เล่ม 1 ตอนที่ 209-2 การพิพากษาของตระกูลจี

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

ตอนที่ 209-2 การพิพากษาของตระกูลจี

เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเดินออกมาจากห้องหนังสือ ในมือถือสาลี่สดใหม่ผลหนึ่งยกขึ้นมากัด เขาชะงักเท้า มองไปทางขอบฟ้าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

ลี่ว์จูเพิ่งเดินออกมาจากเรือนใต้ กำลังจะไปหยิบของกินนิดหน่อยจากห้องครัวมาให้วั่งซู พอเห็นเยี่ยนเฟยเจวี๋ยยืนเหม่ออยู่ตรงระเบียงทางเดิน ก็ยิ้มน้อยๆ ถามว่า “จอมยุทธ์เยี่ยน ท่านเป็นอะไรหรือ”

เยี่ยนเฟยเจวี่ยทำท่าครุ่นคิด “เหมือนได้ยินไห่สือซานกำลังเรียกข้าอยู่”

“จอมยุทธ์ไห่มาแล้วหรือ” ลี่ว์จูรีบชะเง้อมองประตู

“จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า ข้าจะต้องหูแว่วไปเองแน่” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกัดสาลี่ที่ทั้งหอมทั้งหวานคำหนึ่ง แล้วเดินจากไปอย่างไม่ใส่ใจ

ครอบครัวสี่คนทานอาหารเช้าที่เรือนสี่ประสาน

ธรรมเนียมของราชวงศ์ต้าเหลียง หลังจากเจ้าสาวเข้าหอแล้วต้องกินน้ำแกงไป่เหอกับเม็ดบัวหนึ่งถ้วย มีความหมายว่าขอให้มีบุตรมากมีความสุขมาก

พ่อครัวหยางทำน้ำแกงไป่เหอเม็ดบัวถ้วยโต เฉียวเวยกินจนไม่เหลือสักคำ

ทานอาหารเสร็จแล้วสือชีก็กลับมา ในมือถือถังหูลู่สองไม้

วั่งซูยิ้มร่าวิ่งเข้าไปหา “พี่สือชี!”

สือชีส่งถังหูลู่ในมือซ้ายให้นาง

จิ่งอวิ๋นก็ก้าวขาสั้นๆ วิ่งเข้าไปหาบ้าง “พี่สือชี!”

เรียกจบก็ยื่นมือออกมา

แต่สือชีส่งถังหูลู่ในมือขวาให้วั่งซู

จิ่งอวิ๋นผู้เสียใจ “…”

หลังจากเก็บข้าวของพักหนึ่ง พวกเขาก็ขึ้นรถม้ากลับตระกูลจี แม้จีหมิงซิวจะมาสายแต่ก็ยังต้องไปทำงาน

หลังจากส่งสามแม่ลูกกลับจวนแล้ว จีหมิงซิวก็พาเยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับสือชีเดินทางไปยังวังหลวง

เฉียวเวยจูงมือเจ้าตัวน้อยกลับบ้านชิงเหลียน พอเข้าไปในบ้าน ปี้เอ๋อร์ก็รีบร้อนเข้ามาหา “ฮูหยิน เหตุใดท่านจึงเพิ่งกลับมาเล่า กูหน่ายนายกำลังตามหาท่านอยู่!”

เฉียวเวยตบหัวไหล่เจ้าตัวน้อยทั้งสองคนเบาๆ จิ่งอวิ๋นกับวั่งซูจูงมือกันออกไปเล่น เฉียวเวยหันไปมองปี้เอ๋อร์แล้วถามว่า “จีหว่านตามหาข้า นางมาที่จวนหรือ”

ปี้เอ๋อร์บอกอย่างร้อนรน “มาเจ้าค่ะ! มาตั้งแต่เช้าตรู่! นั่งรอฮูหยินอยู่ที่บ้านชิงเหลียนตั้งนานแล้ว! ข้าบอกว่าท่านไปเรือนสี่ประสาน ต้องการให้ส่งคนไปตามหรือไม่ นางก็บอกว่าไม่ต้อง แต่ข้าดูท่าทางนางร้อนรอนพอสมควรเหมือนว่ามีธุระสำคัญจะหาฮูหยิน”

