บทที่ 802 คุณงามความดีของลูกชายทั้งนั้น

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“อะไรนะ?” ได้ยินเสียงของผู้ชายแล้ว ตะเกียบของวารุณีกระแทกขึ้นทันที รีบเงยหน้าขึ้นมองเขา “นายบอกว่ามีข่าวคราวของนิรุตติ์แล้ว?”

“ใช่” นัทธีพยักหน้า

วารุณีจับตะเกียบแน่น “นายหาเจอแล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน?”

“เปล่า แต่ว่าคนที่ฉันส่งไป ได้ข่าวคราวเบาะแสเล็กน้อยของนิรุตติ์” นัทธีตอบกลับ

วารุณีดีใจมาก “ดีมากเลย หากมีเบาะแสแล้ว จะหานิรุตติ์เจอก็ง่ายแล้ว”

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่นัทธีช่วยเธอออกมาจากบนเกาะทะเล นิรุตติ์ก็เหมือนว่าทะลุมิติไปแล้ว ไม่มีร่องรอยแม้แต่น้อย

นัทธีไม่เคยยอมแพ้ที่จะจับนิรุตติ์ออกมา ทว่าส่งคนออกไปมากมายขนาดนี้ ก็ไม่ได้ข่าวคราวของนิรุตติ์ เหมือนว่านิรุตติ์หายตัวไป

นานแล้วนานเล่า เธอและนัทธีก็ไม่ได้พูดถึงนิรุตติ์อีก อย่างไรก็ตามคนคนนั้นก็หาไม่เจออยู่แล้ว หากพูดถึงอยู่ตลอดเวลา นอกจากจะรำคาญหงุดหงิดแล้ว ก็ไม่ได้มีข้อดีอะไร สู้ไม่พูดถึงดีกว่า ไม่แน่วันไหนอาจจะมีเบาะแสก็เป็นได้?

อีกอย่างข้างกายของพวกเขาก็ถูกคุ้มกันไว้อย่างหนาแน่น นิรุตติ์ในตอนนี้อยากจะจับใคร เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว

ดังนั้นสำหรับนิรุตติ์ที่อยู่ข้างนอกและตามหาไม่เจอ พวกเขาก็ไม่ได้กังวล

แน่นอนว่า หากเจอข่าวคราวของนิรุตติ์แล้ว พวกเขาก็ดีใจแน่นอน

นิรุตติ์เป็นศัตรูของพวกเขา หากยังหาไม่เจอมาโดยตลอด ไม่มีใครรับรองได้ว่านิรุตติ์จะยังทำเรื่องเลวร้ายอะไรในอนาคตหรือเปล่า

ถึงแม้ว่ารอบข้างพวกเขาจะถูกคุ้มกันไว้อย่าหนาแน่น ก็ยากที่จะรับรองว่าจะไม่ถูกนิรุตติ์ฉวยโอกาสมาทำร้าย

“ใช่แล้ว” นัทธีพยักหน้า ริมฝีปากยิ้มโค้งรอยยิ้มที่เย็นชา

เขาอยากเจอนิรุตติ์มานานมากแล้ว

ทว่าคนคนนั้นเหมือนกับหนูที่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ไม่เจอเบาะแสใดๆ ของเขาเลย

วันนี้ถือว่ามีข่าวดีแล้ว

“จริงด้วยที่รัก นายเจอข่าวคราวเบาะแสของนิรุตติ์ได้ยังไงเหรอ?” วารุณีถามนัทธีอย่างสงสัย

นัทธีค่อยๆ หรี่ตาขึ้นแล้วตอบกลับ “หลังจากที่ช่วยเธอออกมาจากเขตทะเลของประเทศนิวซี ฉันก็ตามหานิรุตติ์มาโดยตลอด ทว่าคนคนนั้นเล่ห์เหลี่ยมเกินไป หลบอยู่ที่นั่น คนของฉันหาแล้วก็ไม่เจอเบาะแสใดๆ เลย”

ขณะนี้ อารัณพยักหน้าตาม “คุณพ่อพูดถูกครับ ผมก็หาเขาไม่เจอเลย แม้แต่ผมก็หาไม่เจอว่านิรุตติ์อยู่ที่ไหน”

ทักษะการแฮ็กของเขา เป็นถึงอันดับต้นของโลกเลย และยังเป็นอันดับหนึ่งในเว็บมืดอีกด้วย

แม้กระทั่งทักษะที่เก่งกาจเช่นี้อย่างเขา ยังหาข่าวคราวของนิรุตติ์ไม่เจอ เห็นได้เลยว่านิรุตติ์ซ่อนเก่งแค่ไหน

หากเขาสามารถหาข่าวคราวของนิรุตติ์ทางอินเทอร์เน็ตเจอ นิรุตติ์คงถูกคุณพ่อจับไปตั้งนานแล้ว ไม่มีทางหลบถึงตอนนี้ได้

“ลำบากหนูแล้วนะลูกน้อย” วารุณียิ้มพลางลูบหัวของอารัณ แล้วมองไปทางนัทธี “จากนั้นล่ะ?”

