ตอนที่ 831 แข่งกันเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 831 แข่งกันเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า

“พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารต้าเยี่ยนรับคำเสียงดังลั่น

ขณะที่จักรพรรดิต้าเยี่ยนเดินทางไปถึงเมืองชาง กองทัพใหญ่ขององค์หญิงเจิ้นกั๋วที่อยู่ไกลถึงต้าเหลียงก็บุกเข้าไปในเมืองหยางเจียง ตอนนี้ทัพของหญิงสาวอยู่ห่างจากเมืองหานเพียงแค่เมืองเยว่กู่ขั้นกลางเท่านั้น กองทัพของต้าเหลียงถอยทัพไปป้องกันที่เมืองเยว่กู่แทน

เมื่อไป๋ชิงเหยียนบุกเข้าไปในเมืองได้สำเร็จ หญิงสาวเดินตรวจความเรียบร้อยในค่ายทหารเป็นลำดับแรก สั่งให้บรรดาทหารไปช่วยดูแลชาวบ้านและทหารที่ติดเชื้อโรคระบาดในเมืองให้ดี

คงเป็นเพราะเมืองหยางเจียงอยู่ใกล้กับเมืองหลวงหานของต้าเหลียง โรคระบาดในเมืองนี้จึงไม่ค่อยร้ายแรงมากนัก ชาวบ้านและทหารที่ติดเชื้อมีจำนวนไม่มาก ทว่า ด้วยเหตุผลนี้เมืองหยางเจียงจึงโจมตียากกว่าเมืองที่โรคระบาดค่อนข้างรุนแรงเมืองอื่น

ก่อนที่ไป๋ชิงเหยียนจะออกไปตรวจค่ายรักษาตัวของทหารที่ได้รับบาดเจ็บ หญิงสาวได้รับจดหมายลับว่าบรรดาขุนนางในราชสำนักต้าเหลียงต่างพากันเกลี้ยมกล่อมให้จักรพรรดิย้ายเมืองหลวงหนี หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นสั่งให้คนไปตามจ้าวเซิ่งและจ้าวหร่านมารอพบนางที่กระโจมที่พัก เมื่อไป๋ชิงเหยียนกลับมาที่กระโจมที่พัก จ้าวเซิ่งและจ้าวหร่านต่างมารออยู่ในกระโจมพักใหญ่แล้ว

“คุณหนูใหญ่!”

“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!”

เมื่อทั้งสองเห็นไป๋ชิงเหยียนกลับมาต่างก็รีบลุกขึ้นยืนทำความเคารพ

“ปล่อยให้ทั้งคู่รอนานแล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนปลดดาบที่เอววางลงบนโต๊ะ จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะแล้วกล่าวขึ้น “ที่ข้าตามทั้งสองคนมาที่นี่ก็เพราะข้าได้รับรายงานว่าขุนนางต้าเหลียงกำลังเกลี้ยกล่อมให้จักรพรรดิต้าเหลียงย้ายเมืองหลวงหนีไปที่อื่น ข้าตั้งใจจะส่งทั้งสองคนนำทัพอ้อมเมืองเยว่กู่ไปยังเมืองหาน! จากนั้นล้อมประตูทิศตะวันออก ตะวันตกและทิศเหนือเอาไว้ ทว่า ยังไม่ต้องบุกโจมตีเข้าไปในเมือง พวกเจ้าจงรีบมุ่งหน้าไปเมืองหานโดยเร็วที่สุด ต้องไปถึงที่นั่นก่อนที่จักรพรรดิต้าเหลียงจะย้ายเมืองหลวงไปที่อื่นให้ได้!”