เรื่องสำคัญหรือ เรื่องสำคัญอันใดต้องลำบากกูหน่ายนายคนนี้มารอนางที่บ้านชิงเหลียนตั้งแต่เช้า ก็คงจะมีแต่เรื่องของคนผู้นั้นที่เรือนถง

เมื่อวานพ่อสามีไม่ได้ยื่นคำขาดให้แม่เลี้ยงสาวไปแล้วหรือ เอาเถิด ถึงเวลาไปดูผลลัพธ์สักหน่อยพอดี

เฉียวเวยสั่งฉานเอ๋อร์กับเยียนเอ๋อร์ให้ดูแลจิ่งอวิ๋นกับน้องสาว ส่วนตนเองพาปี้เอ๋อร์ไปเรือนถง

วันนี้เรือนถงครึกครื้นยิ่งนัก คนออกันอยู่เต็มแน่น ไม่ใช่เพียงจีหว่านกับพี่เขยหลินที่มา เหล่าฮูหยินก็มาด้วย ได้ยินว่าเรือนรองกับจีซวงฝั่งนั้นก็ได้ข่าว คิดจะมาร่วมวงชมดูเรื่องสนุกเช่นกัน แต่ถูกจีเหล่าฮูหยินไล่ไปแล้ว

จีเหล่าฮูหยินไม่ต้องการให้มีเรื่องมีราวอะไรงอกขึ้นมาอีก นางต้องการจบเรื่องนี้อย่างรวดเร็วฉับไว

จีเหล่าฮูหยินนั่งอยู่บนตำแหน่งประธาน ข้างกายคือจีซั่งชิง ถัดจากจีซั่งชิงคือหลินซูเยี่ยนกับภรรยา

คนสนิทที่ใช้การได้สองสามคน หรงมามา ชุนจือกับชิวผิงล้วนรอรับใช้อยู่สองฝั่ง

สวินหลันคุกเข่าอยู่บนพื้นอันเย็นเฉียบและแข็งกระด้าง แผ่นหลังเหยียดตรง ก้มศีรษะเล็กน้อย เส้นผมดำขลับปอยหนึ่งร่วงตกลงมาประดับใบหน้าซูบผอมของนางให้ยิ่งดูผอมบาง

“ท่านย่า ท่านพี่ พี่ใหญ่ พี่เขย” เฉียวเวยเดินเข้ามา คำนับคนที่นั่งอยู่ทีละคน

จีเหล่าฮูหยินกวักมือ “นั่งเถิด”

เฉียวเวยนั่งลงตรงตำแหน่งแรกถัดจากจีเหล่าฮูหยิน

จีเหล่าฮูหยินเอ่ยกับเฉียวเวย “แม้เจ้าจะแต่งเข้ามาไม่นาน แต่ตระกูลจีย่อมต้องมีสักวันที่ส่งต่อไปถึงมือหมิงซิวกับเจ้า เรื่องภายในจวน เจ้าก็ใส่ใจให้มากหน่อย จะให้หมิงซิวคอยพะวงข้างหลังไม่ได้”

เฉียวเวยเข้าใจความหมายของจีเหล่าฮูหยินจึงค้อมกายตอบว่า “หลานสะใภ้จดจำคำสอนของท่านย่าไว้แล้ว”

จีเหล่าฮูหยินเตือนนิดเดียวก็ปล่อยผ่านไป เมื่อเห็นว่านางเข้าใจแล้วจึงไม่พูดมากอีก นางหันไปมองหลินซูเยี่ยนแล้วบอกว่า “หลานเขยเป็นสามีของหวานหว่าน นับว่าเป็นคนกันเอง เรื่องในวันนี้หวังว่าหลานเขยจะช่วยปิดเงียบแทนตระกูลจี”

หลินซูเยี่ยนรีบตอบ “ท่านย่าโปรดวางใจ ข้าไม่มีทางพูดแม้แต่คำเดียว!”

