ตอนที่ 833 ขอหนังจากเสือ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 833 ขอหนังจากเสือ

ความทรงจำของเสิ่นไป่จ้งยังกลับมาไม่หมด

เขาไปที่จวนเก่าของตระกูลเสิ่นกับเสิ่นชิงจู๋ ไปเคารพศพของภรรยาที่รักที่หลุมศพของนาง ความทรงจำของเขาค่อยๆ กลับมา ความรู้สึกผิดที่มีต่อภรรยาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกผูกพันที่มีต่อลูกศิษย์ผู้ชายของเขาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ อาจเป็นเพราะตอนนี้เขายังไม่ได้พบหน้าศิษย์คนนั้นของเขา ดังนั้นความรู้สึกผูกพันที่เขาคิดว่าหลี่หมิงรุ่ยคือลูกศิษย์ของตัวเองจึงยังไม่ได้หายไปทั้งหมด

ครั้งนี้เขาตั้งใจมากล่าวลาหลี่หมิงรุ่ย จากนั้นค่อยไปเฝ้าอยู่ที่หลุมศพของภรรยาชั่วชีวิต ทว่า เมื่อเห็นหลี่หมิงรุ่ยยังคงพัวพันอยู่กับเหลียงอ๋องเขาจึงอดเตือนไม่ได้

“เหลียงอ๋องผู้นี้มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต เสแสร้งเก่งจนแยกไม่ออกว่าเขากล่าวเรื่องจริงหรือโกหก คุณชายไปมาหาสู่กับคนผู้นี้เหมือนเป็นการขอหนังจากเสือ[1] ต้องระวังตัวให้มากนะขอรับ!”

หลี่หมิงรุ่ยประหลาดใจที่เหล่าเวิงรู้สุภาษิตเช่นนี้…

“ดูเหมือนว่าความทรงจำของเหล่าเวิงจะกลับมาแล้ว” หลี่หมิงรุ่ยรู้สึกดีใจแทนเหล่าเวิงจริงๆ ทว่า ในขณะเดียวกันก็รู้สึกหดหู่ ก่อนหน้าที่เหล่าเวิงยังจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้…ชีวิตของเหล่าเวิงมีเพียงหลี่หมิงรุ่ยคนเดียวเท่านั้น ตอนนี้เหล่าเวิงจำเรื่องทุกอย่างได้แล้ว เหล่าเวิงพบญาติพี่น้องและสหายของตัวเองแล้ว เหล่าเวิงไม่ใช่เหล่าเวิงของเขาคนเดียวอีกต่อไปแล้ว

ความรู้สึกของหลี่หมิงรุ่ยในตอนนี้เหมือนเด็กที่กำลังถูกแย่งความรักจากบิดาไป เขารู้สึกปวดใจมาก

“คุณชาย!” เสิ่นไป่จ้งกล่าวเสียงเข้มกว่าเดิม

“เหล่าเวิง ข้าคือบุตรชายคนโตของตระกูลหลี่ ข้าต้องวางแผนเพื่อเกียรติยศและอนาคตของตระกูลหลี่!” หลี่หมิงรุ่ยยิ้มให้เหล่าเวิงน้อยๆ “เหล่าเวิง ทุกคนล้วนมีหน้าที่ของตัวเองต้องรับผิดชอบ ข้ารู้ดีว่าการร่วมมือกับเหลียงอ๋องคือการขอหนังจากเสือ ทว่า บัดนี้ข้าไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว! อีกอย่างข้าเชื่อว่าข้าต้องทำสำเร็จ เหล่าเวิงควรเชื่อใจข้า!”

หลี่หมิงรุ่ยกล่าวพลางหยิบป้ายคำสั่งออกมาจากเสื้อแล้วส่งให้เสิ่นไป่จ้ง “อีกไม่นานประตูเมืองจะถูกเปลี่ยนผู้คุ้มกัน หากถึงเวลานั้นเหล่าเวิงออกไปไม่ทันจงใช้ป้ายนี้!”