จ้าวเซิ่งหยัดหลังตรง “ทว่า บัดนี้กองทัพหลักของต้าเหลียงอยู่ที่เมืองเยว่กู่ หากกระหม่อมและจ้าวหร่านนำทัพส่วนใหญ่จากไป…”

จ้าวหร่านชะงักคำกล่าวลงเช่นกัน เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่ต้องการจับตัวหัวหน้าใหญ่สุดให้ได้ก่อนอย่างนั้นหรือขอรับ”

แม้จ้าวหร่านจะเรียนมาน้อย ทว่า เขาเป็นคนหัวเร็ว

เขาเข้าใจว่าการโจมตีเมืองไปเรื่อยๆ ทีละเมืองไม่สู้บุกไปจับตัวราชวงศ์ต้าเหลียงทั้งราชวงศ์ที่เมืองหานให้ได้เลยดีกว่า เมื่อไม่มีราชวงศ์ต้าเหลียงแล้ว บรรดาทหารต้าเหลียงเหล่านี้จะต่อต้านไปเพื่อสิ่งใดอีก

“องค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงรับสั่งให้พวกกระหม่อมนำทหารไปล้อมประตูเมืองทิศตะวันออก ตะวันตกและเหนือเอาไว้เพราะต้องการบีบให้จักรพรรดิต้าเหลียงหนีไปทางทิศใต้หรือพ่ะย่ะค่ะ” จ้าวเซิ่งขมวดคิ้วแน่น “บัดนี้แม่ทัพหลิวหงยึดเมืองเยว่โจวได้แล้ว พวกเขามีเพียงเมืองจงซิ่งขวางอยู่เท่านั้น จักรพรรดิต้าเหลียงอาจไม่หนีไปทางประตูทิศใต้แล้วไปยังเมืองจงซิ่ง…”

“หากไม่หนี พวกเขาจะอยู่รอให้พวกเราจับอยู่ในเมืองหานหรืออย่างไรกัน” จ้าวหร่านเอ่ยถาม

“ราชสำนักของต้าเหลียงไม่ใช่ว่าจะไม่มีขุนนางมากความสามารถ พวกเขาอาจเลือก…” จ้าวเซิ่งตะลึง เขาเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน เขาเข้าใจจุดประสงค์ของไป๋ชิงเหยียนขึ้นมาทันที

จักรพรรดิต้าเหลียงอาจเลือกหนีไปทางฝั่งตะวันออก กองทัพของเกาอี้จวิ้นจู่ที่เลือกเส้นทางฝั่งตะวันออกไม่ส่งข่าวใดมาเลย องค์หญิงเจิ้นกั๋วต้องการบีบให้จักรพรรดิต้าเหลียงหนีไปทางฝั่งตะวันออกอย่างนั้นหรือ

จ้าวเซิ่งมีสติขึ้นมาทันที “กองทัพต้าเหลียงอาจคิดว่าประตูทิศใต้ที่ไม่มีทหารดักล้อมอยู่อาจมีกับดักของแม่ทัพหลิวหงรออยู่ ภาคเหนือและภาคตะวันออกของต้าเหลียงไม่มีข่าวการทำสงครามส่งมาแม้แต่น้อยดังนั้นจักรพรรดิต้าเหลียงอาจเลือกบุกหนีไปทางประตูทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ ทว่า หากต้าเหลียงต้องเลือกเมืองหลวงแห่งใหม่ พวกเขาน่าจะอพยพหนีไปยังเมืองที่มั่งคั่งมากกว่า เช่นนั้นจักรพรรดิต้าเหลียงก็จำต้องมุ่งหน้าไปทางต้าเฉวียนและเซียงเหลียงซึ่งก็คือเส้นทางการเดินทัพของเกาอี้จวิ้นจู่ ไม่รู้ว่าตอนนี้ทัพของเกาอี้จวิ้นจู่อยู่ที่ใดแล้ว”

“ตอนนี้เกาอี้จวิ้นจู่น่าจะถึงเมืองต้าเฉวียนแล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางจ้าวเซิ่ง “นอกจากทหารที่ได้รับบาดเจ็บที่จะอยู่ในเมืองหยางเจียงต่อแล้ว พรุ่งนี้เช้าข้าจะนำทัพบุกไปยังเมืองเยว่กู่ จะหลอกล่อกองทัพหลักของต้าเหลียงมาที่ข้าทั้งหมด พวกเจ้าไปพักผ่อนให้เพียงพอ จากนั้นออกเดินทางช่วงเที่ยง จ้าวหร่าน…จงฟังคำสั่งของจ้าวเซิ่งทุกเรื่อง!”