“หานิรุตติ์ไม่เจอ ฉันจึงให้คนจับตามององค์กรดาร์กของนิรุตติ์ตลอด องค์กรนั่น เป็นที่พึ่งพิงของนิรุตติ์ อำนาจทั้งหมดของนิรุตติ์ต่างก็มาจากที่นั่น ดังนั้นฉันจึงให้คนจับตาดูองค์กรดาร์กนั่นมาโดยตลอด” นัทธีพูด

วารุณีตะลึงงันมาก “จับตามององค์กรนั่น? แต่ว่าองค์กรนั่นลึกลับมากไม่ใช่เหรอ? ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตั้งอยู่ที่ไหนไม่ใช่เหรอ? นายจะส่งคนไปจับตามององค์กรนั่นได้อย่างไร”

“นี่ต้องพึ่งอารัณทั้งหมดเลย” นัทธีมองไปทางลูกชายของตนเอง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

สมแล้วที่เป็นลูกที่สืบทอดพันธุกรรมยีนเด่นของเขา

“อารัณ?” วารุณีมองไปทางอารัณ

อารัณยกมือขึ้น “ใช่ครับหม่ามี๊ องค์กรดาร์กนั่นถูกผมสืบเจอทั้งหมดอย่างชัดเจนแล้วครับ”

“ใช่แล้ว” นัทธีพยักหน้า “หลังจากที่รู้ชื่อขององค์กรนั่นแล้ว องค์กรนั้นก็จะสูญเสียผ้าคลุมแห่งความลึกลับไป กลายเป็นว่าไม่ได้ลึกลับขนาดนั้นแล้ว ดังนั้นในเวลานี้ อยากจะสืบค้นองค์กรนั้นให้ชัดเจนก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากแล้ว ดังนั้นในเวลาแบบนี้ ฉันจึงให้อารัณหาเวลาไปสืบ จากนั้นก็สืบองค์กรนั้นออกมา หลังจากนั้นฉันก็ติดต่อกับทางองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ วันนี้องค์กรนั่นไม่ได้ลึกลับอีกต่อไปแล้ว ถูกองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศจับตามอง เตรียมกวาดเรียบไม่เหลือแล้ว”

“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง” วารุณีเข้าใจทั้งหมดอย่างโจ่งแจ้ง จากนั้นก็ขมวดคิ้วถามต่อว่า “แต่ว่านิรุตติ์ไม่อยู่ในองค์กรนี้แล้วไม่ใช่เหรอ? ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันถูกเขาขังอยู่ในเกาะทะเล ก็ได้ยินเขาบอกว่า เขาจะออกจากองค์กรนั้นแล้ว”

“เขาได้ออกไปแล้ว แต่ว่ารากฐานขององค์กรนี้ลึกลับมาก เขาอยากจะออกไปทั้งหมดอย่างสมบูรณ์นั้นเป็นไปไม่ได้แน่นอน เมื่อกี้ฉันพูดแล้วว่า องค์กรนี้คือที่พึ่งพิงของเขา คือรากฐานอำนาจของเขา คนที่ออกจากองค์กรพร้อมไปกับเขา ก็เป็นองค์กรนั้นบ่มเพาะความสามารถออกมา เขาสามารถไม่ติดต่อกับองค์กรนั้นได้ แต่ว่าลูกน้องของเขาพวกนั้นเป็นไปไม่ได้”

“ความหมายของนายคือ ลูกน้องของนิรุตติ์ เป็นสายลับขององค์กรนั่น” วารุณีพูดด้วยความตกใจ

นัทธีพยักหน้า “ถูกต้อง นิรุตติ์จะหักหลังองค์กรนั้น ในตอนที่เขาซื้อคนจากไปพร้อมกับเขา เธอคิดว่าองค์กรนั่นจะไม่รู้แผนการที่นิรุตติ์จะหักหลังองค์กรเหรอ? ในทางกลับกัน จะต้องจับได้แน่นอน อย่างไรก็ตามเป็นถึงองค์กรใหญ่ที่อยู่มานานขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ ทว่าองค์กรนั่นไม่ได้ห้ามการจากไปของนิรุตติ์ นั่นเป็นเพราะว่านิรุตติ์อยู่ภายใต้การจับจ้องขององค์กรนั่นมาโดยตลอด เกรงว่าลูกน้องของนิรุตติ์ ก็มีมากมายที่ได้รับคำสั่งจากองค์กร แกล้งทำเป็นหนีมากับนิรุตติ์เพื่อหักหลังองค์กร ดังนั้นมีเพียงแต่คนแบบนี้ ที่จะติดต่อกับองค์กร หลังจากที่ออกมาจากองค์กรแล้ว”