เสิ่นไป่จ้งรู้ดีว่าหลี่หมิงรุ่ยเป็นคนตัดสินใจแน่วแน่ เกรงว่าเกลี้ยกล่อมไปก็คงไม่ได้ผล เขารับป้ายคำสั่งมาจากหลี่หมิงรุ่ย จากนั้นกำหมัดคารวะชายหนุ่ม “คุณชายระวังตัวด้วยนะขอรับ!”

“เหล่าเวิงรักษาตัวด้วย!” หลี่หมิงรุ่ยโค้งกายคำนับเหล่าเวิง เขาสวมหมวกคลุมสีดำอีกครั้ง จากนั้นเดินออกจากหลังต้นไม้ไปเคาะประตูหลังของจวนเหลียงอ๋อง

เสิ่นไป่จ้งยืนมองดูประตูหลังของจวนเหลียงอ๋องถูกเปิดออกเล็กน้อยอยู่หลังต้นไม้ เมื่อหลี่หมิงรุ่ยแทรกตัวเข้าไปในจวน ประตูถูกปิดลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

เสิ่นไป่จ้งคิดทบทวนคำกล่าวเมื่อครู่ของหลี่หมิงรุ่ยซ้ำไปซ้ำมา เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเดินซ่อนตัวจากสายตาขององครักษ์ลับของจวนเหลียงอ๋องโดยการเอาหลังแนบกำแพงไปเรื่อยๆ เพื่อตรงไปยังจวนฉิน

ก่อนหน้านี้ไป๋ชิงเหยียนส่งจดหมายกลับมาบอกให้ไป๋จิ่นซิ่วพาวั่งเกอติดตามฉินหล่างไปรับตำแหน่งที่ไป๋ว่อ ทว่า ไป๋จิ่นซิ่วเป็นคนฉลาด นางจะมองจุดประสงค์ของพี่หญิงใหญ่ของตัวเองไม่ออกได้อย่างไร

เมื่อนางไปจากที่นี่คงจะปลอดภัย ทว่า พี่หญิงใหญ่จะได้รับข่าวจากเมืองหลวงได้อย่างไรกัน ไป๋จิ่นซิ่วรู้สึกว่าการมอบคนทั้งหมดไว้ในมือของฝูรั่วซีเสี่ยงเกินไป ที่สำคัญฝูรั่วซีเป็นแม่ทัพ เขาไม่ละเอียดรอบคอบเท่านาง เมื่อเขาได้รับข่าวสำคัญเขาอาจรับมือกับเรื่องนั้นได้ไม่ทันท่วงที อาจทำให้พลาดโอกาสดีๆ ไปได้

ดังนั้นตอนที่ฉินหล่างจากเมืองหลวงไปรับหน้าที่สำคัญที่ไป๋ว่อ ไป๋จิ่นซิ่วไม่ได้จากไปด้วย หญิงสาวเลือกที่จะอยู่ในเมืองหลวงต่อ

เสิ่นไป่จ้งยังจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ทั้งหมด ทว่า เขารู้ดีว่าเขามีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลไป๋ ที่สำคัญลูกศิษย์คนหนึ่งของเขาคือลูกชายของแม่นมของไป๋ชิงเหยียน ลูกศิษย์อีกคนของเขาคือหัวหน้าองครักษ์ประจำตัวของไป๋ชิงเหยียน เขาต้องสนิทสนมกับตระกูลไป๋มากแน่ๆ

ในเมื่อรู้ว่าเมืองหลวงกำลังจะเกิดความวุ่นวายขึ้น เสิ่นไป่จ้งจึงจำเป็นต้องไปบอกให้ไป๋จิ่นซิ่วรับรู้และเตรียมป้องกัน