จ้าวเซิ่งมองไปทางจ้าวหร่านอย่างประหลาดใจ ความจริงแล้วจ้าวหร่านเป็นลูกน้องคนสนิทของไป๋ชิงเหยียน

“ขอรับ!” จ้าวหร่านกำหมัดรับคำอย่างไม่มีข้อกังขา

มองส่งจ้าวเซิ่งและจ้าวหร่านจากไป ไป๋ชิงเหยียนยกมือนวดท้ายทอยของตัวเองอย่างอ่อนล้า จากนั้นหยิบม้วนไม้ไผ่ขึ้นมาแล้วเท้าคางเปิดอ่านทีละหน้าอย่างตั้งใจ

ไม่นานไป๋ชิงเหยียนก็รู้สึกว่าเปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง หญิงสาวฟุบหลับไปบนโต๊ะตรงหน้า

ในความฝันไป๋ชิงเหยียนรู้สึกว่าตัวเองย้อนกลับไปในเหตุการณ์ที่พบกับมู่หรงอวี้บนเรือริมทะเลสาบอิ๋ง

มู่หรงอวี้ในชุดยาวสีขาวราวกับหิมะ ผูกผ้าคาดเอวหยกไว้ที่เอวหลวมๆ ยืนถือพัดมองดูกิ่งไม้พัดไปมาตามลมอยู่ริมทะเลสาบ เครื่องประดับบนเสื้อท่อนบนของเขาเป็นสีเดียวกับผ้าคาดเอวหยก แสงแดดอ่อนๆ ส่องกระทบลงบนร่างของชายหนุ่ม รอบกายของเขาเปล่งแสงบริสุทธิ์เรืองรองออกมา

ใบหน้าของมู่หรงอวี้ยังคงงดงามเหนือบุรุษอื่นใดเหมือนเช่นเคย

มู่หรงอวี้เหมือนจะมองเห็นนางจากที่ไกลๆ เขาหันมาโค้งกายคำนับนางอย่างไม่วางมาด เมื่อหยัดกายขึ้นก็กล่าวออกมายิ้มๆ “อาเหยียน ต่อจากนี้พี่ขอฝากอาเหยี่ยนไว้กับเจ้าด้วย หวังว่าเจ้าและอาเหยี่ยนจะเดินไปในทางที่ถูกต้อง มีชื่อเสียงดีงามเป็นที่กล่าวขานไปอีกนับพันปี”

เมื่อไป๋ชิงเหยียนได้ยินเช่นนี้จึงกำมือแน่นทันที ทั้งๆ ที่ในใจเหมือนจะมีคำตอบอยู่แล้ว ทว่า ไป๋ชิงเหยียนก็ยังถามออกไป

“ท่านจะไปที่ใดกัน”

“พี่จะไปพบท่านแม่แล้ว” มู่หรงอวี้ยิ้มอย่างอ่อนโยน

“มู่หรงเหยี่ยนจะเสียใจมาก…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

“พี่น้องไม่อาจอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ทว่า สามีภรรยาสามารถทำได้” มู่หรงอวี้เหมือนผู้ใหญ่ที่มีเมตตา เขากล่าวกับไป๋ชิงเหยียนอย่างไม่รีบร้อน “อาเหยียน บนโลกนี้มีคนจากไปและผ่านเข้ามาอยู่ตลอดเวลา แม้พี่จะจากไปแล้ว ทว่า อาเหยี่ยนยังมีเจ้าคอยอยู่เคียงข้าง ดังนั้นพี่ถึงวางใจมาก”