จีเหล่าฮูหยินพยักหน้า แล้วมองบุตรชายข้างกายหนึ่งหน “เจ้าคิดจะทำอย่างไร”

จีซั่งชิงชะงักวูบหนึ่งแล้วตอบว่า “แล้วแต่ท่านแม่จะตัดสิน”

จีเหล่าฮูหยินพยักหน้า สายตาจับบนใบหน้าซีดขาวอ่อนแรงของสวินหลัน “ตระกูลจีเลี้ยงดูเจ้ามานานขนาดนี้ จะให้เจ้ากลับมาก่อภัยทำร้ายคนตระกูลจีไม่ได้เป็นอันขาด เห็นแก่ที่เจ้าให้กำเนิดเลือดเนื้อคนหนึ่งแก่ตระกูลจี สารภาพมาตามตรง เจ้ามาตระกูลจีด้วยจุดประสงค์ใด สมคบคิดกับผู้ใด หากเจ้าพูดออกมาตามตรง ข้าจะพิจารณาลงโทษสถานเบา แต่หากเจ้ายังโกหกอีกแม้แต่ครึ่งคำ ตระกูลจีจะไม่มีที่ให้เจ้าอยู่อีกต่อไป!”

ความคิดของจีซั่งชิงก็คงไม่พ้นประมาณนี้ จีเหล่าฮูหยินไม่ได้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดโดยพลการ คิดดูแล้วก็ไม่แปลก แม่สามีกับลูกสะใภ้ ไหนเลยจะเทียบกับสามีภรรยา สามียังตัดสินใจลงมือเหี้ยมแล้ว คนเป็นแม่สามียังจะเกิดใจเวทนาสงสารอะไรอีก

เฉียวเวยหันไปมองสวินหลันที่อยู่บนพื้น อยากรู้ว่าหนึ่งคืนนี้ นางคิดตกหรือยัง

สวินหลันเพียงเงียบงัน

จีหว่านเอ่ยเสียงเย็นชา “ท่านย่าของข้าถามเจ้าอยู่ อย่ามาแสร้งเป็นใบ้ ยังจะทำเหมือนมีผู้ใดยังไม่รู้แผนชั่วเหล่านั้นของเจ้าอยู่อีก! หลักฐานหนักแน่นดั่งขุนเขา เจ้าไม่ต้องคิดจะปฏิเสธแล้ว! พวกเราไม่ได้หลอกง่ายปานนั้น!”

สวินหลันยังคงเงียบ นิ้วมือกำด้านข้างกระโปรงแน่น ราวกับว่ากำลังอดกลั้นความทุกข์ทรมานใหญ่หลวง

จีหว่านกระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะเสียงดัง “ดูท่าทาง เจ้าคงไม่คิดจะสารภาพ ก็ดี ให้โอกาสเจ้าแล้ว เจ้าไม่รับ ดูท่าคงไม่คิดจะอยู่ที่ตระกูลจีแล้ว ท่านย่า ตัดสินใจให้เด็ดขาด จัดการให้เสร็จเสียเถิด!”

จีเหล่าฮูหยินมองสวินหลันอย่างเงียบงัน เด็กคนนี้นางเคยมองข้าม เคยเอ็นดู เคยใส่ใจ หากกล่าวด้วยใจเป็นกลางนางไม่หวังให้นางเป็นคนชั่วร้ายเลวทรามที่มิอาจให้อภัยได้ แต่ความจริงวางอยู่ตรงหน้าแล้ว นางไม่หวังแล้วจะทำอย่างไรได้อีก

“หรงมามา นำพู่กันกับหมึกมา วันนี้ตระกูลจี…”

จีเหล่าฮูหยินยังเอ่ยไม่ทันจบ ด้านนอกก็มีสาวใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามา สีหน้าร้อนรนเอ่ยว่า “นายท่าน เหล่าฮูหยิน! โจวมามาขอพบ! บอกว่านางรู้เรื่องของฮูหยิน!”

