ตอนที่ 828 สู่ขอ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 828 สู่ขอ

คำว่า “ต้องการ” ของมู่หรงอวี้ทำให้เซียวหรงเหยี่ยนเม้มปากแน่น กลืนถ้อยคำทั้งหมดลงไปในลำคอ

ตอนนั้นมู่หรงอวี้ต้องการสายลับที่สามารถเดินทางไปสืบหาความลับตามแคว้นต่างๆ ได้อย่างไม่ต้องกลัวถูกจับได้ เซียวหรงเหยี่ยนจึงตัดสินใจไปจากต้าเยี่ยน มุ่งหน้ายังแคว้นเว่ยด้วยความยากลำบากและเต็มไปด้วยอุปสรรคจนสุดท้ายกลายเป็นพ่อค้าแห่งแคว้นเว่ย

บัดนี้มู่หรงอวี้ต้องการให้เขาอยู่ข้างกาย เซียวหรงเหยี่ยนยิ่งไม่มีทางปฏิเสธพี่ชายคนนี้

เซียวหรงเหยี่ยนหันไปมองเฝิงเย่าที่ยืนอยู่ด้านล่างรถม้าศึก จากนั้นกล่าวขึ้น “ลุงเฝิงช่วยหยิบหน้ากากบนหลังมาของข้าให้ที”

“พ่ะย่ะค่ะ!” เฝิงเย่ารับคำ

รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่หรงอวี้กว้างมากขึ้นเรื่อยๆ เขามองดูน้องชายที่ดูสุขุมและเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำแคว้นมากกว่าเดิมด้วยความภาคภูมิใจ หากท่านแม่อยู่ที่นี่ด้วยไม่รู้ว่าท่านจะดีใจมากเพียงใด

เขาเอื้อมมือขึ้นอยากลูบไปศีรษะของน้องชาย ทว่า เขาไม่มีแรงมากถึงเพียงนั้น สองมือกุมที่วางแขนแน่นพลางหอบหายใจอย่างรุนแรง

“เสด็จพี่!” เซียวหรงเหยี่ยนรีบเข้าไปประคองมู่หรงอวี้

มู่หรงอวี้หัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่ได้ลูบศีรษะของอาเหยี่ยนนานแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าอาเหยี่ยนของเราจะสูงถึงเพียงนี้แล้ว!”

มู่หรงอวี้หันไปมองเซียวหรงเหยี่ยน เขากล่าวช้าๆ ด้วยเสียงที่เบาหวิวเพราะความอ่อนแรง จากนั้นยกมือวางขนานที่เอวของตัวเอง “ตอนที่เจ้าไปจากต้าเยี่ยน เจ้าตัวเท่านี้เอง…”

“บัดนี้ตัวสูงกว่าพี่แล้ว พี่อยากเอื้อมมือไปลูบผมเจ้ากลับเอื้อมไม่ถึงแล้ว” มู่หรงอวี้กล่าวยิ้มๆ

ตอนเด็กๆ เซียวหรงเหยี่ยนไม่ชอบให้ผู้อื่นลูบศีรษะของตัวเองมากที่สุด วันๆ เอาแต่บ่นกับจีโฮ่วว่าบรรดาพี่ๆ ชอบลูบศีรษะของเขา บ่นว่าอยากโตเป็นหนุ่มเร็วๆ

ตอนนี้…ในบรรดาพี่น้องทั้งหมดเหลือกันอยู่เพียงสองคนเท่านั้น

หากรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เซียวหรงเหยี่ยนจะไม่รังเกียจเวลาบรรดาพี่ๆ ลูบศีรษะของเขาอีกแล้ว

ดวงตาของเซียวหรงเหยี่ยนแดงก่ำ เขาย่อกายลงพลางจับมือของมู่หรงอวี้มาวางไว้บนศีรษะของตัวเอง ข่มความเจ็บปวดในใจแล้วกล่าวเสียงเบาหวิว

“เสด็จพี่อยากลูบศีรษะของเหยี่ยน เหยี่ยนย่อกายให้เสด็จพี่ก็สิ้นเรื่องพ่ะย่ะค่ะ”

ขอเพียงเสด็จพี่ยังมีชีวิตอยู่ ขอเพียงเสด็จพี่อยากลูบศีรษะของเขา เซียวหรงเหยี่ยนพร้อมก้มศีรษะให้ลูบตลอดเวลา

ดวงตาของมู่หรงอวี้ร้อนผ่าวขึ้นทันที เขาลูบไปที่ศีรษะของเซียวหรงเหยี่ยนอย่างแผ่วเบา

“อาเหยี่ยนของเราโตแล้วจริงๆ…”

