บทที่ 868 ศาสตราเทพเจ็ดวิถี อีกตัวตนหนึ่ง

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 868 ศาสตราเทพเจ็ดวิถี อีกตัวตนหนึ่ง

ดำเนินการต่อ!

หานเจวี๋ยอยากเห็นว่ามหาเทวาพ้นนิวรณ์กำลังวางแผนอะไรอยู่

เมื่อสิ้นเสียง หานเจวี๋ยก็เข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ

เขาลืมตาขึ้น รอบด้านมืดสนิท ทันใดนั้นเบื้องหน้าก็ปรากฏแสงสว่าง

แสงสว่างเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ หานเจวี๋ยเพ่งมองออกไป พบว่าแสงสว่างผุดออกมาจากหว่างคิ้วของเงาร่างสูงใหญ่ไร้ใดเทียมร่างหนึ่ง เขามองไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย มองเห็นเพียงเงาร่าง คล้ายจะสวมเสื้อคลุมตัวหลวม นั่งขัดสมาธิอยู่ท่ามกลางความมืดมิด

มหาเทวาพ้นนิวรณ์อย่างนั้นหรือ

หานเจวี๋ยตกตะลึง

เสียอายุขัยไปล้านล้านปีแล้ว ยังไม่ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของอีกฝ่ายเลย!

เวลานี้เอง หานเจวี๋ยพลันสัมผัสได้ว่ามีความเคลื่อนไหวมาจากด้านหลัง เขาหันกลับไปมอง เงาร่างน่าหวาดหวั่นที่ใหญ่โตมโหฬารยิ่งกว่าเขาเทพปู้โจวร่างหนึ่งอยู่ด้านหลังเขา

เงาร่างนี้ลอยอยู่ในห้วงอวกาศเวิ้งว้าง ขาซ้ายยกพาดขึ้นมาเล็กน้อย สองมือประสานกันอยู่ตรงอก แต่ด้านหลังมีมือมากมายนับไม่ถ้วน ดูราวกับพฤกษาใหญ่ยักษ์ที่มีกิ่งก้านสาขามหาศาล หานเจวี๋ยมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาเช่นกัน

“เทพมารอนธการยังไม่ถือกำเนิด บางทีอาจจะปรากฏตัวแปรขึ้นในมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่”

“ข้าเองก็คิดเช่นนี้ ข้าตัดสินใจปลดปล่อยแดนเทพชุมนุมสวรรค์ออกไป บางทีเทพมารอนธการอาจจะถือกำเนิดขึ้นในแดนเทพชุมนุมสวรรค์”

“อืม เรื่องนี้ว่ากันตามนี้เถิด จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายผู้นั้นทำงานได้ดี และนับว่ามอบโอกาสวาสนาให้เขาสักครั้ง ดูว่าเขาจะสามารถควบคุมได้หรือไม่”

“อืม”

ตัวตนเลิศล้ำทั้งสองสนทนากันเพียงไม่กี่ประโยค ภาพลวงตาก็พังทลายลงตรงนี้

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น

ถึงแม้จะคุยกันน้อยนิด ทว่าแฝงข้อมูลไว้มากมายยิ่ง

ดูเหมือนเหล่าผู้สร้างมรรคาจะคาดหวังให้เทพมารอนธการถือกำเนิดขึ้นยิ่งนัก!