“โจวมามาหรือ” เฉียวเวยงึมงำ แล้วหันไปมองปี้เอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลัง “โจวซื่อที่ถูกโบยแล้วไล่ออกไปคนนั้นหรือ”

ปี้เอ๋อร์พยักหน้า “น่าจะเป็นนางเจ้าค่ะ”

เฉียวเวยทำหน้ามึนงง “นางยังไม่ตายหรือ”

ถูกโบยห้าสิบไม้ นางคิดว่าอีกฝ่ายหมดลมหายใจไปตั้งนานแล้วเสียอีก

ไม่ใช่เพียงเฉียวเวย แม้แต่จีเหล่าฮูหยินก็คิดว่าโจวซื่อสิ้นใจไปแล้ว ตอนนั้นหลังจากโบยเสร็จ หรงมาไปดูมาแล้ว สภาพเรียกว่าอนาถจนมิอาจกลั้นใจดู ให้คนรีบห่อเสื่อโยนออกไปจากจวน ไหนเลยจะคิดว่านางยังมีชีวิตรอดกลับมาอีก

ในเมื่อรู้เรื่องของสวินซื่อ ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้นางเข้ามา

จีเหล่าฮูหยินโบกมือ หรงมามากับสาวใช้อายุน้อยรับคำสั่งเดินออกไป

โจวมามาถูกหญิงรับใช้ร่างกำยำหลายคนใช้ไม้กระดานแผ่นหนึ่งยกเข้ามา นางถูกโบยห้าสิบไม้ เจ็บหนักยิ่งนัก จนวันนี้ก็ยังลงจากเตียงไม่ได้

นางนอนคว่ำอยู่บนไม้กระดานที่วางอยู่บนพื้น โขกหน้าผากบนพื้น “คารวะเหล่าฮูหยิน คารวะนายท่าน คารวะกูหน่ายนาย ท่านเขยกับฮูหยินน้อย!”

โขกจริงเสียงจริงอยู่หลายหนจนหน้าผากบวมแล้ว

เฉียวเวยมองโจวมามาอยู่เงียบๆ ร่างกายของโจวมามาขยับไม่คล่องแคล่วนักจริงๆ เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ค่อยข้างอเนจอนาถ แต่สีหน้าท่าทางไม่เหมือนคนที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างดี ดูท่าคนที่โบยเหล่านั้นจะไม่ได้ตั้งใจออกแรงเอาให้ตาย ภายนอกดูเหมือนเลือดเนื้อแหลกเละ แต่ความจริงไม่ได้บาดเจ็บถึงเส้นเอ็นหรือกระดูก เมื่อได้หมอหลูรักษาอย่างใส่ใจจึงรักษาชีวิตนี้เอาไว้ได้

แม่เลี้ยงหนอแม่เลี้ยง เจ้าทุ่มเทความคิดจริงนะ

จีเหล่าฮูหยินโบกมือ “พอแล้ว ไม่ต้องมัวแต่ทำเรื่องที่มีหรือไม่มีก็ได้พวกนี้ เจ้าบอกว่าเจ้ารู้เรื่องของสวินซื่อ ก็รีบพูดความจริงออกมา!”

โจวมามาเปิดปากเล่าด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน “บ่าวรับใช้ข้างกายฮูหยินมาตั้งแต่ตอนที่ฮูหยินกลับตระกูลสวินตอนอายุสิบสามปี เรื่องของฮูหยิน บ่าวรู้สิ้นทุกสิ่ง เหล่าฮูหยินต้องการทราบสิ่งใด หากบ่าวทราบจะบอกกล่าวทุกประการอย่างแน่นอน!”

จีเหล่าฮูหยินถามเสียงเคร่งขรึม “การแต่งงานสองสามหนของสวินซื่อมีเรื่องไม่ชอบมาพากล เรื่องพวกนี้เจ้าก็ทราบหรือ”

โจวมามาอึ้งก่อน จากนั้นความตกตะลึงกับความตระหนกลนลานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “เหล่าฮูหยิน…”

จีเหล่าฮูหยินเอ่ยขึ้นมา “ดูท่าเจ้าจะรู้อยู่แล้ว เจ้าใจกล้านักนะ! รู้แต่มิรายงาน ตระกูลจีเลี้ยงบ่าวอย่างเจ้าไว้เสียเปล่าแล้ว!”