“พี่ได้อ่านตำราพิชัยสงครามและแนวคิดระบอบการปกครองบ้านเมืองที่เจ้าสรุปจากตำราต่างๆ ที่เคยอ่านและส่งมาให้อาเหยี่ยนหมดแล้ว” รอยยิ้มของมู่หรงอวี้กว้างขึ้นกว่าเดิม “อาเหยียนเก่งกาจในเรื่องรบ มีความสามารถในการปกครอง ไม่ว่าวันหน้าใต้หล้าแห่งนี้จะตกเป็นของเจ้าหรืออาเหยี่ยน พี่ล้วนไม่เป็นห่วงทั้งสิ้น พวกเจ้าต่างเป็นผู้นำที่ปรีชาชาญ ต้องทำให้ชาวบ้านมีชีวิตที่มีความสุขได้แน่นอน”

หญิงสาวรู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที

การจากไปของคนที่เรารักเสมือนพรากวิญญาณของเราไปด้วย

ไม่รู้ว่าตอนนี้เซียวหรงเหยี่ยนจะเสียใจมากเพียงใด

ในสายตาของไป๋ชิงเหยียน มู่หรงอวี้เป็นจักรพรรดิที่ดีมาก น่าเสียดายที่เขามีบิดาเช่นนั้น เขาถึงมีอายุสั้นเช่นนี้

“น่าเสียดายที่พี่ไม่มีโอกาสแข่งขันเป็นที่หนึ่งในใต้หล้ากับบุคคลที่เก่งกาจเช่นอาเหยียน…”

กล่าวจบมู่หรงอวี้โค้งกายให้ไป๋ชิงเหยียนอีกครั้งยิ้มๆ จากนั้นร่างของเขาก็ค่อยๆ หายไปจากริมทะเลสาบ

ไป๋ชิงเหยียนที่ฟุบหลับอยู่บนโต๊ะลืมตาโพลงขึ้นทันที หญิงสาวลุกขึ้นนั่ง…

ลมหนาวจากด้านนอกพัดเข้ามาในกระโจม ม่านที่อยู่ด้านในฉากกั้นพลิ้วไหวเล็กน้อย

หญิงสาวนึกถึงความฝันเมื่อครู่ของตัวเอง จักรพรรดิต้าเยี่ยนจากโลกนี้ไปแล้วจริงๆ หรือไม่นะ

หากจักรพรรดิต้าเยี่ยนสวรรคตแล้วจริงๆ ไม่รู้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะเป็นเช่นไรบ้าง

ขณะที่ไป๋ชิงเหยียนกำลังก้มหน้าใช้ความคิดว่าจะปลอบโยนเซียวหรงเหยี่ยนเช่นไรดี จ้าวหร่านก็มาขอพบนางที่หน้ากระโจมพอดี

“คุณหนูใหญ่ คนจากซั่วหยางส่งอาวุธมาแล้วขอรับ ทว่า ยังมาไม่ถึงเมืองหยางเจียง คุณหนูใหญ่จะจัดสรรอาวุธเหล่านี้อย่างไรดีขอรับ” เมื่อจ้าวหร่านเข้ามาด้านในก็เอ่ยถามไป๋ชิงเหยียนเสียงเบา

“จัดอาวุธเหล่านี้ให้จ้าวเซิ่งและเจ้าใช้ก่อน เจ้าส่งคนไปรับมอบอาวุธเหล่านั้นแล้วไปนัดเจอกันตรงที่กองทัพของพวกเจ้าจะเดินทางผ่าน จากนั้นนำอาวุธเหล่านี้ไปใช้ได้เลย”

“ขอรับ!” จ้าวหร่านหมุนกายเตรียมจากไป

“รอก่อน…” ไป๋ชิงเหยียนรั้งคนไว้

“คุณหนูใหญ่มีสิ่งใดจะสั่งอีกขอรับ” จ้าวหร่านถาม

“เจ้ารอข้าเขียนจดหมายสักครู่ เจ้าให้คนที่นำอาวุธมาส่งนำจดหมายนี้กลับไปให้เฉิงซ่านหรู ให้เฉิงซ่านหรูมอบจดหมายนี้ให้คนของเซียวเซียนเซิง”