มิน่าเล่าเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลถึงไม่สนใจเทพมารอนธการ แต่กลับสนใจเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เนื่องจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นตัวตนที่อยู่เหนือการควบคุม

หานเจวี๋ยไม่คิดจะบอกเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย ระดับชั้นต่างกันมากเกินไป รู้มากเท่าไรก็ยิ่งอันตรายเท่านั้น

จักรพรรดิสวรรค์ต้องทราบแน่ว่าอีกฝ่ายมีแผนการอยู่ แต่ก็เหมือนที่ตัวตนเหนือชั้นรายนั้นกล่าวไว้ ดูเหมือนจักรพรรดิสวรรค์จะถูกหลอกใช้ แต่ก็ได้รับโอกาสวาสนาเช่นกัน

หากไม่มีมหาเทวาพ้นนิวรณ์ ต่อให้จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายบากบั่นเพียงใด ก็เป็นเพียงจอกแหนที่ล่องลอยอยู่ในฟ้าบุพกาล ไม่มีทางก่อคลื่นลมได้

ด้วยการชี้นำของมหาเทวาพ้นนิวรณ์ จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายที่ได้แดนเทพชุมนุมสวรรค์มาครองต้องผงาดขึ้นมาแน่นอน

หานเจวี๋ยไม่คิดมากต่อไปอีก

ตัวเขาในตอนนี้ยังไม่มีคุณสมบัติไปวางแผนต่อกรกับผู้สร้างมรรคา

รอเขาบรรลุถึงระดับผู้สร้างมรรคาก่อนค่อยว่ากันอีกที

เซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้า เบิกฟ้าเสรี เบิกฟ้ามหามรรค ยอดมหามรรค ผู้สร้างมรรคา!

ทุกระดับชั้น ล้วนแตกต่างจากเซียนทั่วไปขึ้นไปอีกขั้น!

หานเจวี๋ยทำความเข้าใจพลังแห่งการสรรค์สร้างต่อไป

….

วันเดือนเคลื่อนคล้อย เวลาผ่านไปดุจติดปีกบิน

เพียงพริบตาเดียว ผ่านไปสามหมื่นปีแล้ว

มรรคาสวรรค์ปรับโฉมใหม่ไปเรื่อยๆ เส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาลสายที่สี่อยู่ระหว่างก่อสร้าง มีตำแหน่งอริยะมรรคาสวรรค์เพิ่มขึ้นมาอีกสี่ที่ ในบรรดานั้นมีผู้ที่มาจากโลกพุทธะและโลกหงหยวนด้วย แสดงให้เห็นว่าสองโลกนี้หลอมรวมเข้ากับมรรคาสวรรค์อย่างสมบูรณ์แล้ว

แดนเซียนก็เกิดความเปลี่ยนแปลงที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินเช่นกัน มีเผ่าพันธุ์ปรากฏขึ้นนับหมื่น กระแสการบำเพ็ญรุ่งเรือง สำหรับสรรพสิ่งในแดนเซียนแล้ว เซียนทองต้าหลัวไม่ใช่ตัวตนเลื่อนลอยเกินเอื้อมอีกต่อไป อย่างน้อยก็นับเป็นตัวตนที่ได้ยินอยู่เป็นประจำ

ต่ำกว่าแดนเซียนลงไป จำนวนโลกมนุษย์สามัญทะลุหลักแสนไปแล้ว และยังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต ซ้ำยังมีสำนักนิกายดวงชะตาแผ่ขยายออกไปมากมาย มีเพียงการบุกเบิกโลกมนุษย์สามัญขึ้น ที่ได้รับดวงชะตาและผลกุศลมหาศาลมาง่ายที่สุด

สำนักซ่อนเร้นที่อยู่ใต้การดูแลของหลี่เสวียนเอ้าและหานตั้วเทียน ยังคงรักษาขนบดั้งเดิมไว้ แข็งแกร่งทว่าเก็บตัว

หานเจวี๋ยอาศัยอยู่ในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สามมาโดยตลอด เหล่าศิษย์ภายในเขตเซียนร้อยคีรีและอาณาเขตเต๋าแห่งที่สองล้วนไม่ได้มารบกวนเขา ดังนั้นเขาจึงฝึกบำเพ็ญไปอย่างราบรื่นยิ่ง