โจวมามาไม่ใช่คนที่ตระกูลสวินมอบให้สวินหลัน แต่เป็นบ่าวคนหนึ่งของตระกูลจี ตอนนั้นที่สวินหลันเดินทางกลับกูซู เหล่าฮูหยินเกรงว่าคนตระกูลสวินจะดูถูกสวินหลัน จึงมอบหญิงรับใช้ฝีมือดีให้สวินหลันหนึ่งคน สิบกว่าปีผ่านไป โจวมามาก็กลายเป็นคนสนิทของสวินหลันดังคาด จีเหล่าฮูหยินเห็นสวินหลันไว้ใจคนที่ตนเองส่งไปให้เช่นนี้ ความจริงในใจก็นึกโล่งใจอยู่บ้าง แต่จีเหล่าฮูหยินคิดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงว่า คนที่ตนเองเลือกส่งไปคนนี้ อย่างแรกไม่ระวังทำงูหลุดมากัดบุตรชายของนางจนบาดเจ็บ ต่อมากลัวภัยมาถึงตน จึงโยนคราวเคราะห์ให้หลานสะใภ้ของนาง วันนี้ยังปิดบังความลับของสวินซื่ออีก นี่จะไม่ให้จีเหล่าฮูหยินโมโหได้อย่างไร ไม่โกรธได้อย่างไร

โจวมามาโขกศีรษะกล่าวว่า “เหล่าฮูหยินโปรดระงับโทสะ เหล่าฮูหยินโปรดระงับโทสะ…ที่บ่าวไม่พูด มิใช่เพราะตั้งใจปิดบัง แต่เป็นเพราะว่า…เพราะว่าสงสารฮูหยินมากเกินไป!”

จีหว่านแดกดัน “นางมีอะไรน่าสงสาร นางหลอกครอบครัวของพวกเราจนหัวหมุน นางมีแต่จะหัวเราะสิไม่ว่า คนที่น่าสงสารคือพวกเรามากกว่ากระมัง!”

โจวมามาขยับร่างกายอย่างยากเย็น หันหน้าไปหาจีหว่าน น้ำหูน้ำตานองเอ่ยว่า “กูหน่ายนาย ท่านใส่ร้ายฮูหยินแล้ว…เรื่องเหล่านั้นของฮูหยินแม้จะมิใช่ความบังเอิญ แต่ฮูหยินไม่ได้ทำจริงๆ นะเจ้าคะ…”

“ไม่ใช่นาง ถ้าเช่นนั้นเป็นผู้ใด”

“เป็นคนจากยุทธภพคนหนึ่ง…”

จีหว่านประชดประชัน “อ้อ นางยังไปยั่วยวนคนจากยุทธภพด้วยสินะ”

“ฮูหยินไม่ได้ยั่วยวนนะเจ้าคะ…ฮูหยินถูกใส่ร้ายแล้ว…” โจวมามาฟุบลงไปร่ำไห้กับพื้น “เรื่องนี้ ต้องเริ่มเล่าจากปีที่ฮูหยินอายุสิบสาม…”

ปีนั้นตระกูลสวินส่งคนมาถึงบ้านเพื่อรับตัวสวินหลันกลับกูซูไปแต่งงาน ระหว่างทางกลับ พวกนางนั่งเรือใหญ่ลำหนึ่ง บนเรือมีผู้โดยสารคนอื่นอีกไม่น้อย คนหนึ่งในนั้นดื่มสุราจนเมาล้มอยู่หน้าห้องของสวินซื่อ ไหเหล้าแตกปักมือเขาจนเต็มไปด้วยเลือด เขาหมดสติไม่รู้สึกตัว

สวินซื่อจิตใจดีงามจึงให้หญิงรับใช้ห้ามเลือดให้เขาแล้วใส่ยาให้

แต่เดิมเป็นเรื่องดีงามเรื่องหนึ่ง ไหนเลยจะรู้ว่าหลังจากคนผู้นั้นฟื้นขึ้นมา ก็มาตามหาสวินซื่อบอกว่าจะตอบแทนบุญคุณ แต่พอเห็นรูปโฉมงดงามของสวินซื่อก็น้ำลายยืด นับจากนั้นเขาก็ตามตื๊อสวินซื่อไม่เลิกรา

สวินซื่อเป็นคุณหนูตระกูลขุนนาง ทั้งยังมีสัญญาหมั้นอยู่กับตัว ไฉนจะคบหากับอันธพาลในยุทธภพเช่นนี้ได้