“ฉันเข้าใจความหมายของนายแล้ว ก็คืออารัณเจอข้อความที่คนพวกนี้ติดต่อกับองค์กร ดังนั้นถึงได้เจอข่าวคราวเบาะแสของนิรุตติ์ในทางอ้อมสินะ” วารุณีลูกผมของอารัณ

อารัณยิ้มแฉ่ง “หม่ามี๊พูดถูกแล้วครับ คือแบบนี้แหละครับ ผมเก่งมากเลยใช่ไหมครับ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว ลูกชายของแม่เก่งที่สุด ลูกสาวของแม่ก็เก่งมากเช่นกัน” ในตอนที่วารุณีชื่นชมอารัณ ก็ไม่ลืมที่จะชื่นชมไอริณด้วย อย่างไรก็ตามเธอปฏิบัติต่อลูกสาวและลูกชายอย่างเสมอภาค

“งั้นที่รัก ตอนนี้นิรุตติ์อยู่ไหนเหรอ?” วารุณีมองนัทธี

นัทธีขมวดคิ้ว “เพราะว่าตอนนี้องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศได้เริ่มจัดการกับองค์กรนั่นแล้ว ดังนั้นสายลับที่จากไปพร้อมกับนิรุตติ์ เกรงว่าจะรู้ข่าวนี้แล้ว สองสามวันนี้ไม่ได้ติดต่อกับองค์กรนั่นแล้ว สัญญาณครั้งสุดท้าย คือตอนที่อยู่แถวรอบๆ เขตบังกลาเทศ”

“ดังนั้นนายจะส่งคนไปที่นั่น ไปตามหานิรุตติ์?” วารุณีกล่าว

นัทธีอุ้มไปเสียงหนึ่ง “ให้คนไปสืบดูก่อน อาจจะสามารถเจอนิรุตติ์ได้”

“โอเค ไม่ว่ายังไง ยอมที่จะตามหาผิด ดีว่าพลาดในการตามหา ไม่แน่นิรุตติ์อาจจะอยู่ที่นั่น” วารุณีพูดปลอบใจ

นัทธีเงยหน้าขึ้น “พูดถูก พอแล้ว ทานข้าวกันก่อนเถอะ”

“อื้ม” วารุณียิ้มพยักหน้า จากนั้นก็คีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่งเข้าไปในถ้วยของผู้ชาย “ลองชิมอันนี้ดู อันนี้ไม่แย่”

“เธอก็กินด้วย” นัทธีก็คีบชิ้นหนึ่งไปในถ้วยของเธอ

สองสามีภรรยาสบตากันแล้วยิ้ม ทานอาหารต่อ

หลังจากทานอาหารเรียบร้อยแล้ว เด็กทั้งสองก็ถูกคนใช้พาขึ้นตึกไปอาบน้ำ

ตอนแรกวารุณีอยากอาบให้เด็กทั้งสองด้วยตนเอง ทว่าถูกนัทธีห้ามไว้

นัทธีอุ้มวารุณีกลับไปที่ห้อง พอปิดประตูแล้ว ก็รอไม่ไหวที่จะกดคนแนบไปที่ประตูและจูบอย่างบ้าคลั่ง

วารุณีจะไม่รู้เหรอว่าทำไมเขาถึงห้ามไม่ให้เธออาบน้ำให้เด็กทั้งสอง ก็เพราะว่าหิวแล้วไง

ก็จริง ผู้ชายอยู่ในห้องนอนโดดเดี่ยวทุกสัปดาห์ มีเพียงแต่วันอาทิตย์ที่ที่มาที่นี่หนึ่งวัน จะไม่หิวเหรอ

วารุณีเองก็สงสารนัทธี

ยังไงก็เป็นผู้ชายที่อายุสามสิบกว่าแล้ว เป็นวัยที่กำลังอุดมสมบูรณ์ เป็นธรรมดาที่ค่อนข้างจะรุนแรงในด้านนี้

สามารถทำให้เขาอดกลั้นนานขนาดนี้ เขาเองก็ลำบากแล้ว

ดังนั้นวารุณีก็ไม่ได้ผลักนัทธีออก ในตอนที่นัทธีจูบลงมา กอดคอของเขา แล้วจูบกลับไป