ในวันนี้เอง หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น

เขาทอดสายตามองทะลุออกไปยังห้วงจักรวาล มองไปที่ดวงดาวใหญ่มหึมาดวงหนึ่ง

เจียงเจวี๋ยซื่อและหลิวเป้ยสนทนาธรรมกันอยู่

หลังจากพบกันอยู่หลายต่อหลายครั้งในช่วงสองแสนกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งสองได้กลายเป็นสหายกันแล้ว หลิวเป้ยใช้ฐานะเจ้าของห้วงจักรวาลแห่งนี้เข้าหาเจียงเจวี๋ยซื่อ

ระยะแรก เจียงเจวี๋ยซื่อเต็มไปด้วยความหวาดระแวงในตัวหลิวเป้ย เพียงแต่ภายหลังพบว่าหลิวเป้ยไม่มีเจตนาร้ายจริงๆ จึงคลายความระแวงลง

กายเนื้อของหลิวเป้ยคือร่างของพุทธะพิชิตชัย รูปโฉมแตกต่างจากหานเจวี๋ยลิบลับ อีกทั้งหลิวเป้ยก็ไม่ได้เปิดเผยตัวตนของหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยพอใจในตัวเจียงเจวี๋ยซื่อยิ่ง เด็กคนนี้บรรลุระดับเบิกฟ้าเสรีระยะต้นแล้ว คุณสมบัติยอดเยี่ยมจริงๆ

ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็คือรั้งตัวเจียงเจวี๋ยซื่อไว้ข้างกาย

ไม่ใช่แค่มีคุณสมบัติเลิศล้ำแล้วจะสามารถอยู่รอดในฟ้าบุพกาลได้ หาไม่แล้วฟ้าบุพกาลคงอยู่มานานขนาดนี้ คงไม่มีอริยะมหามรรคเพียงเท่านี้

หานเจวี๋ยเฝ้ามองอยู่สักพัก ถึงได้ถอนสายตากลับมา เริ่มตรวจดูจดหมาย

[เหล่าตานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจิตอาฆาตแห่งเทพมาร] x78203932

[เต้าจื้อจุนศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจิตอาฆาตแห่งเทพมาร] x90827631

….

[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสหายของท่านครอบครองดวงชะตาแดนเทพชุมนุมสวรรค์]

[อริยะเทพอวี๋เจี้ยนสหายของท่านทำความเข้าใจมรรคกระบี่ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[หานทั่วบุตรชายของท่านครอบครองอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ดวงชะตาเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[อี๋เทียนสหายของท่านครอบครองอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ดวงชะตาเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[โจวฝานศิษย์ของท่านหลอมอริยะเจ็ดวิถีศัตรูของท่านให้กลายเป็นอาวุธ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

….

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายลงมือรวดเร็วยิ่ง!

ผสานรวมกับดวงชะตาแดนเทพชุมนุมสวรรค์เร็วขนาดนี้ คาดว่ามีมหาเทวาพ้นนิวรณ์คอยให้ความช่วยเหลืออย่างลับๆ แน่

เมื่อไล่อ่านลงไป หานเจวี๋ยถูกจดหมายของโจวฝานดึงดูด

คนผู้นี้กำลังทำอะไรอยู่

เขาเรียกจอค่าความสัมพันธ์ออกมาตรวจดู รูปประจำตัวของอริยะเจ็ดวิถียังอยู่ ไม่ได้ดับสูญไป

หานเจวี๋ยนับนิ้วทำนาย พบว่าตอนที่โจวฝานหลอมอริยะเจ็ดวิถี ไม่เผชิญการสะท้อนกลับเลย ซ้ำยังเป็นอริยะเจ็ดวิถีที่เสนอความคิดนี้ออกมาเอง