ในช่วงเวลานั้นมีข่าวลือออกมาว่าคุณชายตระกูลซุนไม่ต้องการตบแต่งกับนาง สวินซื่อร้อนใจกลัวว่าแต่งกับคุณชายตระกูลซุนไม่สำเร็จ อันธพาลคนนั้นจะบุกมาสู่ขอถึงบ้านจริงๆ ดังนั้นตอนที่คุณชายซุนลอบมาพบยามราตรี นางจึงไม่ปฏิเสธ

ในสมองของนางคิดว่า แต่งงานกับผู้ใดก็ได้ทั้งสิ้น แต่อย่าเป็นอันธพาลจากยุทธภพคนนั้น!

ระหว่างทางอันธพาลคนนั้นเคยเตือนนางหลายหน ว่าให้ถอนหมั้นกับตระกูลซุนเสีย มิเช่นนั้นเขาจะทำให้นางเสียใจชั่วชีวิต!

สวินซื่อคิดว่าอันธพาลเพียงพูดลอยๆ ไหนเลยจะคิดว่าเขาจะลงมือกับคุณชายซุนจริงๆ

เรื่องนี้กล่าวไปแล้วก็เกิดขึ้นเพราะนาง หากนางยอมถอนหมั้นกับตระกูลซุน บางทีคุณชายซุนก็คงไม่ตาย แต่นางจะกล้าพูดได้เช่นไรเล่า หากนางพูดไปแล้ว ทุกคนจะถ่มน้ำลายก่นด่าสาปแช่งนางหรือไม่

จีหว่านขัดโจวมามา “หากเป็นอย่างที่เจ้าพูดมา คุณชายซุนก็ถูกอันธพาลคนนั้นทำร้ายจนตาย ถ้าเช่นนั้นคุณชายหยวนกับคุณชายโจวเล่า”

“ก็เป็นอันธพาลคนนั้นเหมือนกัน!” โจวมามาทุบหน้าอกเล่า “เรื่องหมู่ตานยั่วยวนคุณชายหยวนก็เป็นอันธพาลผู้นั้นยุยง อันธพาลผู้นั้นมีความสามารถมากนัก กูหน่ายนายคงจะจินตนาการไม่ออก ผีอาละวาดวันแต่งงานก็เป็นแผนการที่อันธพาลผู้นั้นคิด เขาลักลอบเข้ามาในเรือนหอ หลอกคุณชายโจวจนตกใจตาย ฮูหยินถูกรังควานมานานหลายปี จนกระทั่งแต่งเข้ามาในตระกูลจี อันธพาลคนนั้นถึงไม่กล้ามาก่อเรื่องถึงบ้านอีก…”

เฉียวเวยจิ๊ปากส่ายหัว ร้ายกาจ ร้ายกาจ นิทานเรื่องนี้แต่งมาได้อย่างไร้ช่องโหว่ มีสาเหตุให้อภัย สะเทือนใจผู้คน

จีหว่านกล่าวขึ้นว่า “เหตุใดไม่บอกพวกเรา อันธพาลคนหนึ่งเท่านั้น ตระกูลจียังต้องกลัวเขาหรือ”

โจวมามาร่ำไห้บอกว่า “ฮูหยินกลัวเจ้าค่ะ…กูหน่ายนาย ท่านเป็นคุณหนูใหญ่ ตั้งแต่เล็กเสื้อผ้าอาหารมิเคยต้องกังวล ไม่เข้าใจความทุกข์ทรมานของคนธรรมดาสามัญ ท่านคงไม่รู้ว่าสตรีธรรมดาพบเรื่องเช่นนี้ ล้วนมิมีผู้ใดกล้าพูด”

จีหว่านหันหน้าหนี “ข้าไม่เชื่อ!”

“กูหน่ายนาย…ท่านเชื่อบ่าวเถิดเจ้าค่ะ! หากบ่าวโกหกแม้แต่ประโยคเดียวขอให้บ่าวถูกฟ้าผ่าตาย ไม่ได้ตายดี!”

