?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าว ในวาจาที่กล่าวยังฟังดูเป็นกันเอง เผชิญหน้ากับ 2 ผู้พิทักษ์ในลักษณะที่เท่าเทียมกัน

แต่แน่นอนว่าด้วยพลังฝีมือในตอนนี้ เขามีคุณสมบัติมาพอจะปฏิบัติกับผู้พิทักษ์ทั้ง 2 อย่างเท่าเทียม

แต่ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับท่าทางสบายๆไม่จริงจังของต้วนหลิงเทียน สีหน้าของชิงหั่วเปลี่ยนไปทันที

นั่นเพราะถึงมันจะไม่สนใจทีท่าเฉยๆของต้วนหลิงเทียน เพราะตัวมันไม่ถือสา แต่ก็ไม่ใช่ว่า 2 คนที่มากับมันจะไม่ถือสาด้วยเช่นกัน!

และก็เป็นอย่างที่มันกลัวจริงๆ

เผชิญหน้ากับทีท่าสบายๆของต้วนหลิงเทียน ไม่ว่าจะเป็นสื่ออวิ๋น หรือหงอวิ๋น ที่ปกติก็เจ้ายศเจ้าอย่าง พลันชักหน้าเคร่งขึ้นมาทันใด!

โดยเฉพาะสีหน้าของหงอวิ๋น ยามนี้ใบหน้านางมืดดำปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก!

ในฐานะผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟแห่งนี้ สถานะของนางเพียงเป็นรองจ้าวลัทธิบูชาไฟเพียงผู้เดียวเท่านั้น!

ไม่ต้องกล่าวถึงอาวุโสเพลิงทองและอาวุโสระดับอื่นๆเลย! ปกติแล้วกระทั่ง รองจ้าวลัทธิทั้ง 2 คนเมื่อเจอหน้านาง ยังต้องก้มหัวคารวะด้วยความเคารพด้วยซ้ำ!!

ทว่าวันนี้ ศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่ง กลับใช้ท่าทีสบายๆกล่าวทักทายนางออกมา ไม่ได้มีทีท่าเคารพไว้หน้าแม้แต่น้อย…ราวกับอีกฝ่ายไม่ได้เห็นนางเป็นผู้พิทักษ์อันยิ่งใหญ่ของลัทธิบูชาไฟ! แต่เป็นศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่ง!!

เช่นนั้นจะให้ผู้ที่มีฐานะสูงส่ง และเป็นที่นับหน้าถือตาอย่างนางไม่โกรธได้อย่างไรไหว?

“บังอาจ!”

ทันใดนั้นผู้พิทักษ์หงอวิ๋นพลันกล่าวออกมาเสียงเข้ม สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นถมึงทึง มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดุร้าย ยังคล้ายมีสายฟ้าลั่นเปรี๊ยะพุ่งยิงออก กล่าวเสียงเยียบเย็น “เจ้าน่ะหรือศิษย์ต้วนหลิงเทียน? ตอนนี้เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังสนทนากับผู้ใด?”

วาจาแต่ละคำที่หงอวิ๋นกล่าวออก ยิ่งมายิ่งเยียบเย็นปานจะผุดแทรกออกจากหล่มน้ำแข็ง

“อาศัยพรสวรรค์เพียงเล็กน้อยแต่กล้าหยิ่งผยองอวดดี ไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโส…อาจารย์ที่เป็นผู้ฝึกตนพเนจรของเจ้ามิเคยอบรมสั่งสอนมารยาทให้เจ้าหรือไร?”

แม้จะกล่าวถามไป แต่ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้กล่าวตอบคำ หงอวิ๋นก็กล่าวสืบต่อออกมาอีกครั้ง น้ำเสียงยังเย็นราวกับจะแช่ร่างผู้คน

ด้านผู้พิทักษ์สื่อเฟิงก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาไม่แยแส แต่ต้นจนจบมันไม่กล่าวคำใดออกมา เพราะหงอวิ๋นได้กล่าวออกมาแทนมันทั้งหมดแล้ว

“ต้วนหลิงเทียนเจ้าอย่าได้ทำเป็นเล่นไป! รีบขอโทษผู้พิทักษ์ทั้ง 2 เร็วเข้า!!”

ขณะเดียวกันด้านชิงหั่วที่จดจำได้เสมอ ว่าอีกฝ่ายเป็นสหายของก่านหรูเยี่ยนศิษย์รักของตัว แถมมันยังรับปากศิษย์รักไว้แล้วว่าจะดูแลต้วนหลิงเทียนอย่างดี ก็อดไม่ได้ที่จะรีบส่งเสียงกล่าวผ่านพลังมาเตือนต้วนหลิงเทียนด้วยความร้อนใจทันที!

ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับไม่ได้สนใจอะไรเสียงเตือนของชิงหั่ว เพียงหันไปมองสบตาหงอวิ๋นอย่างไม่หวาดกลัว ราวกับมีเส้นสายอัสนี 2 สายฟาดผ่าเปรี้ยงปร้างกลางอากาศก็ไม่ปาน!

“อ้อ นี่ข้าจำคนผิดรึไง…เจ้าไม่ใช่ผู้พิทักษ์หงอวิ๋นงั้นหรือ?”

เสียงต้วนหลิงเทียนยังคงสงบเหมือนก่อนหน้าราวกับไม่ได้ตระหนักถึง ‘อันตราย’ ของผู้พิทักษ์หงอวิ๋นเลย ทำให้ชิงหั่วถึงกับอึ้งไปพูดไม่ออก

“เจ้า…”

สีหน้าชิงหั่วตอนนี้เปลี่ยนไปใหญ่หลวง

มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะดื้อรั้นขนาดนี้ กระทั่งได้ยินคำเตือนของมันแล้วยังไม่เลิก!

ตอนนี้มันอดไม่ได้ที่จะคิดไปในใจอย่างอับจนหนทาง ‘หรูเยี่ยนเอย…เจ้าอย่าได้โทษอาจารย์เสียเล่า อาจารย์พยายามแล้ว แต่สหายของเจ้าต้วนหลิงเทียนผู้นี้มันหยิ่งผยองเกินไป! วันนี้ให้มันถูกทุบตีสักครั้งเถอะ…’

ในสายตาของชิงหั่ว

ต้วนหลิงเทียนในวันนี้กับต้วนหลิงเทียนในอดีตคล้ายจะกลายเป็นคนละคน!

ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนในอดีตจะแลดูมั่นใจทั้งถือดีในตัว แต่ก็ไม่ถึงขั้นหยิ่งผยองลำพองจนกล้ากล่าววาจาตีตัวเสมอชนชั้นอาวุโสออกมาอย่างอวดดีแบบนี้

ทว่าชิงหั่วรู้ดี…ว่าต่อให้หงอวิ๋นมีโมโหแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางฆ่าต้วนหลิงเทียนที่จ้าวลัทธิเชื้อเชิญมาแน่นอน! หาไม่แล้วคงได้เป็นการทำลาย ‘จุดประสงค์อันดี’ ของจ้าวลัทธิ!!

เช่นนั้นมันจึงเลือกที่จะอยู่เฉยๆ และปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนถูกหงอวิ๋นทุบตีเสียบ้าง วันหลังจะได้หลาบจำและไม่หยิ่งผยองอวดดีอีก