จู่ๆ เขาก็ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของสองคนนี้ขึ้นมา

คิดไปคิดมา หานเจวี๋ยก็เลือกเข้าฝันโจวฝาน

ในแดนความฝัน

โจวฝานลืมตาขึ้น เมื่อเห็นหานเจวี๋ย ก็ทำความเคารพทันที

ไม่รอให้หานเจวี๋ยได้เอ่ยอันใด โจวฝานก็ชิงนำอาวุธรูปร่างยาวชิ้นหนึ่งออกมา ปลายสองด้านของอาวุธชิ้นนี้คล้ายเหล็กท่อน มีอักขระเจ็ดแถวพัวพันอยู่รอบด้าม เลื้อยขดไปตามอาวุธ ดูลึกลับอย่างยิ่ง

“อาจารย์ อาวุธชิ้นนี้คือศาสตราเทพเจ็ดวิถีขอรับ ข้าหลอมขึ้นจากอริยะเจ็ดวิถี ผสานพลังมหามรรคเจ็ดวิถีไว้ เป็นอย่างไรขอรับ”

โจวฝานถามด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

นี่คือแดนความฝัน ศาสตราเทพเจ็ดวิถีเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น มองอิทธิฤทธิ์ไม่ออก

หานเจวี๋ยถาม “เหตุใดอริยะเจ็ดวิถีถึงยอมให้เจ้าหลอม”

โจวฝานตอบว่า “เขาหวาดกลัวท่านขอรับ ไม่ใช่หวาดกลัวท่านเท่านั้น ยังหวาดกลัวตัวตนอื่นด้วย เขาตัดสินใจเปลี่ยนแปลงสถานะ ดังนั้นจึงมาช่วยเติมเต็มข้าขอรับ”

“เติมเต็มเจ้าหรือ”

“ถูกต้องขอรับ เขาจะช่วยข้าพิสูจน์มรรค รอจนข้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว ค่อยช่วยคืนชีพให้เขา แต่ก่อนถึงวันนั้น จะไม่มีอริยะเจ็ดวิถีอีก มีเพียงตัวข้าโจวฝาน”

โจวฝานภาคภูมิใจยิ่ง

หานเจวี๋ยก็ไม่สะดวกจะทำลายความภาคภูมิใจของเขา เอ่ยถามเพียงว่า “เจ้าวางแผนไว้เช่นไร”

หลังจากขุนพลศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายล้าง โจวฝานพาเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่จากไป ท่องฟ้าบุพกาลต่อ

โจวฝานตอบว่า “ข้าไม่อยากเป็นเช่นเดียวกับฉู่ซื่อเหรินที่บุกเบิกฟ้าดินแห่งหนึ่งขึ้น และไม่คิดจะเอาอย่างจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย รับสมัครไพร่พล ออกรบไปทั่ว ข้าอยากท่องฟ้าบุพกาล สร้างชื่อเสียงขอรับ”

หานเจวี๋ยถาม “ออกท่องไปทั่ว แล้วจะฝึกบำเพ็ญอย่างไร”

โจวฝานหัวเราะฮี่ๆ ตอบว่า “ยิ่งเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไร ข้าก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้นขอรับ”

หานเจวี๋ยไม่ถามต่อแล้ว เตรียมจะสลายแดนความฝัน

“อาจารย์ขอรับ ระยะนี้ข้าได้รับข้อมูลหนึ่งมาจากเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่ เป็นข้อมูลเกี่ยวกับเทพมารอนธการ ท่านอยากทราบหรือไม่ขอรับ” โจวฝานขยับเข้ามา ถามด้วยสีหน้ามีลับลมคมนัย

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว กล่าวไปว่า “หากเจ้าอยากพูดก็พูดมา”

โจวฝานเอ่ยว่า “เทพมารอนธการเป็นข่าวลวง สิ่งที่ฟ้าบุพกาลหวาดกลัวอย่างแท้จริงเป็นอีกตัวตนหนึ่งขอรับ ตัวตนระดับสูงสุดบางส่วนหวังจะชุบเลี้ยงบ่มเพาะเทพมารอนธการเพื่อให้ไปต่อกรกับเขา”

………………………………………………………………