ประตูฝั่งตะวันออกของเมืองชางถูกเปิดออก แสงอรุณสีทองอร่ามสาดส่องเข้าไปในเมือง

องค์ชายรองมู่หรงผิงนำทัพต้าเยี่ยนยืนรอต้อนรับจักรพรรดิต้าเยี่ยนอยู่หน้าประตูตะวันออก ชาวบ้านมากมายยื่นเรียงรายอยู่เต็มสองข้างทางของถนนสายยาวโดยมีพลทหารคอยคุ้มกันตลอดถนนสองข้าง ถนนที่ถูกแสงสีทองของดวงตะวันสาดส่องคือถนนหลักที่ทอดยาวไปถึงวังหลวงของแคว้นเว่ย

องค์ชายรองมู่หรงผิงในชุดนักรบเต็มยศถือดาบนั่งรอต้อนรับอยู่บนหลังม้านอกกำแพงพร้อมกับพลทหารม้า

มองไกลๆ ประหนึ่งลำตัวที่ทอดยาวของมังกรยักษ์ ธงปักษาดำและฟ้าซึ่งเป็นธงสัญลักษณ์ของต้าเยี่ยนค่อยๆ มุ่งหน้าเข้ามาอย่างเอิกเกริกท่ามกลางแสงอรุณ

ใจขององค์ชายรองมู่หรงผิงเต้นรัว เขาควบม้าทะยานไปด้านหน้าอย่างทนไม่ไหว

องค์ชายรองมองเห็นพลทหารม้าที่นำทัพอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน ม้าศึกสีดำสวมเกราะอย่างแน่นหนาจนเห็นเพียงดวงตาสองข้าง ทหารที่อยู่บนหลังม้าศึกทุกคนต่างถือหอกยาวประจำตัว ทุกคนขี่ม้าไปด้านหน้าอย่างพร้อมเพรียง เมื่อเห็นองค์ชายรองมู่หรงผิงขี่ม้าเข้ามาแต่ไกล แม่ทัพใหญ่ผู้นำทัพยกมือขึ้นสูง

“หยุด…”

พลทหารม้าเหล็กหยุดลงทันทีที่ได้ยินคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง

มู่หรงผิงก้มศีรษะให้แม่ทัพผู้นั้นเล็กน้อย จากนั้นเร่งขี่ม้าไปทางด้านหลังขบวน เมื่อเห็นเสด็จพ่อและเสด็จอาเก้าของตัวเองประทับอยู่บนรถม้าศึก มู่หรงผิงลงมาจากหลังม้า จากนั้นคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น

“มู่หรงผิงคารวะเสด็จพ่อ คารวะเสด็จอาเก้าพ่ะย่ะค่ะ!”

“โอรสเราลำบากแล้ว!” มู่หรงอวี้ส่งสัญญาณมือให้มู่หรงผิงลุกขึ้นยืน

มู่หรงผิงลุกขึ้นยืนพลางยิ้มกว้าง คงเป็นเพราะผิวของเขาโดดแดดจนคล้ำลงมาก ฟันที่เห็นชัดจากการยิ้มกว้างจึงดูขาวกว่าปกติ ร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยความสดใสมีชีวิตชีวา

“ไปนำทางเชิญเสด็จพ่อของเจ้าเข้าไปในเมืองที่ด้านหน้าขบวน” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวกับมู่หรงผิง

เมื่อชาวบ้านในเมืองชางได้ยินเสียงแตรต่างก็พากันชะโงกหน้ามอง

พวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้าของพลทหารม้าเหล็กเข้ามาในเมืองเป็นลำดับแรก ตามมาด้วยองค์ชายรองมู่หรงผิงที่ขี่ม้านำพลทหารม้าเบาเขามาด้านใน

เมื่อพลทหารม้าเบาเข้ามาเสร็จ พลทหารม้าหนักจึงตามเข้ามาติดๆ เมื่อทหารในชุดเกราะถือหอกยาวเข้ามาด้านในเมืองชาง ชาวบ้านในเมืองชางรับรู้ถึงแรงกดดันมหาศาลทันที

ชาวบ้านในเมืองชางล้วนเป็นชาวบ้านในเมืองหลวงที่เคยพบเห็นเหตุการณ์สำคัญต่างๆ มากมาย ทว่า เมื่อเห็นขบวนที่ดุดันเช่นนี้ พวกเขากลับรู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ต้าเยี่ยนมีกองทัพที่ดุดันเช่นนี้จะไม่ชนะสงครามได้อย่างไรกัน!

ต่อมาคือรถม้าศึกของจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยน จักรพรรดิต้าเยี่ยนในฉลององค์เต็มยศยืนยืดตัวตรงอยู่บนรถม้าศึก สายตามองไปด้านหน้า ช่างดูทรงพลังสมกับการเป็นจักรรพรรดิที่กำลังจะได้ครอบครองแผ่นดินนี้จริงๆ

เซียวหรงเหยี่ยนซึ่งสวมหน้ากากสีเงินยืนเคียงข้างมู่หรงอวี้อยู่บนรถม้าศึก มือของเขาลอบช่วยประคองแขนของจักรพรรดิต้าเยี่ยน สายตามองไปทางบรรดาทหารและชาวบ้านทั้งหลาย

“คุกเข่า…”

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของแม่ทัพบนกำแพงสูง

ชาวบ้านทุกคนพากันคุกเข่าลงบนพื้น มีเพียงชาวบ้านบางคนที่ลอบมองไปทางจักรพรรดิต้าเยี่ยนมู่หรงอวี้ที่ได้รับสมญานามว่าเป็นบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น

บรรดาทหารทุกคนพากันคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น จากนั้นกำหมัดตบไปที่อกพลางตะโกนลั่น

“ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี ต้าเยี่ยนจงเจริญหมื่นปี!”