คนโบราณเชื่อในคำสาบาน โจวมามากล่าวคำสาบานรุนแรงเช่นนี้ออกมาแล้ว อย่าพูดถึงจีหว่าน แม้แต่สีหน้าของจีเหล่าฮูหยินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

โจวมามาเอื้อมมือไปคว้ากระโปรงของจีหว่าน จีหว่านดึงกระโปรงออกอย่างรังเกียจ “อย่ามาแตะข้า!”

โจวมามาร่ำไห้ “บ่าวผิดเอง บ่าวไม่ดี…ฮูหยินคิดจะสารภาพกับนายท่านและเหล่าฮูหยินตั้งหลายครั้ง แต่บ่าวห้ามไว้…ฮูหยินอยู่ในบ้านของผู้อื่นก็นับว่าเป็นก้อนภาระอยู่แล้ว หากปล่อยให้คนรู้ว่าตัวนางไปก่อเภทภัยใหญ่หลวงเช่นนี้เอาไว้อีก ตระกูลจียังจะต้องการนางอยู่อีกหรือ บ่าวกลัวว่า…”

จีเหล่าฮูหยินรักษาสีหน้านิ่งสงบไว้ไม่อยู่แล้ว

โจวมามา ‘โขกศีรษะ’ สุดชีวิต หน้าผากโขกพื้นจนเลือดไหลเละเทะ แม้แต่หลินซูเยี่ยนที่เป็นบุรุษคนหนึ่งยังเริ่มจะทนมองมิได้

สีหน้าของจีซั่งชิงถมึงทึงจนน่ากลัว เขากำหมัดแน่น ไม่มีผู้ใดมองออกว่าแท้จริงแล้วเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

เฉียวเวยเห็นสีหน้าของทุกคนอยู่ในสายตา อันธพาลอะไรคนนี้ แม้จะฟังดูน่าเชื่ออย่างยิ่ง แต่ก็ไม่เพียงพอชดเชยกับเรื่องที่สวินหลันหลอกลวงทุกคน อยากอยู่ต่อที่ตระกูลจี ไพ่ก้นหีบใบนี้ยังไม่มากพอ

“โจวมามา” จู่ๆ สวินซื่อก็ยกมือขึ้น ประคองโจวมามาที่โขกศีรษะสุดชีวิตไว้

โจวมามาร้องไห้หันไปมองนาง “ฮูหยิน บ่าวทำร้ายท่านแล้ว…หากบ่าวไม่ขัดขวางท่าน ให้ท่านสารภาพเร็วกว่านี้…ก็คงไม่มีการเข้าใจผิดเช่นวันนี้ตอนนี้…”

“อันธพาลผู้นั้นเป็นผู้ใด” เฉียวเวยเอ่ยปากถาม

“เป็นผู้ใดก็ไม่สำคัญแล้ว” สวินซื่อเอ่ยตอบ นางหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของโจวมามา “พวกเราไปกันเถิด”

“ไป ไปที่ใดเจ้าคะฮูหยิน” โจวมามาเอ่ยอย่างตกตะลึง

สวินหลันลุกขึ้นยืน “ไปที่ใดก็ได้ทั้งนั้น ไปกันเถิด” พูดพลางก็หันไปมองหญิงรับใช้ทั้งหลาย “ยกโจวมามาออกไป”

“ฮูหยิน! ฮูหยิน ท่านไปไม่ได้นะเจ้าคะ!” โจวมามากอดขาของนางไว้

จีหว่านว่าอย่างรังเกียจ “ไปไม่ได้หรือ รอพวกเราสืบหาหลักฐานความผิดของนางมาได้มากกว่านี้ เรื่องคงไม่จบที่ขับไล่ออกจากตระกูลง่ายดายเช่นนี้แล้ว!”

สวินหลันเอ่ยว่า “โจวมามา เจ้าปล่อยมือ”

โจวมามาเป็นตายก็ไม่ยอมปล่อย มองไปทางจีเหล่าฮูหยินกับจีซั่งชิงที่นั่งอยู่ด้านบน “เหล่าฮูหยิน นายท่าน! ฮูหยินไปไม่ได้จริงๆ นะเจ้าคะ! ฮูหยินนาง…ในท้องของนางมีเลือดเนื้อของนายท่านอยู่!”