บทที่ 828 เสิ่นจื่อเจินโมโห

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 828 เสิ่นจื่อเจินโมโห

บทที่ 828 เสิ่นจื่อเจินโมโห

“ฟังที่คุณอธิบายในวันนี้เข้าใจกว่าเรียนหนังสือมาตั้งสิบปีอีก! วันนี้แหละที่ผมเชื่อสิ่งนี้!” นายกเหลียงตื้นตันใจมาก

เพราะไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ยินคำอธิบายถึงปัญหาที่แก้ไม่ได้จากเด็กหญิง แถมคำอธิบายที่ได้ฟังยังฟังง่ายและเข้าใจง่ายมากเลยด้วย ไม่แปลกที่เลขาอันจะเรียกเธอว่าคุณหมอตัวน้อย สาวน้อยควรได้รับตำแหน่งนี้จริง ๆ

ในยุคนี้ความรู้ทางการแพทย์ไม่เป็นที่นิยม แต่การปฐมพยาบาลเบื้องต้นก็มีในชนบท และวิธีแบบชาวบ้านก็มีคนทำได้ไม่เยอะด้วย

ทงเหลียงเป็นเมืองแห่งน้ำ ถึงจะมีคนว่ายน้ำเก่งแต่ทุกปีก็มีคนจมน้ำไม่น้อยเลย และปัญหานี้มันกวนใจพวกเขามาโดยตลอด โดยเฉพาะเหลียงลี่จงนายก อบต. ทงเหลียง ที่มีปัญหากับมันมาตลอดจนผมแทบร่วงหมดหัว

ส่วนผู้อำนวยการตู้ที่เคยดูแคลนเสี่ยวเถียน ตอนนี้ความรู้สึกนั้นลดลง ช่วยไม่ได้นี่นา วิธีการนี้อาจใช้ได้จริง และอาจช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ด้วยนะ

“คุณหมอ ผมเรียนถามท่านสักนิด นอกจากวิธีการปฐมพยาบาลจากการจมน้ำแล้ว มีวิธีอื่น ๆ อีกไหมครับ? เช่นโดนงู แมลง หนู หรือมดกัดขณะเดินขึ้นเขา ไม่ก็หมดสติ และบาดเจ็บจากอุบัติเหตุอะไรแบบนั้น”

นายกเหลียงไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ ๆ ถึงถามคำถามนี้อออกมา หลังจากนั้นก็ตระหนักได้ว่าคำถามนี้อาจจะไม่เหมาะสมเท่าไร

ไม่ว่าจะมีวิธีหรือไม่ก็ตามเราก็ไม่ควรถามออกไป เรื่องนี้เป็นทักษะที่คนคนนั้นเชี่ยวชาญด้วยตัวเอง ไม่มีเหตุผลที่เธอจะต้องบอกคนอื่น

แต่เสี่ยวเถียนไม่ได้สนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนั้น

การช่วยหนึ่งชีวิตดียิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นเสียอีก*[1] เธอเพิ่งจะรู้เรื่องนี้เลย เรื่องเหล่านี้เป็นความรู้ขั้นพื้นฐานมาก ๆ แต่ถ้ามันเป็นความรู้ด้านที่ยังไม่แพร่หลายในชนบท เสี่ยวเถียนจะไม่บอกแน่นอน แต่ตอนนี้เธอยินดีที่จะสอนวิธีปฐมพยาบาลให้ชาวบ้านเพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสรอดชีวิตกันมากขึ้น

“มีค่ะ”

นายกเหลียงท่าทางราวกับมีความหวัง สาวน้อยคนนี้เต็มใจสอนให้เราเฉย ๆ โดยไม่เอาอะไรเลยหรือ?