กองทัพต้าเยี่ยนทุกคนปฏิบัติอย่างพร้อมเพรียง เสียงตะโกนที่แฝงไปด้วยไอสังหารดังกังวานกึกก้องราวกับต้องการให้ฟ้าถล่มลงมา ประกาศกร้าวว่าเมืองชางได้ตกเป็นของแคว้นต้าเยี่ยนแล้ว

ทุกที่ที่รถม้าศึกของจักรพรรดิต้าเยี่ยนเคลื่อนผ่าน บรรดาทหารต่างร้องตะโกนเป็นเสียงเดียว…

“ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี ต้าเยี่ยนจงเจริญหมื่นปี!”

เสียงดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณจนคนฟังรู้สึกสั่นสะท้าน

สายตาของมู่หรงอวี้เริ่มพร่ามัว เขาพยามเบิกตาโพลงมองไปทางวังหลวงที่แสงอรุณส่องกระทบจนกลายเป็นสีทองสว่างเรืองรอง

“เสด็จพี่!” เซียวหรงเหยี่ยนประคองมู่หรงอวี้มั่น

“ไม่ต้องห่วง พี่ยังไหว” มู่หรงอวี้จับที่วางแขนด้วยมือทั้งสองข้าง ฝืนหยัดแผ่นหลังตรง

มู่หรงอวี้รู้ดีว่าเขาใกล้จะหมดลมหายใจลงทุกทีแล้ว ใต้หล้าในวันหน้าคือใต้หล้าของอาเหยี่ยน คือใต้หล้าของลูกหลานรุ่นถัดไป

“อาเหยี่ยน สิ่งที่พี่เสียดายมากที่สุดในชีวิตนี้ก็คือไม่ได้อยู่เห็นเจ้าแต่งงานกับองค์หญิงเจิ้นกั๋ว” น้ำเสียงของมู่หรงอวี้เบาหวิว

“ทว่า ตอนที่อยู่ที่ซั่วหยางพี่ได้ดื่มน้ำชาคารวะจากองค์หญิงเจิ้นกั๋ว และมอบของล้ำค่าที่เสด็จแม่เตรียมไว้ให้ลูกสะใภ้ให้นางไปแล้ว”

เซียวหรงเหยี่ยนขบกรามแน่น พยายามข่มความเจ็บปวดที่มีในใจพลางกล่าวขึ้น “ข้าและนางสัญญากันไว้ว่าต้าเยี่ยนทำลายแคว้นเว่ยได้เมื่อใดข้าจะไปสู่ขอนาง เสด็จแม่จากไปเร็ว เสด็จพี่เป็นดั่งบิดา เสด็จพี่ต้องไปสู่ขอนางให้ข้านะพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินเซียวหรงเหยี่ยนกล่าวเช่นนี้ มู่หรงอวี้จึงหันไปมองเซียวหรงเหยี่ยน ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยรอยยิ้มตื่นเต้น เขาพยักหน้า “ได้ เมื่อเสร็จเรื่องเมืองชาง พี่จะไปสู่ขอนางที่ซั่วหยางให้เจ้า”

เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า จากนั้นกล่าวขึ้น “อาเหยี่ยนฝากเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตไว้ที่เสด็จพี่แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”

มู่หรงอวี้พยักหน้ายิ้มๆ เขาพยายามรวบรวมสติทั้งหมดของตัวเอง เขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อจนถึงวันที่เดินทางไปสู่ขอไป๋ชิงเหยียนให้เซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นค่อยไปพบเสด็จแม่ของเขา

หากพี่ชายอย่างเขาทำสิ่งนี้ให้อาเหยี่ยนไม่ได้ ญาติผู้ใหญ่ฝั่งองค์หญิงเจิ้นกั๋วอาจคิดว่าเซียวหรงเหยี่ยนไม่ให้ความสำคัญกับองค์หญิงเจิ้นกั๋ว

บัดนี้บรรดาคนจากตระกูลสูงศักดิ์เก่าแก่ของแคว้นเว่ยที่ไม่ได้ย้ายตามไทเฮาและจักรพรรดิเว่ยไปยังเมืองเว่ยสู่ ต่างรอพบจักรพรรดิต้าเยี่ยนอยู่ที่ลานกว้างด้านนอกตำหนักใหญ่