เมื่อเสิ่นไป่จ้งไปขอพบไป๋จิ่นซิ่วที่จวนฉินได้ไม่นาน องครักษ์ลับที่ไป๋จิ่นซิ่วส่งไปจับตาดูความเคลื่อนไหวที่จวนฟ่านก็กลับมารายงานเช่นเดียวกัน เขากล่าวว่ามีบ่าวรับใช้ขี่ม้าออกไปจากจวนฟ่าน ต่อมาฟ่านอวี๋ไหวก็ปลอมตัวเดินทางไปยังจวนเหลียงอ๋อง คนขององค์รัชทายาทที่เฝ้าอยู่หน้าจวนเหลียงอ๋องถูกจัดการทิ้งทั้งหมดแล้ว

คนของไป๋จิ่นซิ่วไม่อยากถูกคนขององค์รัชทายาทจับได้จนองค์รัชทายาทเกิดความสงสัยในตัวของไป๋ชิงเหยียน พวกเขาสังเกตสถานการณ์อยู่ห่างๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รับอันตราย

องครักษ์ลับที่มารายงานไป๋จิ่นซิ่วกล่าวว่าคนที่จัดการกับคนขององค์รัชทายาทเป็นคนที่มีวรยุทธ์สูงส่ง ไม่เหมือนองครักษ์ลับธรรมดา เหมือนเป็นมือสังหารชั้นยอดมากกว่า

ไป๋จิ่นซิ่วได้ยินก็ปะติดปะต่อเรื่องทุกอย่างที่เคยสงสัยก่อนหน้านี้เข้าด้วยกันทันที

ดังนั้นที่พฤติกรรมน่าสงสัยที่ฟ่านอวี๋ไหวพบปะกับลูกน้องหน่วยเก่าของตัวเองก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ทำไปเพราะคิดว่าหัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์คือตำแหน่งที่เขาจะได้รับสูงสุดแล้ว ทว่า เขาทำไปเพราะต้องการก่อกบฏที่ประตูอู่เต๋อขึ้นอีกครั้งเพราะเขาคือคนของเหลียงอ๋อง!

ภายในห้องโถงของจวนฉิน สีหน้าของไป๋จิ่นซิ่วที่นั่งอยู่กลางโถงราบเรียบราวกับสายน้ำ หญิงสาวกำที่วางแขนของเก้าอี้แน่น พยายามจัดเรียงข้อมูลที่รับรู้มาทั้งหมดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา

ไป๋จิ่นซิ่วเข้าใจได้ที่หลี่หมิงรุ่ยเข้าร่วมกับเหลียงอ๋อง ความโกรธแค้นที่เหลียงอ๋องมีต่อตระกูลไป๋เป็นเพราะเรื่องขององค์ชายรองที่เคยกบฏในตอนนั้น!

หากเหลียงอ๋องก่อกบฏสำเร็จจนได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ของต้าจิ้น เขาต้องลบล้างมลทินให้องค์ชายรอง องค์ชายรองจะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ทันที จดหมายที่ตระกูลหลี่เขียนยุยงให้องค์ชายรองก่อกบฏในปีนั้นที่ตระกูลไป๋มีอยู่ในกำมือจะกลายเป็นหลักฐานเท็จทันที ตระกูลหลี่จะกลายเป็นขุนนางที่มีส่วนช่วยให้จักรพรรดิองค์ใหม่ได้ขึ้นครองราชย์

พวกเขาเลือกลงมือในตอนนี้เพราะข่าวสถานการณ์รบของต้าเหลียงที่ถูกส่งกลับมาไม่หยุดหย่อน

พี่หญิงใหญ่โจมตีเมืองต่างๆ ของต้าเหลียงแตกมากมาย ตอนนี้ใกล้จะบุกถึงเมืองหลวงของต้าเหลียงแล้ว เมื่อสถานการณ์ที่ต้าเหลียงสงบลงหรือต้าเหลียงประกาศยอมจำนน กองทัพใหญ่ของต้าจิ้นจะเดินทางกลับมาเมืองหลวง