“เราไม่มีสิ่งใดตอบแทนเพื่อเป็นการขอบคุณเลย”

ประโยคนี้เป็นตัวหลอกล่อ

“แค่ช่วยผู้คนได้ก็คุ้มค่าแล้วค่ะ หนูไม่ต้องการรางวัลอะไรจากพวกคุณเลย กลับกันแล้วหนูหวังว่าความรู้พวกนี้จะถูกเผยแพร่เป็นวงกว้างค่ะ” เสี่ยวเถียนยิ้มสดใส

นายกเหลียงมีความสุขมาก อารมณ์ที่ฉายบนใบหน้าพลอยทำให้เสี่ยวเถียนมีความสุขไปด้วย

“ขอบคุณจริง ๆ ครับ คุณหมอ” เขาเอ่ยออกมาจากใจ

เสี่ยวเถียนคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายที่มีสถานะเป็นผู้นำตำบลจะเรียกเธอว่าคุณหมอด้วยซ้ำ

“ท่านนายกเหลียง หนูมีเวลาไม่เยอะเท่าไรเลยไม่อาจอธิบายให้ฟังได้ขนาดนั้น ถ้าเป็นไปได้อยากให้จัดกลุ่มคนมาฟังหนูสอนสักวันได้ไหมคะ?” เสี่ยวเถียนขบคิดก่อนจะเอ่ยขอทางที่คิดว่าประหยัดเวลามากที่สุด

นายกเหลียงเบิกบานใจยิ่งกว่าเดิม

ตอนนั้นเองที่เสิ่นจื่อเจิน ซานกง และชายหนุ่มที่เสี่ยวเถียนไม่เคยพบเดินเข้ามาในบ้าน

นายกเหลียงรู้จักอาจารย์เสิ่นอยู่แล้ว พอเห็นเข้าก็รีบเข้าไปทักทายทันที

“อาจารย์เสิ่นมาแล้วเหรอ นั่งลงก่อนสิ ลูกศิษย์คุณเก่งมากเลยนะ”

เสิ่นจื่อเจินที่ไม่ได้รู้เรื่องราวมึนตึ้บทันที

ลูกศิษย์เขาไปเก่งตอนไหน? อีกอย่างเสี่ยวเถียนไม่ได้เป็นนักเรียนของเขานะ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาอธิบายเรื่องนั้น

“สุภาพต่อกันเกินไปแล้วครับ วันนี้ท่านนายกเหลียงก็มาที่นี่ด้วย พอดีเลย ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณพอดีครับ” เสิ่นจื่อเจินเอ่ยพร้อมจ้องมองชายหนุ่มด้านหลัง

ใบหน้าชายผู้นั้นมีแต่ความขุ่นเคืองและไม่เต็มใจ ทั้งยังแฝงไปด้วยความหวาดกลัว สรุปแล้วเป็นสีหน้าที่หลากอารมณ์มาก ท่าทางน่าสนใจจริง ๆ

เสี่ยวเถียนสังเกตเห็นเขาแล้ว แต่คาดเดาสีหน้าของเขาไม่ออกสักนิด จึงทำได้แค่ฟังลุงเขยเท่านั้น

“อาจารย์เสิ่น ผมได้ยินคนบอกว่าคุณเพิ่งมาถึงเมื่อวาน วันนี้ก็เลยพาสหายมาด้วยเผื่อจะมีอะไรที่คุณอยากได้ ถ้ามีบอกผมได้เลยนะเดี๋ยวผมจัดการให้”

เสิ่นจื่อเจินได้ยินก็เอ่ยต่อโดยไม่คิดสุภาพเช่นกัน

“ในเมื่อท่านพูดเช่นนี้แล้วงั้นผมจะไม่เกรงใจนะครับ เหมาเสี่ยวหมิงบอกให้ให้ท่านพาเขากลับด้วย ถ้าท่านไม่มีคนเหมาะ ๆ ทางผมจะหาคนในหมู่บ้านเองครับ แต่ถ้ามีก็คนที่เหมาะกับงาน ก็ช่วยแนะนำทีนะครับ แต่ว่าต้องขอคนที่มันดี ๆ หน่อยนะครับ”