บัดนี้กองกำลังส่วนใหญ่ของต้าจิ้นล้วนอยู่ที่ต้าเหลียง พี่หญิงใหญ่ที่เป็นคนปราบความวุ่นวายในเหตุการณ์กบฏที่ประตูอู่เต๋อกำลังทำสงครามอยู่ที่ต้าเหลียง เหลียงอ๋องได้ความจงรักภักดีจากหัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์ฟ่านอวี๋ไหว ประกอบกับฟ่านอวี๋ไหวติดต่อลูกน้องหน่วยตรวจเมืองซึ่งเป็นสังกัดเก่าของเขาได้พอประมาณแล้ว เหลียงอ๋องและหลี่หมิงรุ่ยจึงคิดว่าพวกเขาเตรียมพร้อมแล้ว

มิเช่นนั้นหากกองทัพใหญ่เดินทางกลับต้าจิ้นเมื่อใด กองทัพต้าจิ้นในสังกัดของฟ่านอวี๋ไหวและลูกน้องสังกัดเก่าจำนวนหนึ่งที่ฟ่านอวี๋ไหวรวบรวมมาได้ก็จะไม่มีความหมายทันที

ดังนั้นเหลียงอ๋องต้องก่อกบฏในตอนนี้

ถึงเวลานั้นเมื่อเรื่องทุกอย่างในเมืองหลวงสงบลง เหลียงอ๋องจะอ้างข้ออ้างเดียวกับเหตุการณ์กบฏที่ประตูอู่เต๋อ ใส่ร้ายว่าองค์รัชทายาทกักบริเวณจักรพรรดิต้าจิ้นและควบคุมราชสำนักไว้เอง ตอนนี้ยังใจกล้าถึงขนาดปลงพระชนม์จักรพรรดิต้าจิ้นเพื่อชิงขึ้นครองราชย์ก่อน ส่วนเขา เหลียงอ๋องเป็นโอรสเป็นองค์ชายที่ช่วยปราบปรามเหตุการณ์กบฏในครั้งนี้ จากนั้นจะได้ขึ้นครองราชย์อย่างชอบธรรมทันที

เมื่อเหลียงอ๋องได้ขึ้นครองราชย์ทุกอย่างก็จะจบสิ้น ผู้ใดก็ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น

พี่หญิงใหญ่กังวลถูกแล้วจริงๆ เมืองหลวงกำลังจะวุ่นวาย…

ทว่า ไม่ว่าอย่างไรไป๋จิ่นซิ่วก็จะไม่มีทางยอมให้เหลียงอ๋องได้ขึ้นครองราชย์เด็ดขาด มิเช่นนั้นตระกูลไป๋จะตกอยู่ในอันตรายแน่นอน

ด้านนอกเกิดลมแรงขึ้นเล็กน้อย โคมไฟสองดวงที่แขวนอยู่หน้าโถงรับรองปลิวไปตามแรงลม แสงไฟดับสนิท

ไป๋จิ่นซิ่วลุกขึ้นยืนทำความเคารพเสิ่นไป่จ้ง “ขอบคุณเสิ่นเซียนเซิงมากที่มาแจ้งเรื่องนี้ให้ข้าทราบ ไป๋จิ่นซิ่วมีเรื่องอยากขอร้องให้เสิ่นเซียนเซิงช่วยเหลืออีกสักเรื่อง”

เสิ่นไป่จ้งลุกขึ้นยืน “ฮูหยินฉินกล่าวมาได้เลย”

“หากข้าส่งบุตรชายของข้าไปหาสามีที่ไป๋ว่อในตอนนี้คนของเหลียงอ๋องคงสงสัย…”

[1] ขอหนังจากเสือ เปรียบเทียบว่าการเจรจาหรือร่วมมือกับคนร้ายยากที่เราจะได้ผลประโยชน์