เสิ่นจื่อเจินโมโหมาก ขนาดพูดสีหน้ายังเต็มไปด้วยความโกรธ

เสี่ยวเถียนตกใจมาก เพราะรู้ว่าลุงเขยประสบความยากลำบากมาเพียงใด และตอนนี้ก็เป็นคนที่สงบขึ้นเยอะ ขนาดนักศึกษาสองคนที่ทำเรื่องไม่ดีในตอนนั้นเขายังแค่ไล่ออกจากทีมเลย

น้อยมากที่จะไม่เคารพกันแบบนี้

ความหมายที่เขาต้องการสื่อนั้นชัดเจนมาก เขาไม่อยากได้เหมาเสี่ยวหมิงเพราะการประพฤติของชายคนนี้มีปัญหา

และถ้าโดนมองแบบนั้นแสดงว่าเรื่องใหญ่

ด้วยนิสัยลุงเขย ต่อให้คนคนนั้นนิสัยแย่มาก แต่ก็น่าจะมีเหตุผลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

เหมาเสี่ยวหมิงทำอะไรกันแน่?

ทั้งเสี่ยวเถียนและนายกเหลียงสับสน

เกิดอะไรขึ้น?

นายกมองไปยังเหมาเสี่ยวหมิงและอาจารย์เสิ่นโดยไม่พูดอะไร

เหมาเสี่ยวหมิงเป็นญาติตระกูลเลขาธิการหนึ่งในตำบล หลังจากที่สร้างฐานวิจัยเสร็จ เสิ่นจื่อเจินอยากได้คนมารับผิดชอบงานนี้ จึงขอความช่วยเหลือจากนายกเหลียง

เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่เท่าไรเองนะ? ทำไมถึงไม่อยากได้เหมาเสี่ยวหมิงแล้วล่ะ?

นายกเหลียงมองคนต้นตอของปัญหาที่มีสีหน้าโกรธไม่ต่างกัน

“อาจารย์เสิ่น หรือมันมีเรื่องผิดพลาดตรงไหนหรือเปล่า?” นายกเหลียงเอ่ยอย่างใจเย็น

ถ้าพาคนคนนี้กลับ เขาคงไม่มีทางอธิบายให้เลขาธิการท่านนั้นที่เป็นญาติของเหมาเสี่ยวหมิงฟังเข้าใจได้ เราจะตีสุนัขทั้งทีก็ต้องดูเจ้าของใช่ไหมล่ะ?

“ผิดพลาดตรงไหนงั้นเหรอครับ? ถามเจ้าตัวเองดีกว่า”

เสิ่นจื่อเจินไม่อยากพูด เขาเห็นเด็กนิสัยต่าง ๆ มาเยอะมาก แต่ไม่เคยเห็นเด็กแบบนี้มากก่อนเลย ถ้ามีคนประพฤติตัวไม่ดีอยู่ในฐานวิจัยของเรา มันจะส่งผลต่อการทำงานของเราในไม่ช้า

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาอยากส่งเหมาเสี่ยวหมิงกลับโดยไม่คิดสนใจใยดี ต่อให้รู้ว่าเป็นญาติเลขาธิการก็ตาม

เหมาเสี่ยวหมิงโกรธมาก ไม่คิดเลยว่าเสิ่นจื่อเจินจะไร้เมตตาต่อกันแบบนี้

ไม่รู้เหรอว่าเอาชนะเจ้าถิ่นแบบเขาไม่ได้น่ะ?

ลุงของเขามีอำนาจอยู่ในมือ นั่นหมายความว่าทุกคนต้องฟังลุงสิ

ต่อให้เสิ่นจื่อเจินมาจากเมืองหลวง ตราบใดที่มาอยู่ที่นี่ก็ต้องฟังลุงของเขาเท่านั้น

[1] การช่วยเหลือชีวิตคนเป็นบุญกุศลยิ่ง